เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ที่ผมได้ตัดสินใจยุติการทำงานด้านการขนส่งสินค้า หลังจากทำงานนี้มาเกือบ 4 ปี เนื่องมาจากประสบปัญหาทางด้านสายตา ที่รู้สึกว่าเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เพราะสังขารที่เริ่มโรยรา....คิดไปคิดมา สุดท้ายก็เลยตัดสินใจเลิกทำ แล้วก็รับทำงานอิสระ ช่วยแม่บ้านจำหน่ายสินค้าขายตรง และทำหน้าที่เป็น "ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน" อย่างเต็มที่ การยุติการทำงานขนส่งสินค้า เท่ากับว่าทำให้ผมต้องยุติ "การเดินทาง" ไปโดยปริยาย แม้ว่าจะรักและชอบการเดินทางมากมายแค่ไหนก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอเปลี่ยนสโลแกนประจำตัว จาก "นักเดินทางอารมณ์ดี" มาเป็น "ชาวบ้านอารมณ์ดี" แทน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะที่ตนเองเป็นอยู่ สำหรับผมแล้ว.....ไม่ว่าผมจะทำหรือเป็นอะไรก็ตาม ผมก็รู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่ตนเองทำและเป็นอยู่เสมอนะครับ.....เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ผมได้เลือกแล้วนั่นเอง
เห็นด้วยกับประโยคสุดท้ายค่ะ ขอเพียงมีอิสระ ได้เลือกทำในกิจกรรมใดๆ ด้วยความพอใจ และเต็มที่กับมัน ก็สุขใจ ด้วยเชื่อมั่น ศรัทธา .. ส่งกำลังใจเสมอนะคะ :)
แล้วก็อย่าลืมไปหาหมอ
ตรวจเช็คสายตาด้วยนะคะ
อันนี้สำคัญมากๆ :)
สวัสดีครับ คุณ Poo
-ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับกำลังใจที่มอบให้เสมอมา
-ตั้งแต่เล็กจนโต ชีวิตของผมก็เกี่ยวเนื่องอยู่กับการเดินทางตลอดนะครับ ทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้เกิดความรักในการเดินทางและคิดอยู่เสมอว่า "ชีวิตคือการเดินทาง" ทั้งด้านกายภาพและจิตวิญญาณ(ผมออกเดินทางจากบ้านเกิดที่ศรีสะเกษตั้งแต่อายุ 13 ปี จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปใช้ชีวิตที่นั่นอีกเลยนะครับ)
ในความรู้สึกนึกคิดที่มีอยู่นั้น....ผมยังรักการเดินทางและยังอยากจะเดินทางไปเรื่อยๆ เพราะบนเส้นทางที่ผมได้ผ่านไปนั้นมีเรื่องราวต่างๆ มากมายให้ผมได้พบเห็นและได้เรียนรู้
แต่ทว่าในความเป็นจริง.....สังขารกลับเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจยุติการเดินทาง คงเหลือไว้เพียงการเดินทางในคราวที่จำเป็นเท่านั้นเอง
-ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา.....สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ก็คือ....ผมได้เรียนรู้ว่า "ความสุขมีอยู่ในทุกหนแห่งและมีอยู่ในทุกขณะเวลา" ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เราหยุดอยู่กับที่หรือตอนที่เรากำลังเดินทางอยู่ก็ตาม
-ผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมเลือกที่จะเป็นและเลือกที่จะทำ
แม้ว่ามันอาจจะทำให้ผมเป็นชาวบ้านนอกธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนใครๆ ก็ตาม
แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจและมีความสุขเสมอนะครับ
-แล้วค่อยพูดคุยกันเพิ่มเติมใน facebook นะครับ
สวัสดีครับ คุณครู krupadee
-ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับกำลังใจที่มีให้กันเสมอมา
-ช่วงแรกๆ ผมก็สะดุ้งตื่นตอนตี 4 เกือบทุกวันนะครับ เพราะช่วงทำงานขนส่งสินค้าส่วนมากจะออกเดินทางช่วงเวลานั้น จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ จนต้องเปิดเนตอ่านข่าวต่างๆ แทนจนสว่าง.....มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจริงๆ นะครับ
-เวลาเปลี่ยนแปลงและกลืนกินสรรพสิ่งจริงๆ นะครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของมันเอง
-ขอให้คุณครูมีความสุขกับทุกๆ ช่วงเวลาเช่นกันนะครับ
สวัสดีครับ คุณหนูรี
-ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับความห่วงใยและความปรารถนาดีที่มีให้ผมเสมอมา
-ผมไปตรวจสายตามาแล้วนะครับ หมอบอกว่าเป็นธรรมดาของคนที่สายตาสั้น เมื่อใช้สายตานานเกินไปก็จะทำให้สายตามีปัญหาเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร
แต่ผมก็ไม่อยากฝืนนะครับ เพราะแม้ใจจะสู้ก็จริง แต่ถ้าหากสังขารไม่เอื้ออำนวยแล้ว ฝืนต่อไปก็ลำบากและมีความเสี่ยงสูง ก็เลยเลือกที่จะหยุดดีกว่า แล้วหันมาทำงานที่เกี่ยวข้องกับการขับรถขับราน้อยลง ซึ่งจะทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
-ครอบครัวของผมมี "แพทย์ประจำครอบครัว" อยู่นะครับ เพราะว่าน้องชายของภรรยาเขาเป็นนายแพทย์ครับ เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมา เขาก็ดูแลตลอดเวลา เลยไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงนะครับ
อิสรภาพที่สามารถเลือกทางเดินชีวิตได้เองนี่...ขึ้นกับการกระทำและบุญที่สะสมมานะคะ
รวมกับมุมมอง "ความสุขมีอยู่ในทุกหนแห่งและมีอยู่ในทุกขณะเวลา" ช่างเป็นความธรรมดาสามัญที่หาได้ง่ายดายและมีอยู่จริง
เห็นด้วยและยินดีด้วยมาก ๆ นะคะ.....ชีวิตสงบ สุข ง่าย งาม
สวัสดีครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา -ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจเสมอมา -ชีวิตของคนเรา ที่จริงเราสามารถเลือกได้นะครับ ว่าเราควรจะจัดวางชีวิตของเราให้อยู่ตรงจุดใด ถ้าเพียงแต่เราจะมีจุดยืนเป็นของตัวเองและมีความกล้าหาญมากพอ -ถ้าหากเราเข้าใจความเป็นธรรมดา เราก็จะพบเห็นว่าความสุขนั้นมีอยู่ในทุกหนแห่งและมีอยู่ในทุกขณะเวลานะครับ ทั้งนี้ อายุและประสบการณ์ที่มากขึ้น จะทำให้เราเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ดีขึ้น -ขอให้คุณหมอมีความสุขในทุกๆ ขณะเวลานะครับ