ขอบคุณครับผม นอกจากการดูแลคนไข้ทางกายแล้วที่สำคัญที่สุดคือทางใจ พระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงคุณลักษณะของผู้พยาบาลผู้เจ็บไข้ที่ดี มีข้อหนึ่งคือ ให้คนไข้ร่าเริงด้วยธรรมิกกถา เคยเจอและพูดคุยกับคนใกล้ตายถือโอกาสแนะนำการตัดขันธ์ห้าปรารถนาการไม่เกิดคือพระนิพพาน แนะนำให้เขาตัดนิวรณ์ห้าคือละอารมณ์ที่ทำปัญญาให้ถอยหลังคือ ละความพอใจจากรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสระหว่างเพศ ละความพยาบาทขัดเคือง ละความฟุ้งว่านรำคาญใจ ละความหดหู่ซึมเศร้าง่วงเหงาหาวนอน ละจากความลังเลสงสัยในคุณพระพุทธพระธรรมพระอริยสงฆ์ ละความหวงห่วงวางภาระทางโลกทุกอย่างไม่ว่าสัตว์วัตถุสิ่งของบุคคล เพราะเราตายไปเอาไปด้วยไม่ได้ ทุกคนเกิดมามือเปล่าต่างคนต่างมาคนเดียวเมื่อตายไปก็ต่างคนต่างไปคนเดียว พุดถึงความดีของพระพุทธพระธรรมและพระอริยสงฆ์ว่าน่าเคารพไหม ผู้แนะนำแจ้งคนไข้ให้น้อมจิตตั้งใจถวายสังฆทานที่มีอานิสงส์สูงมากคือตั้งใจถวายแด่พระอริยสงฆ์ทั้งหมดอันมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประมุขและชำระหนี้สงฆ์ด้วยตนเองคือทานภายนอกโดยวิธีการเฉพาะหน้าคือให้เงินใส่มือถือ แจ้งนำปัจจัยถวายพระสงฆ์ภายหลังให้คนไข้ชุ่มชื่นใจ บอกกล่าวว่าบุญจากการให้ทานเกิดขึ้นทันทีที่ตั้งใจในขณะนี้ ต่อไปแนะนำให้ทานภายในเพื่อให้จิตใจเบาสบายเยือกเย็นมีความสุขด้วยการให้อภัยทาน กับทุกคนทุกเรื่อง รักคนอื่นเสมือนตัวเรา เคารพกฏของกรรมคือมองทุกอย่างทุกคนทุกเรื่องเป็นเรื่องธรรมดาสุขทุกข์ที่ได้รับเป็นผลของกรรม ละคลายจากโลกธรรมแปด เว้นจากอารมณ์ที่ทำให้เกิดความทุกข์คืออารมณ์พอใจและไม่พอใจ ตัดขันธ์ห้าให้เห็นทุกข์จริงๆๆจากการเกิดแก่เจ็บตายและทุกข์เวทนาที่รบกวนกายในขณะนี้ เราจะไม่สนใจทุกขเวทนาภายนอกนี้ที่รบกวนกายคือเปลือกนอกแต่จะไม่ยอมให้รบกวนใจให้เกิดความเศร้าหมองเป็นอันขาด ถ้าพอใจในการเกิดอีก ต้องเจอกับการเวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด เราปรารถนาและนึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ปรารถนาในการเกิดเป็นคนเทวดาหรือพรหมเพราะไม่พ้นจากความทุกข์ มีพระนิพพานที่เดียวไม่ต้องเจอความทุกข์อีกต่อไปตลอดกาล มีแต่ความสุขล้วนๆๆ เราน้อมจิตทรงอิทธิบาทสี่ พรหมวิหารสี่ บารมีสิบ และหิริโอตตัปปะ ตั้งใจถือศีลห้ายอมตัวตายดีกว่าศีลขาด อธิบายสั้นๆพอเข้าใจไล่เรียงทีละข้อ และจบด้วยการบอกว่าบุญเกิดขึ้นทันทีที่ตั้งใจทรงศีลทรงธรรม ข้อผิดพลาดใดใดที่ผ่านมาแล้วช่างมัน ไม่ตามนึกถึงอดีตที่ผ่านมาเพราะแก้ไขไม่ได้แล้ว ไม่นึกถึงอนาคตที่มาไม่ถึง น้อมจิตทรงอารมณ์สติสัมปชัญญะอยู่แต่ในปัจจุบันขณะนี้เดี๋ยวนี้ ชี้ให้เห็นความสำคัญของอารมณ์ปัจจุบัน นึกถึงความตายเราอาจจะตายเดี๋ยวนี้ ดังนั้นเราจะไม่ประมาทไม่คิดชั่วไม่พูดชั่วและไม่ทำชั่ว จิตใจเราจะเกาะอยู่ในความดีคือพระพุทธพระธรรมและพระอริยสงฆ์ เกาะในสีล เกาะในพระนิพพานเป็นอารมณ์จิตเราจะไม่คลาดจากการนึกถึงพระนิพพานตลอดเวลา พระพุทธเจ้าอยู่ที่ใดขอจิตหรือ อทิสสมานกายของข้าพระพุทธเจ้าอยู่ที่นั่น ตั้งใจขอขมาพระรัตนตรัย น้อมจิตเคารพพระพุทธพระธรรมและพระอริยสงฆ์ด้วยความจริงใจ เคารพคือ คือทำตามคำสั่งและคำสอน คำสั่งคือศีลห้า บัดนี้เราทรงสีลห้าบริสุทธิ์แล้ว คำสอนคือพระธรรม คือ หิริความละอายความชั่ว โอตตัปปะคือกลัวผลความชั่วตามให้ผล เราตั้งใจทรงแล้ว ทบทวนพรหมวิหารสี่ เราตั้งใจมั่นแล้ว บารมีสิบไล่เรียงทีละข้อ จบท้ายเราตั้งใจทรงกำลังใจเต็มสิบประการให้ครบถ้วน จับภาพพระแก้วใสและภาวนาพุทโธ ท่านผู้รู้กล่าวว่า ภาวนาพุทโธไม่ตกนรก ภาวนาพุทโธหนึ่งหน พระพุทธเจ้าท่านส่งฉัพพรรณรังสีวนรอบจิตหนึ่งครั้ง นำให้คนไข้ภาวนาหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ เบาๆๆ สบายๆๆ สอบถามอารมณ์ความรู้สึกของคนไข้ขณะน้อมจิตภาวนาว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง แนะนำให้คนไข้ให้เกิดความชุ่มชื่นในจิต นึกถึงอารมณ์ปัจจุบันขณะนี้ คือ เคารพพระรัตนตรัย ทรงสีลห้า นึกถึงความตายและตั้งใจจุดเดียวคือตายเมื่อไรน้อมจิตไปพระนิพพานจุดเดียว ข้าพเจ้าเคยกระซิบข้างหูจับมือสัมผัสคุยฝ่ายเดียวแนะนำปู่อายุเก้าสิบกว่าปีของข้าพเจ้าก่อนท่านจะสิ้นอายุขัยสองถึงสามครั้ง เมื่อคราวท่านนอนป่วยครั้งสุดท้ายอยู่ที่ไอซียู โรงพยาบาลจังหวัด ตั้งแต่ปู่นอนป่วยลืมตาแต่ไม่พุด ต่อมานอนนิ่งไม่ทำตามสั่ง โดยเน้นเรื่องการทรงสีลห้า ให้ตั้งใจทรงสีล ไล่เรียงทีละข้อจบท้ายทุกข้อให้กำลังใจบอกว่าบุญเกิดขึ้นทันทีที่ตั้งใจถือสีล ครั้งสุดท้ายที่แนะนำสังเกตุว่าก่อนฟังไม่มีน้ำตา กระซิบข้างหูท่านนอนฟังแล้วมีน้ำตาไหล ไม่นานต่อมาปู่ตาย ได้เรียนถามอาจารย์ที่สอนมโนมยิทธิตามแนวหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงถึงปู่ที่ตายไปแล้ว ท่านเมตตาบอกว่า ปู่คุณก่อนตายเขาตั้งใจถือสีลนะ ตอนใกล้ตายมีภาพจีวรพระลอยมา ตายแล้วเป็นเทวดาอยู่ชั้นจาตุมหาราช ให้ทำบุญให้ท่านด้วยนะ