น้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้เห็นอะไรหลายอย่างที่เราไม่เคยเห็น หรือไม่นึกว่าจะได้เห็นในชีวิตอันสั้นนี้
ระยะทาง 200 เมตร ค่าเรือ 2,000 จะไปหรือไม่ไป
หนีน้ำไปต่างจังหวัด ลงจากรถเมล์ ต่อรถตุ๊ก จากท่ารถไปตลาด ระยะทาง 1 กม. เรียกเหนาะๆ 200 จ่ายมาซะดีๆ หรือจะเดินไป !
บ้านผม ซึ่งห่างจากรัศมีน้ำท่วม 100 กม. โจ๊กธรรมดาชามละ 20 ใส่ไข่ 25 แต่พอน้ำท่วม โจ๊กใส่ไข่ชามละ 35 จะกินหรือไม่กิน
คนที่ไม่เดือดร้อนเลยมีคนรุมกันไปช่วยเหลือเพียบ แต่คนที่เลือดตาแทบกระเด็นไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น จนน้ำลดแล้วอาการยังเพียบ
น้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้แน่ใจอะไรได้หลายอย่างที่ผมไม่เคยแน่ใจ หรือไม่นึกว่าจะได้แน่ใจในชีวิตอันสั้นนี้
ระดับจิตใจของผู้คนยังไปไม่ถึงไหนเลย อันที่จริงต้องพูดว่า ยังไม่ได้ไปไหนกันเลย นับตั้งแต่ที่โลกนี้มีมนุษย์ขึ้นมา
อันนี้แน่ใจได้เลยครับ
คุณ ทองย้อย อาจจะโชคไม่ดีไปหน่อยนะคะที่ได้พบแต่ประสบการณ์ที่น่าหดหู่ใจ แต่เท่าที่เปิดใจรับฟังเรื่องราวต่างๆจากประสบการณ์ของผู้ประสบภัย เราก็ได้เห็นเหมือนกันนะคะว่า มีคนให้"น้ำใจ"กันมากมาย ช่วยเหลือกันแบบไม่ต้องรู้จักกันมาก่อน ปรับทุกข์ปรับร้อนคุยกันช่วยกันได้แม้ไม่เคยรู้จักกัน ช่วยเหลือกันโดยไม่ต้องป่าวประกาศหรือออกชื่อออกเสียงให้คนชื่นชม มีเรื่องน่าประทับใจมากมายนับไม่ถ้วนให้เล่าขานเหมือนกันนะคะ อย่าเพิ่งสิ้นหวังกับผู้คน เราก็จะมีโอกาสโชคดี พบเจอสิ่งดีๆแน่นอนนะคะ
เมื่อมองตามความเป็นจริง เราก็จะเห็นคนทั้งสองประเภท คือประเภทที่ผมว่า แล้วก็ประเภทที่คุณโอ๋-อโณ ว่า
เมื่อเห็นแล้ว ก็มองเขาไปตามความเป็นจริง อย่างที่เขาเป็น
ไม่ถึงกับจะไปให้คะแนน หรือตัดคะแนนใครหรอกครับ แค่มองไปตามความเป็นจริง
เพื่อกำหนดท่าทีของเราเอง ว่า แล้วเราล่ะควรทำอย่างไร
เรียกว่า มองเขา แล้วเอามาสอนเรา อะไรทำนองนั้น
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า สัจธรรม คือ ตัวความเป็นจริง นั้น เรามีหน้าที่ทำความเข้าใจให้ตรงกับที่มันเป็นเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ไปเปลี่ยนแปลง หรือไปเรียกร้องอะไรจากมัน
เมื่อเข้าใจแล้ว เราก็จะรู้ว่าตัวเราควรทำอย่างไร หรือไม่ควรทำอย่างไร
อ้าว ! ขึ้นธรรมาสน์เสียเฉยๆ ยังงั้นแหละ - ลงแค่นี้แหละครับ
ขอบคุณ