"แม่ คือ ผู้หญิงคนแรกที่หนูสัมผัส" ตัวอย่างงานเขียนของลูกศิษย์ผม ... (ด้วยความซาบซึ้งใจครับ)


"... ถึงเราจะห่างกันไกลกัน แต่แม่ก็ไม่เคยทำให้หนูรู้สึกมีปมด้อย แม่กลับรับบทบาททำหน้าที่แม่ได้ดี และสมบูรณ์แบบที่สุด ..."

....................................................................................................

เริ่มต้น

 

สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งวันแม่ โดยมีวันแม่ คือ วันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ เด็ก ๆ นักศึกษาคงจะได้วางแผนการกลับบ้านไว้ล่วงหน้ากันแล้ว ที่มหาวิทยาลัย เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ที่เข้ามาศึกษาเป็นนักศึกษาต่างถิ่นทั้งนั้น เช่น อำเภอรอบนอกที่อยู่ไกล ๆ บนดอยสูง จังหวัดใกล้เคียง เช่น ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา อุตรดิตถ์ เป็นต้น

แน่นอนว่า ด้วยสถานการณ์ที่เหมาะสมดังกล่าว ผมจึงเลือกใช้กระบวนการเรียนโดยใช้สื่อวีดิทัศน์จากรายการตีสิบ ตอน สัมภาษณ์คุณหมอพงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา เป็นสื่อนำ แล้วใส่กระบวนการวิเคราะห์สื่อลงไป โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การสร้างจิตสำนึกและความตระหนักรู้เกี่ยวกับความรักของพ่อแม่ที่มีต่อตัวนักศึกษา ให้นักศึกษาที่หลงลืมพ่อแม่ได้ทบทวนชีวิตของตนเองว่า เขามาเรียนเพื่อใคร แล้วมาเรียนเพื่ออะไรกันแน่

เชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ แสง สี เสียง สิ่งเย้ายวนใจมากมาย การที่เด็กจะหลงทางไปทางอบายมุขพวกนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายเหลือเกิน การเตือนสติแบบนี้ได้ผลมากหลายปีแล้ว เพียงแต่ผมไม่เคยเอามาเป็นผลงานวิชาการอวดตัวเองสักที

 

กระบวนการนี้ดูไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่สอนคือ "นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา" เลย แต่ผมยอมเสียคะแนนเก็บส่วนนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และจิตสำนึกเรื่องนี้ให้กับเขา

ผมมีความเชื่อว่า เมื่อพวกเขาเป็นลูกที่ดีแล้ว การที่จะเป็นคนที่ดี และครูที่ดีนั้น ไม่ยากอีกต่อไป

ใครจะมาว่า ผมไม่แยแสกับความคิดของคนเหล่านั้นหรอก

 

 

กลุ่มเป้าหมาย

 

วันนี้ (๙ สิงหาคม ๒๕๕๔) กลุ่มเป้าหมายในวันนี้ คือ นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ เอกนาฎศิลป์ เอกสังคมศึกษา และเอกภาษาอังกฤษ

เด็กพวกนี้อายุตั้งแต่ ๑๘ - ๑๙ ปี

เด็กพวกนี้เพิ่งเริ่มปรับตัวเข้ากับการเรียนในมหาวิทยาลัย การจากพ่อแม่มาเพิ่งเริ่มต้น และเด็กพวกนี้โดยส่วนใหญ่ยังเป็น "ผ้าขาวในมหาวิทยาลัย" ยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก เล่นกัน คุยกันเสียงดัง บางทีก็ไม่รู้มารยาทสังคมมากนัก แต่เด็กก็คือเด็ก เขาใสครับ

 

 

กระบวนการเรียนการสอน

 

ชั่วโมงสอนวันนี้คือ บ่ายสามโมง จนถึง หกโมงเย็น

ผมเริ่มต้นจากการเปิดวีดิทัศน์ "โน้ต อุดม แต้พานิช เดี่ยว 4" ที่ตัดตอนพูดถึงภาษาอังกฤษมานำร่องก่อน เพื่อเตรียมอารมณ์และให้เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ให้เต็มที่ ไม่งั้นพอถึงเวลาวีดิทัศน์จริง ๆ เขาจะต่อต้านและระวังตัว ทำให้การตอบสนองเป็นไปไม่เต็มที่

เมื่อจบ ผมเริ่มแจก "แบบวิเคราะห์เนื้อหาจากวีดิทัศน์" ที่ผมออกแบบเอง เพื่อให้เขาใช้สำหรับเขียนความรู้สึกลงไปหลังจากชมวีดีทัศน์ของคุณหมอพงศ์ศักดิ์จบแล้ว

ผมชี้แจงว่า ให้เขียนชื่อ-สกุล รหัส หมู่เรียน ก่อน ที่เหลือยังไม่ต้องเขียน พื้นที่ว่าง กับชื่อเรื่องตั้งภายหลัง ออกระเบียบว่า ห้ามกดปากกา ห้ามเขย่าขา ห้ามคุยเสียงดัง ให้ตั้งใจฟัง และคุยนำเรื่องราวที่เขากำลังจะชมต่อไปนี้ให้เข้าใจ เวลามีภาพทางการแพทย์ขึ้นมา ห้ามปิดตา ให้ทำใจแข็งเอาไว้ มิฉะนั้น ตอนเขียนจะเขียนไม่ได้

 

ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงเต็มครับ ... ระหว่างการชม ผมจะสังเกตพฤติกรรมและอาการต่าง ๆ ของนักศึกษาโดยไม่ให้เขารู้ตัว ใครปล่อยอารมณ์เต็มที่ ใครพยายามเก็บกดเอาไว้ ใครทำสิ่งอื่นที่ผมไม่ได้บอก ผมพยายามจะควบคุมให้เขาได้รับเนื้อหามากที่สุดเท่าที่จะมากได้

สิ่งที่ผมสังเกตได้นี้ ผมจะพูดถึงตอนสรุปอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อวีดิทัศน์จบ น้ำตาไหลกันเกือบทุกคน ผมบอกให้เขาว่า "ไม่ต้องกลั้นน้ำตา ให้ร้องออกมา มิฉะนั้น มันจะอึดอัด"

 

ผมให้เวลาเขา ๓๐ นาที สำหรับการเขียนบรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้น ผมเน้นเขาว่า ให้ลืมคะแนนที่จะได้ออกไป เขียนในสิ่งที่อยากเขียนมากที่สุด เขียนให้เต็มพื้นที่ที่ครูให้ไว้ เพื่อทำให้ใจเราสบายขึ้น

ใครจะไปล้างหน้าล้างตาก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเขียนต่อ

ระหว่างการรอ ผมก็สังเกตต่อถึงอาการและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องบอกนะครับว่า เขียนไปร้องไห้ไป เป็นเรื่องปกติของงานชิ้นนี้

ใครเขียนเสร็จแล้วให้เอามาส่ง ... เด็กทยอยส่งมาเรื่อย ๆ จนครบ ผมจะบอกเวลาทีเหลือไปเรื่อย ๆ จนหมด

 

 

ตอกย้ำความรู้สึก 

 

หลังจาก ผมก็ทำการสรุปเรื่องราวต่าง ๆ พูดถึงความตั้งใจของผมสำหรับงานชิ้นนี้ เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมากับนักศึกษารุ่นที่ผ่าน ๆ มาให้เขาฟัง เล่ากรณีศึกษาที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจผม

ผมสอนเรื่อง "จะรีบทำอะไรก็รีบทำเสียตอนนี้ ทำก่อนที่พ่อแม่จะไม่อยู่รอให้เราได้ทำ"

ผมบอกเขาต่อว่า "ใครไม่เคยกอดแม่ ใครไม่เคยบอกรักแม่ ใครไม่เคยกราบเท้าแม่ ให้รีบทำซะตอนนี้ ไม่ต้องอาย ไม่ต้องเขิน ทีแฟนยังบอกรักได้ทุกวัน แต่กับพ่อแม่แท้ ๆ กลับไม่กล้า หากมันสายเกินไป อย่ามาพูดว่า รู้งี้ทำแบบนี้ดีกว่า ถึงตอนนั้น อย่าหวังว่า ใครจะมาเห็นใจอีกแล้ว ไม่มีหรอก ตัวเองทำตัวเองทั้งนั้น"

 

คำที่ผมใช้สรุปและพูดให้เขาฟังนั้น มันเร่งเร้า สร้างความเข้าใจในสัจธรรมที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช้ชีวิตให้ประมาท ดูดุดัน แต่มันคือความจริงที่พวกเขาเถียงผมไม่ได้เลย

เช่น อยากให้เขาขี่รถมอเตอร์ไซค์ แต่ต้องใส่หมวกกันน๊อคด้วย

วิธีการของผมคือ ผมจะพูดว่า "หากใครไม่ใส่หมวกกันน๊อค หากเป็นอะไรขึ้นมา ขอให้ตายไปเลย ห้ามพิการเด็ดขาด เพราะพิการ คนที่ต้องมาดูแลเราตลอดชีวิตคือ พ่อแม่ของเราเอง ตายให้พ่อแม่เราเสียใจตั้งแต่ตอนนี้ อย่าทำบาปให้พ่อแม่ต้องมาดูแลเราเลย"

ผมไม่สนใจหรอกว่า ใครจะคิดอย่างไร แต่ผมหวังดีกับพวกเขานั่นแหละ พูดดีดี ไม่มีใครฟังหรอก เรื่องนี้ ก็ต้องพูดแบบนี้

 

 

ผมปิดท้ายด้วยโฆษณาไทยประกันชีวิต ชุด Silence of Love เด็ก ๆ ก็ร้องไห้กันอีกรอบ แต่ผมบอกพวกเขาว่า "นี่คือ คำพูดที่พ่อกับแม่อยากบอกเราไง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกหรอก จะบอกให้นะ"

 

 

ปฐมเหตุแห่งบันทึก

 

จริง ๆ เล่ามายืดยาว กับ กระบวนการสอนที่เป็นแบบนี้ทุกปี ทุกภาคเรียนนั้น เพราะตะกี้นี้ นั่งอ่านงานของเด็กอยู่จากห้องที่เล่ามา มีเด็กคนหนึ่งเขียนความรู้สึกออกมาแล้ว ผมคิดว่ามันสวยงามและซาบซึ้งในความรู้สึกของผมมาก

แบบวิเคราะห์เนื้อหาจากวีดิทัศน์แผ่นหนึ่ง มีร่องรอยการเขียนด้วย "ดินสอ" จาง ๆ ตัวหนังสือเล็ก ๆ ต้องอ่านใกล้ ๆ จึงจะเห็นเด่นชัด แต่เนื้อหาที่อ่านจนจบนี่สิ เด่นชัดจนสัมผัสของความรู้สึกของเด็กคนนี้ที่มีต่อแม่ได้

 

 

เด็กคนนี้เขาตั้งชื่อเรื่องว่า "แม่ของลูก"

 

 

แม่...คือผู้หญิงคนแรกที่หนูสัมผัส

ผู้หญิงคนแรกที่หนูรักก็คือ แม่

 

แม้บางครั้งหนูจะชอบงอแง เอาแต่ต่อล้อต่อเถียงแม่ เอาแต่ใจ

แต่ในหัวใจดวงเล็ก ๆ นับจากวันเป็นเด็กจนเติบใหญ่

แม่ก็ยังคือที่หนึ่งเสมอในดวงใจ และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ลูกยืนยัน สัญญา!

 

ถึงเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเก่า ด้วยเหตุผลต่างต่างนานาที่มีทั้งรู้และไม่รู้ แต่เวลาก็ไม่สามารถพัดพาความรู้สึกดีดี เหตการณ์ดีดีไปจากใจลูกคนนี้ได้

แม่ คือ คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตลูกไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน ความห่างไกลที่มันไม่สามารถทำให้ลูกคนรักแม่น้อยลงเลย มีแต่เพิ่มเท่าทวีคูณ

ทุกคืนก่อนนอน หนูจะสวดมนต์ไหว้พระขอพรแก่แม่และครอบครัวเสมอ และก็ไม่ลืมที่จะกล่าวบูชาพระคุณแม่เลย

 

ถึงเราจะห่างกันไกลกัน แต่แม่ก็ไม่เคยทำให้หนูรู้สึกมีปมด้อย แม่กลับรับบทบาททำหน้าที่แม่ได้ดี และสมบูรณ์แบบที่สุด

หนูจะไม่ถามถึงเรื่องราวต่างต่างนานาที่แม่ไม่อยากให้หนูรู้อีกแล้ว

หนูจะไม่รู้สึกน้อยใจที่พ่อไม่เคยสนใจหนูอีกแล้ว

 

วันนี้หนูเข้าใจแล้ว หนูโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่

ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกัน

ขอบคุณแม่ที่ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด

 

แม่ คือ ผู้หญิงที่เป็นบุคคลตัวอย่าง และนึกถึงเสมอ

หนูสัญญาว่า หนูจะไม่มีวันทอดทิ้งแม่เด็ดขาด

 

 

คุณว่าไงบ้าง เด็กเขาใช้เขียนเพียง ๓๐ นาทีเท่านั้นนะครับ หลังจากการชมวีดิทัศน์จบลง ... เชื่อเถอะครับ เด็กเขาเขียนไม่ได้ต้องการคะแนนแค่ ๑๐ คะแนนจากอาจารย์หรอก แต่เขาเขียนด้วยความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ

มีเรื่องราวเหล่านี้มากมายที่เกิดขึ้นกับสถานภาพครอบครัว หากเรานำพาเด็กให้มาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้ เขาจะไม่ลงเหวและตกนรกครับ

ครูไม่ได้มีหน้าที่เพียงแต่สอนตัวอักษรที่อยู่ในหนังสือนะครับ ครูมีหน้าที่มากกว่านั้น ผมจะรำคาญมากกับพวกครูท่าเยอะ สอนเด็กให้เก่งอย่างเดียว แต่ไม่เคยใส่ "ความดี" เข้าไปในตัวเด็กเลย ไปอยู่โรงเรียนกวดวิชาดีกว่าไหมครับ

 

 

แอบคิดถึง

 

เออ คิดถึงครับ คิดถึงกัลยาณมิตรท่านหนึ่งของผม

คือ นางฟ้า..ชาดา..ในใจผม ... งานเขียนของเด็กคนนี้ หากเป็นงานเขียนของลูกสาวนางฟ้าล่ะครับ นางฟ้าจะรู้สึกยังไงหนอ

งานเขียนของลูกที่อยากบอกแม่

 

 

ทบทวนตนเอง

 

ผมมักจะพูดกับตัวเองเสมอว่า

"การสอนคนให้เป็นคนเก่ง ไม่ยากเท่ากับ การสอนคนให้เป็นคนดี"

ครู ผู้ทำหน้าที่นี้ควรเป็นอย่างไรหรือครับ

 

ผมยืนยันการยึดปรัชญาการสอนเดิมนะครับว่า

"หากลูกศิษย์ของเราเป็นลูกที่ดีแล้ว เขาย่อมจะเป็นคนดีในสังคม

และเขาจะสามารถสอนลูกศิษย์ในอนาคตของเขาให้เป็นคนดีได้"

ผมมีความเชื่อเช่นนั้น

 

ผมหยิ่งยะโสโอหังมากพอที่จะไม่เลือกฟังเสียงนกเสียงกา

"อย่าเอาความชั่วของคนอื่น มาหยุดการทำความดีของเรา"

ผมคิดได้แค่นี้ครับ และผมจะสอนเช่นนี้ต่อไปจนหมดหน้าที่ของคนเป็นครู

 

 

บทส่งท้าย

 

ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านงานของลูกศิษย์

ผมมีความสุขทุกครั้งที่ผมเห็นลูกศิษย์ได้ทบทวนตนเองและรักพ่อกับแม่มากขึ้น

ผมมีความสุขทุกครั้งที่ผมได้ทราบว่า ลูกศิษย์ยืนยันกับผมว่า เขาจะเป็นลูกที่ดี เขาจะเป็นคนดี และเขาจะเป็นครูที่ดี

รางวัลของคนเป็นครูไงครับ แค่นี้แหละ พอแล้ว

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)

 

หมายเลขบันทึก: 453197เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2011 01:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 22:19 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

สวัสดีค่ะคุณ'wasawat deemarn'

เห็นด้วยค่ะ 'ครูมีหน้าที่มากกว่านั้น ผมจะรำคาญมากกับพวกครูท่าเยอะ สอนเด็กให้เก่งอย่างเดียว แต่ไม่เคยใส่ "ความดี" เข้าไปในตัวเด็กเลย ไปอยู่โรงเรียนกวดวิชาดีกว่าไหมครับ'

"การสอนคนให้เป็นคนเก่ง ไม่ยากเท่ากับ การสอนคนให้เป็นคนดี"

"หากลูกศิษย์ของเราเป็นลูกที่ดีแล้ว เขาย่อมจะเป็นคนดีในสังคม และเขาจะสามารถสอนลูกศิษย์ในอนาคตของเขาให้เป็นคนดีได้"

สวัสดีค่ะอาจารย์

ชอบตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองด้วยข้อความที่ประทับใจค่ะ

(การสอนคนให้เป็นคนเก่ง ไม่ยากเท่ากับ การสอนคนให้เป็นคนดี")

"เป็นครูได้ทุกที่ หากสอนคนให้เป็นคนดีได้"

1

แม่..
นั่นใช่ไหมรักแท้-แม่บอกกล่าว
ทุ่งกว้าง, หลายหลากมากเรื่องราว
นั่นใช่ไหมสีขาวของชีวิต

 

2

แม่จบปอสี่มีความรู้
จับปูจับปลามาทั่วทิศ
ถอนกล้าหว่านดำงามวิจิตร
เก็บเกี่ยวผลผลิต-ชีวิตแม่ 

แม่ไม่เคยบอกเล่าเรื่องการเมือง
แต่หาใช่ขุ่นเคืองกับเรื่องแย่แย่
แต่แม่ชอบชี้บอก “นั่นดอกแค-
นั่นสะเดา" ...ฝากดูแลให้แตกใบ

“นั่นต้นตาลต้นมะกอก” -บอกลูกรัก
ฝากฟูมฟักแลดูให้อยู่ได้
“นั่นทุ่งนา”  มรดก, รกรากใจ
ปู่ย่าถากถางไว้ให้เลี้ยงตน 

แม่ไม่เคยโทษดินโทษฟ้า
แต่แม่บอก “เราต้องกล้าจะฝ่าพ้น”
แม่บอก “ความรู้มีอยู่กับทุกคน
ในโรงเรียน-โรงคน-โรงนา”

 

3
แม่
นั่นใช่ไหมรักแท้ที่แม่ว่า...
ทุ่งแห่งรัก ทุ่งแห่งศรัทธา
ฝากลูกหลานแวะมา...”ดูแล”

 

 

....

15 สิงหาคม 53
บ้านเกิด,ทุ่งแห่งการเกิดของชีวิต

 

ขอบคุณค่ะอาจารย์เทวดา

ขอเวลาอีกนิดหน่อย  แล้วจะรีบกลับมาเล่าให้ฟังนะคะ

ความตระหนักรู้เกี่ยวกับความรักของพ่อแม่ที่มีต่อตัวนักศึกษา ให้นักศึกษาที่หลงลืมพ่อแม่ได้ทบทวนชีวิตของตนเองว่า เขามาเรียนเพื่อใคร แล้วมาเรียนเพื่ออะไรกันแน่

เป็นแนวคิดที่ขอลอกเลียน นะคะ

ชัดเจนค่ะ อาจารย์

อ่านแล้วพูดไม่ออก บอกไม่ถูก

กินใจเหลือเกิน

  • อาจารย์ครับ
  • อยากกด ชอบ สัก 100 ครั้ง
  • สมเป็นคุณครูกระดาษทรายจริงๆๆ
  • บางทีเราใส่ความดีไปในเนื้อหาที่เรียน แต่ไม่ได้เกี่ยวกับผลของคะแนน
  • อาจารย์บางท่านอาจเห็นเราแปลก
  • แต่ถ้าเราตั้งใจจริง ยืนยันความถูกต้อง มีความสุข ก็จะทำต่อไปจนตาย
  • สอนแล้วได้นิสิตดีดี ดีกว่าไม่ทำความดีแล้วตาย 555
  • ขอคารวะ 1 จอกกาแฟ เย้ๆๆ

ขอบคุณมากครับ ท่าน วอญ่า  ;)...

เป็นครูได้ทุกที่ หากเป็นเพียงครูสอนให้เป็นคนดีเท่านั้น ;)...

ขอบคุณมากเลยครับ คุณ แผ่นดิน ;)...

บทกวีทำให้บันทึกนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นที่สุดครับ

นางฟ้า ชาดา ครับ ;)...

เป็นเรื่องจริงนะครับ เมื่อผมอ่านงานของลูกศิษย์ผมคนนี้แล้ว

ผมตัดสินใจโดยฉับพลันที่จะเขียนบันทึกนี้

เพราะผมนึกถึงนางฟ้าเป็นคนแรก และอยากให้นางฟ้าได้อ่านงานชิ้นนี้

รอคอยและลอยคอครับ ;)...

คุณหมอ อาจารย์หมอ CMUpal ;)...

ไม่ติดลิขสิทธิ์ แต่ติดความรู้สึก

ขอให้คุณหมอนำไปใช้ได้ผลดีดีด้วยครับ

อยากเห็นสังคมของเรามีแต่ความงดงามมากขึ้น

ขอบคุณมากครับ ;)...

น้อง มะปรางเปรี้ยว ครับ ;)

แบบนี้แหละครับ

ชอบ แล้วแสดงออก อิ อิ

ไม่เอา ชอบ แต่ไม่แสดงออก

ขอบคุณสำหรับความรู้สึกนะครับ

ขอบคุณมากเลย ;)...

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง  ;)...

รับการคารวะจากอาจารย์ ๑ จอกกาแฟครับ

สำหรับผมแล้ว ผมยอมนำคะแนนมาเป็นเงื่อนไข

เพิ่มความตั้งใจในกิจกรรมที่ผมให้ลูกศิษย์ได้ทำครับ

มันสามารถวัดและสะท้อนจิตใจเขาได้หลายอย่าง

ผมก็ได้รับคำถามบ่อยครับว่า เกี่ยวอะไรกัน

หากจะไปบอกว่า นี่คือการบูรณาการ เขาก็ไม่เข้าใจ

เพราะเขาไม่เคยสอนแบบนี้ และไม่เคยคิดแบบนี้

คนเห็นแก่ตัว และอ้างหน้าที่ อ้างเงินที่ได้ มันเยอะครับ

ทำดี ต้องไม่แยแส ได้ครูดี ๆ ในอนาคต พอแล้วครับ

ขอบคุณมากครับ ;)...

ป.ล. รอคำตอบจากอาจารย์นุ้ย ๑ วันเต็ม ๆ แล้วครับเนี่ย 555

ชื่นชมและประทับใจค่ะเมื่ออ่านจบทุกตัวอักษรที่เขียนเล่าให้ทราบ ลูกศิษย์ของอาจารย์เมื่อเขามีครอบครัว คงมีไม่น้อยที่นึกถึงคำสอน ฯ โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็น พ่อ แม่ นะคะ

 

นั่นคงเป็นความหวังลึก ๆ ของคนเป็นครูครับ พี่ กานดา น้ำมันมะพร้าว ;)...

ขอบคุณมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท