สวัสดีค่ะอ.ศิริศักดิ์
อาจารย์ชมแบบนี้เล่นเอาดิฉัน เลยนะคะ
โอ..เดี๋ยวต้องลดทิฎฐิมานะลงซักหน่อย
มาแล้วค่ะ..เรื่อง"มานะ"นี้ดิฉันว่าพระพุทธองค์ท่านไม่"ธรรมดา" จริงๆ สามารถแยกแยะให้เห็นได้ชัดเจนว่ามานะเป็นอย่างไร และมีผลอย่างไร
เรื่องการเปรียบเทียบเรา-เขานี้เป็นเรื่องที่หลายๆ คนไม่รู้ตัวค่ะ เหมือนที่อาจารย์ว่าไว้ พอตัวเองได้เกียรตินิยม เจ้ามานะก็ได้กับเขาด้วย สอบทุนได้ มานะก็ยิ่งแรงกล้าขึ้นไปอีก...เหมือนกันเลยค่ะ
ตอนดิฉันเรียนหนังสือ ก็เป็นเหมือนกัน เพราะเราเติบโตมาบนสังคมที่มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันก็ต้องเกิดขึ้น เพื่อคัดเลือกคนที่เหมาะสมให้อยู่รอดต่อไป แต่ปรากฎว่าคนที่เข้าแข่งขัน ไม่ทำตัวเป็นจ๊อคกี้ แต่กลายเป็นม้า ให้"มานะ"เป็นจ๊อคกี้เสียแทน
หันไปทางไหนก็มีแต่การแข่งขันค่ะเดี๋ยวนี้ ในเกมส์โชว์ ในการเรียน เด็กๆ จะถูกเปรียบเทียบตลอด เรียกว่ามานะถูกเสริมให้เกิดมากๆ โดยเฉพาะแบบสดมภ์ซ้ายสุด คือมักจะสำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ไม่ว่าจะเป็นเลิศกว่าเขาหรือไม่ก็ตาม..เพราะทุกอย่างสื่อให้เห็นว่า "เลิศกว่า"แล้วจะ"ดีกว่า" ได้เงินรางวัล ได้ของตอบแทน ได้รับคำชื่นชม "มากกว่า" คนก็เลยอยากเป็นมากกว่าที่ตัวเองเป็นเสมอ..
ปัญหานี้เราแก้ให้เขาได้ยาก เพราะทิศทางกระแสสังคมมันพาให้เกิดมานะได้สูงมาก..เรื่องเหล่านี้ต้องตระหนักเอง จึงจะเห็น
ก็ได้หวังว่าแต่ละคนคงจะได้มีโอกาสรับรู้เหมือนกับอาจารย์ เห็นทาง ตอนที่ได้อ่านพระอภิธรรมปิฎกนี่แหละค่ะ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ ที่เป็นผู้ชักนำให้ดิฉันมาเดินเส้นทางสายธรรมนี้ด้วยกัน ^ ^
ทิฏฐิ มานะ
สวัสดีค่ะอ.ศิริศักดิ์
อาจารย์ชมแบบนี้เล่นเอาดิฉัน
เลยนะคะ
โอ..เดี๋ยวต้องลดทิฎฐิมานะลงซักหน่อย
มาแล้วค่ะ..เรื่อง"มานะ"นี้ดิฉันว่าพระพุทธองค์ท่านไม่"ธรรมดา" จริงๆ สามารถแยกแยะให้เห็นได้ชัดเจนว่ามานะเป็นอย่างไร และมีผลอย่างไร
เรื่องการเปรียบเทียบเรา-เขานี้เป็นเรื่องที่หลายๆ คนไม่รู้ตัวค่ะ เหมือนที่อาจารย์ว่าไว้ พอตัวเองได้เกียรตินิยม เจ้ามานะก็ได้กับเขาด้วย สอบทุนได้ มานะก็ยิ่งแรงกล้าขึ้นไปอีก...เหมือนกันเลยค่ะ
ตอนดิฉันเรียนหนังสือ ก็เป็นเหมือนกัน เพราะเราเติบโตมาบนสังคมที่มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันก็ต้องเกิดขึ้น เพื่อคัดเลือกคนที่เหมาะสมให้อยู่รอดต่อไป แต่ปรากฎว่าคนที่เข้าแข่งขัน ไม่ทำตัวเป็นจ๊อคกี้ แต่กลายเป็นม้า ให้"มานะ"เป็นจ๊อคกี้เสียแทน
หันไปทางไหนก็มีแต่การแข่งขันค่ะเดี๋ยวนี้ ในเกมส์โชว์ ในการเรียน เด็กๆ จะถูกเปรียบเทียบตลอด เรียกว่ามานะถูกเสริมให้เกิดมากๆ โดยเฉพาะแบบสดมภ์ซ้ายสุด คือมักจะสำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ไม่ว่าจะเป็นเลิศกว่าเขาหรือไม่ก็ตาม..เพราะทุกอย่างสื่อให้เห็นว่า "เลิศกว่า"แล้วจะ"ดีกว่า" ได้เงินรางวัล ได้ของตอบแทน ได้รับคำชื่นชม "มากกว่า" คนก็เลยอยากเป็นมากกว่าที่ตัวเองเป็นเสมอ..
ปัญหานี้เราแก้ให้เขาได้ยาก เพราะทิศทางกระแสสังคมมันพาให้เกิดมานะได้สูงมาก..เรื่องเหล่านี้ต้องตระหนักเอง จึงจะเห็น
ก็ได้หวังว่าแต่ละคนคงจะได้มีโอกาสรับรู้เหมือนกับอาจารย์ เห็นทาง ตอนที่ได้อ่านพระอภิธรรมปิฎกนี่แหละค่ะ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ ที่เป็นผู้ชักนำให้ดิฉันมาเดินเส้นทางสายธรรมนี้ด้วยกัน ^ ^