พระวินัยบัญญัติว่า พระภิกษุไว้ผมยาวได้ไม่เกิน ๒ นิ้ว หรือไว้ได้นานไม่เกิน ๒ เดือน ...ตามความนิยมพระไทยโดยมากมักจะถือเอาวันขึ้น ๑๔ ของแต่ละเดือนเป็นวันปลงผมหรือโกนผม ...บางรูปขยันเกินก็อาจปลงผมตั้งแต่ขึ้น ๑๓ ค่ำ หรือบางรูปขี้เกียจหรือยุ่งๆ ก็อาจเลยไปปลงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ หรือแรม ๑ ค่ำ ก็มี...
ตามสำนักปฏิบัติที่ห่างไกลผู้คน พระบางรูปก็อาจไว้ผม ๒ เดือน คือ ๒ เดือนปลงครั้งหนึ่ง ...หรือบางรูปก็อาจสมัครใจปลงผมทุก ๑๕ วัน ก็มีเช่นเดียวกัน แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก...โดยมากก็ปลงเดือนละครั้งเหมือนกันทั้งประเทศ และตามที่ทราบมา พระ-เณรทั่วโลกก็มักยึดถือธรรมเนียมปลงผมเดือนละครั้งเหมือนๆ กัน..
ดังนั้น คนสมัยก่อนจึงมักจะสังเกตศรีษะของพระ-เณรแล้วก็คาดคะเนได้ว่า ช่วงนี้จะเป็นข้างขึ้นข้างแรม หรือประมาณกิ่ค่ำ เป็นต้น เพราะพระ-เณรจะมีความยาวของผมพอๆ กันทุกรูป...ส่วนพระ-เณรบางรูปที่มีผมยาวสั้นกว่ารูปอื่นๆ ก็อาจคาดคะเนได้ว่า ท่านรูปนี้เพิ่งบวช ...เป็นต้น
ดังนั้น วันขึ้น ๑๔ ค่ำของแต่ละเดือน จึงเรียกกันว่า วันปลง ...วันปลงนี้พระ-เณรในวัดเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า วันเงินเดือนออก นั้นคือ เดือนละล้าน ...ซึ่ง เมื่อวานผู้เขียนยังไม่ได้เบิกเงินเดือน คิดว่าเขียนบันทึกนี้เสร็จก็จะไปเบิกเงินเดือนอีกล้าน (.............)
แรมค่ำหนึ่งเดือน๑๑ เป็นวันออกพรรษา... พระนวกะหรือพระใหม่ที่จะสึกหรือลาสิกขาหลังออกพรรษา บางรูปก็อาจไม่ปลงผมในเดือนนี้ เพราะคิดว่าอยู่ไปอีกราว ๑๐-๒๐ วัน รวมกันก็ไม่ถึง ๒ เดือน ถือว่าไม่ผิดพระวินัย และพระอาจารย์ก็ไม่ได้ตำหนิด้วยเพราะรู้ว่าจะลาสิกขาแล้ว ผู้ใกล้ชิดวัดจึงรู้ได้โดยไม่ต้องถามว่า ถ้าออกพรรษาแล้วรูปใดยังไม่ปลงผม แสดงว่าท่านจะสึกหรือลาสิกขาอีกไม่กิ่วันข้างหน้าแน่นอน...
อนึ่ง บางคนอาจสงสัยว่า พระ-เณรได้เงินเดือน เดือนละล้าน แล้ว เบี้ยเลี้ยง ไม่มีหรือ ...เบี้ยเลี้ยงพระ-เณร ปรกติก็ได้ วันละบาท นั่นคือ เช้าๆ ก็ออกบิณฑบาต แต่วันนี้ผู้เขียนยังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง (.............)
สรุปว่า พระ-เณร ในวัดได้รับ เงินเดือน เดือนละล้าน และเบี้ยเลี้ยง วันละบาท...โดยเงินเดือนนั้น อาจเว้นไม่รับบางเดือนแล้วไปรับเดือนต่อไปได้ แต่ไม่รับสองเดือนติตต่อกันไม่ได้....ส่วนเบี้ยเลี้ยงจะรับหรือไม่รับก็ได้ไม่ผิด...(...............)
พึ่งทราบครับว่าพระไม่บิณฑบาตก็ได้ครับ
แล้วพระในนิกายหินยานจะทำอาหารฉันเองหรือเลี้ยงคนอื่น (ในลักษณะคล้ายๆ โรงเจ) ได้ไหมครับ
ผมไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมและการปฎิบัติทางศาสนาจริงๆ ครับ ส่วนใหญ่ก็เห็นจากการสังเกตเท่าที่มีโอกาส ผมเป็นคนห่างวัดแต่เป็นคนสนใจในเรื่องศาสนาต่างๆ ครับ
อาจารย์ขจิต
ทำนองนั้นแหละ ครับ...5 5 5
สวนเถ้าแก่ ไปไม่ถึง และแถวนั้นก็ไม่ค่อยมีลูกค้าใช้บริการด้วยครับ ...5 5 5
.......
อาจารย์ ดร. ธวัชชัย
พระไม่บิณฑบาตไม่ผิดศีล (แต่อาจผิดธรรม)... แต่ถ้าบิณฯ ก็อาจผิดหลายอย่าง เช่น ออกบิณฯตั้งแต่ไม่สว่าง หรือรับมากเกินไป ...ผิดศีลโดยตรง
หินยาน ศัพท์นี้เลิกใช้แล้วครับ มีงานประชุมเมื่อปี ๒๕๐๕ (ถ้าจำไม่ผิด) ขององค์การพุทธฯทั่วโลก ที่ศรีลังกา (ถ้าจำไม่ผิด อีกครั้ง) ยกเลิกการใช้คำว่า หินยาน ให้ใช้เฉพาะ เถรวาท เท่านั้น...
หินยาน แปลว่า พาหนะเล็กๆ เลวๆ ...ที่ฝ่ายมหายาน ตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกฝ่ายเถรวาท และก็อวดอ้างว่าตนเป็นพาหนะใหญ่ๆ ชั้นดี...ทำนองนี้
พระพุทธศาสนามีนิกายเบื้องต้น ๒ นิกาย แต่เรียกได้หลายชื่อ อาจจัดเป็นคู่ๆ ได้ดังนี้..
หินยาน - มหายาน
เถรวาท - อาจาริยวาท
ทักษิณนิกาย - อุตตรนิกาย
แต่ปัจจุบันกำหนดใช้เพียง เถรวาท - มหายาน ซึ่งอาจเป็นความหมายเชิงบวกทั้งสองฝ่าย
เรื่องพระทำอาหารฉันได้หรือไม่นั้น ต้องวิเคราะห์เฉพาะกรณี มีศัพท์พระวินัยอยู่ ๓ ศัพท์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ อันโตวุตถะ สุกภายใน อันโตปักกะ สุกภายใน สามปักกะ ทำให้สุกเอง ...ศีลมีหลายระดับ แม้ไม่ผิดศีลก็อาจผิดธรรม หรือผิดศีลแต่ก็อาจไม่ผิดธรรม...
...ถ้าจะตอบง่ายๆ ก็ ผิด ครับ แต่อาจไม่ผิดก็ได้เพราะมีวินัยยกเว้นไว้บางกรณี.... ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับค่านิยมและการยอมรับของท้องถิ่นมากกว่าครับ
เจริญพร
ผมได้แนวคิดในการประยุกต์ใช้หลักธรรมะ จากการอ่านงานเขียนของหลวงพี่ เลยลองนำไปใช้ในการบริหารงาน ครับผม
ท่านผอ.
ถือว่าเป็นกุศลของท่านผอ.เองนะแหละครับ... แต่การนำไปประยุกต์นั้น บางครั้งอาจผิดพลาดก็ได้ครับ เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว จนกระทั้งปัจจุบันนี้ ซึ่งยากส์ ที่จะแก้ไขและชี้แจง เพราะพวกอัตตาสูงๆ ..เช่น..
ในอดีตนักการศึกษามีระดับของเมืองไทยคนหนึ่งบอกว่า การศึกษาคือการพัฒนาขันธ์ ๕ ...ซึ่ง ขันธ์ ๕ เป็นอัพยากฤต ไม่สามารถพัฒนาได้ ...ฟังว่ากว่าที่นักการศึกษาท่านนี้จะออกมายอมรับ ก็แก้ใช้เหตุผลเข้าข้างตัวเองอยู่นานพอสมควร...
อีกเรื่องครับ ไม่นานนัก ครูบาลีของอาตมาเล่ามา (ท่านเป็นฆราวาสและถึงแก่กรรมแล้ว) ...คุณหมอท่านหนึ่ง เขียนหนังสือธรรมะ บอกว่า สังคมครอบครัวมีปัญหาเพราะสามีไปเมตตาต่อสตรีอื่น ไม่ใช้ความเมตตาต่อครอบครัวและภรรยาของตน .....
ครูบาลีบอกว่า ผิด นั่น เพราะมิใช่เมตตา แต่เป็น ฉันทราคะ...
คิดว่าเรื่องทำนองนี้ คงจะไม่เกิดขึ้นกับท่านผอ. นะครับ...
....
อาจารย์ ดร.ธวัชชัย
ด้วยความยินดีครับ อาตมาก็เล่าไปเรื่อยๆ ทำนองรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ...โดยมากก็เล่าเรื่องธรรมดา ทั่วๆ ไป ซึ่งอาตมาคิดว่า เรื่องธรรมดาๆ นี้แหละ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด ...
ส่วนเรื่องสมาธิชั้นสูง เรื่องอภิธรรมยากๆ ...จะเห็นว่าอาตมาไม่ค่อยจะอ้างถึง เพราะจะต้องปรับพื้นฐานกันเยอะกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ...เรื่องทำนองนั้น อาตมาเอาไว้ปรึกษากับนิสิตในห้องว่าเป็นอย่างไร ครับ
เจริญพร
คุณโยมลำดวน
ด้วยความยินดี ก็เล่าไปเรื่อยๆ นะครับ
เพื่อนของอาตมาเคยบอกว่า
สิ่งที่เราพูดๆ ไป บางทีเราอาจไม่เห็นคุณค่า แต่อาจมีค่าสำหรับใครบางคนที่เค้าสนใจและไม่เคยได้ยินได้ฟังจากใคร...
ก็ขอเชิญคุณโยมร่วมสนทนาด้วยตามโอกาสนะครับ..
เจริญพร
คุณโยมเมตตา...
ยินดีครับ...
ก็พยายามจะเขียนให้ขำๆ อ่านสนุก แต่ไม่ค่อยถนัด..
ที่ถนัดก็ ขัดคอ (ภาษาวิชาการคือ การใช้เหตุผลแย้งความเห็นผู้อื่น) มากกว่า นะครับ
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ
เพิ่งตามมาจากอนุทินค่ะ
อ่านแล้วอมยิ้ม
เดือนละล้าน วันละบาท รวมเลขแล้วไม่ตรงค่ะ
^ ^
กราบนมัสการเจ้าค่ะ
กราบมนัสการพระคุณเจ้า วันนี้ดิฉันเห็นภาพมาเลเซียรื้อวัดไทย โดยใช้รถแม็กโครดันสิ่งก่อสร้างทั้งอาคารและพระพุทธรูปหลายองค์รวมทั้งพระนอนองค์ใหญ่มาก และเห็นมีพระสงฆ์องค์หนึ่งลากกระเป๋าเดินทางออกไป ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ เห็นแล้วรู้สึกสลดใจมาก แต่ภาพที่ออกมานั่นลงเมื่อเดือนเมษาที่แล้ว ดิฉันเพิ่งเปิดดูวันนี้เจ้าคะรู้สึกข้องใจมากๆ กราบขอบพระคุณเจ้าคะ
สบาย-สบาย
เจริญพร
เมื่อพิเคราะห์ตามความเห็นอาจารย์.. อนุทิน คล้ายกับพื้นที่โฆษณาส่วนตัว หรือมุมหนึ่งที่อาจนำสินค้าเก่าๆ มาวางขายตามฤดูกาลได้อีกครั้ง (...........)
เจริญพร
อมยิ้มและแอบปล่อยก๊ากเจ้าค่ะ หนูเคยได้ยินแต่สโลแกน "บาตรเดียวบิณฑ์ทั่วไทย" หรือ "บาตรเดียวบิณฑ์ทั่วโลก" ใกล้เคียงกับกรณีนี้ค่ะ ^ ^