ปาก / ผักและข้าว / แม่ค้า / คนที่มาเยี่ยม


บันทึกนี้ไม่เกี่ยวกับประสบการณ์ที่อเมริกาแต่อย่างใด แต่เกิดขึ้นตอนอยู่ที่นี่.. มาถึงนี่แต่มาได้เรียนรู้จากเกษตรกรไทย ฮ่าๆๆ 

เขียนเกริ่มเริ่มต้นไว้ที่อนุทิน @8442  แล้วว่าดูรายการแผ่นดินไทยมาเกี่ยวกับเกษตรปราณีตและครูสี่คน: ปาก / ผักและข้าว / แม่ค้า / คนที่มาเยี่ยม  คนที่เป็นวิทยากร เป็นหนุ่มชาวบ้านอายุน่าจะราวๆ ๓๐ ปีเท่านั้นอธิบายว่าทำไมสี่สิ่งนี้จึงเป็นครูของเขา.. ตอนแรกฟังเขาบอกเรื่องสี่อย่างนี้ก็มาคิดว่า มันไม่ค่อยเกี่ยวกันเลยนะเนี่ย.. ลองฟังเขาดูก่อนนะคะ... จากไม่สัมพันธ์กันเลย เป็นสัมพันธ์กันอย่างน่าประหลาดใจ..

  • ปาก..ถ้าปากอยากกินส้มเขียวหวาน เขาก็จะปลูกส้ม อยากกินลำไย เขาก็จะปลูก.. นั่นคือปลูกตามความต้องการ การใช้สอยของตน

  • ผักและข้าว เป็นครูของเขา เพราะจะอยู่รอดกินข้าวก็ต้องกินผัก จะกินผักก็จะต้องมีน้ำพริก ต้องมีมะเขือ มีพริก กระถิน ผักบุ้ง ฯลฯ ก็ต้องปลูก นั่นคือ จากหนึ่งเป็นสอง..เป็นสาม เป็นความต้องการต่อเนื่องที่ไม่ลึกลับ แต่ make sense เป็นอย่างมาก ก็อยากกินข้าว ก็ต้องมีผัก มีน้ำพริก .. ไม่ได้ปลูกอะไรต่อมิอะไรมั่วๆ แต่ทุกอย่างที่ทำขึ้น ทำขึ้นเพื่อสนับสนุนกันและกันอย่างชาญฉลาด..และพึงตัวเอง

  • พอปลูกจนพอกินพอใช้ ก็ไปตลาด เอาไปขายบ้าง ก็เจอแม่ค้า แม่ค้าก็จะเป็นผู้บอกเองว่า โอ๊ย..ตะใคร้ตอนนี้หัวละบาท สองบาท แพง..ไปปลูกมาหน่อยนะ  โอ๊ยตอนนี้ปลา..ไม่มี..ไปเลี้ยงมาหน่อยนะ .. นี่ืคือทฤษฎี pull manufacturing แบบเอาข้อมูลมาจาก point of sale โดยตรงแป๊ะๆ เพียงแต่ไม่ใช่ข้อมูล electronics แต่เป็นข้อมูลที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี และ real time อย่างไม่น่าเชื่อ..(ถึงแม้จะต้องมี lead time ในการปลูกบ้างก็เหอะ) ไม่เหมือนปัจจุบันที่การเกษตรทำแบบ push คือแข่งกันปลูกโดยไม่ดูว่าตลาดจริงๆ ขาดอะไรอยู่ คล้ายๆ กับทำบ้านจัดสรรนั่นแหละ ตอนเกิด bubble economy ผู้ประกอบการก็ประเภททำโครงการไว้ก่อน..เอาเงินไปจม แล้วก็ไม่มีใครซื้อเพราะไม่มี/ไม่ได้ตอบสนอง demand ที่แท้จริง

  • เสร็จแล้วก็เรียนรู้จากครูคนสุดท้าย ก็คือเกษตรกรพ่อแม่พี่น้องที่มาเียี่ยมเยียนฟังบรรยายของเขานั่นแหละ

ฟังเสร็จก็รู้สึกว่าต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง เพราะเขาสามารถเชื่อมโยงความรู้ที่มีอยู่มาอธิบายให้เราฟังได้ง่ายๆ และเป็นความรู้ที่ดีเสียด้วยสิ... ยอดเลย!

คำสำคัญ (Tags): #ครู#เกษตรปราณีต
หมายเลขบันทึก: 184997เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2008 21:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2012 22:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

รับความรู้จากการถอดความของอาจารย์ครับ :)

ความล่มสลายของเกษตรกรไทย ไม่ได้เกิดจากรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียวแน่นอนครับ เกิดจากทัศนคติของตัวเกษตรกรเองด้วยครับ

พี่เคยเห็นและเคยประสบกับตัวเองมามากค่ะ คือเรื่องความรู้ที่ได้จากเกษตรกรหรือชาวบ้านจริงๆ อย่างนี้ค่ะ 

ขอบคุณอ.วสวัตฯ ที่มาอย่างรวดเร็วจริงๆ ^ ^

ไม่ว่าจะความสำเร็จหรือล้มเหลวในเรื่องใดๆ ก็ต้องมีองค์ประกอบทั้งตัวเราและสิ่งแวดล้อมเสมอ..โทษตัวเองทั้งหมดก็ไม่ได้ โทษปี่โทษกลองทั้งหมดก็ไม่ได้..มันต้องผสมๆ กัน..สรุปแล้วชม/โทษไปหมด ฮ่าๆๆๆ

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์

มี tacit knowledge เต็มไปหมดที่อยู่กับตัวผู้ปฏิบัตินะคะ.. ถ้าไม่มีเครื่องมือมาถ่ายทอด ตัวเองก็คงไม่มีโอกาสได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่.. ได้ฟังเรื่องง่ายๆ ที่คิดไม่ถึงแบบนี้ทีไร จะชอบมากๆ ทุกทีค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะคุณกมลวัลย์

ตอนนี้ ที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ ชาวบ้านเขากำลังมาทำการปลูกผัก ในน้ำค่ะ ไม่ใช้ดิน อีกหน่อย ใครแวะมาที่นี่ ก็จะได้ผักปลอดสารไปกินกันค่ะ

ขอบคุณบทความนี้มากค่ะ

สวัสดีค่ะพี่หมอรุ่ง

ดีจังค่ะ เดี๋ยวนี้เวลาจะทานผักก็ต้องคิดหนักเหมือนกันเพราะกลัวสารเคมี พอเห็นรายการนี้กับฟังที่พี่เล่าว่าปลูกผักในน้ำก็รู้สึกว่าทุกอย่างมีการปรับตัวที่ดีขึ้น..เห็นแนวโน้มที่ดี รู้สึกดีจังค่ะ ^ ^

ขอบคุณสำหรับการ ลปรร นะคะ

เขามีการเชื่อมโยงที่ดีจังครับ เห็นวัฏจักรการคิด ผ่านการปฏิบัติได้อย่างชัดเจน

ผมคิดว่า วิถีปัญญาแบบนี้ทำให้เกษตรกรไทยอยู่รอด ในช่วงข้าวแพงในตลาด แต่ถูกในนาข้าวของเกษตรกร

เข้ามาอ่านและซึมซับความรู้ดีๆครับ

ขอบคุณครับผม

ลงชื่อ Mrake

ดีจ้า อ.น้องตุ๋ย

ครบวงจรเลย เห็นภาพตามค่ะ ทำให้นึกถึง ทำไมถึงควรเป็น...เศรษฐกิจพอเพียง..

ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีค่ะน้องเอก

ชอบคำที่น้องเอกใช้จัง "วิธีปัญญา" ชอบๆ

จริงๆ แล้วแต่ละคนมีความรู้ซ่อนอยู่ในตัวกันทั้งนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตัวเองมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่และบางคนก็ไม่สามารถถ่ายทอดได้ หรือถ่ายทอดไม่เป็น แต่คนนี้เขาผูกโยงเรื่องตามความเข้าใจของเขาได้ดีจริงๆ แล้วมันก็เป็นเกษตรปราณีตแบบไม่ต้องมานั่งตั้ง definition ให้โก้หรูแต่ปฏิบัติไม่ได้เหมือนแบบนี้ด้วย

ดีใจๆ ที่ได้ยินเรื่องนี้วันนี้แล้วเอามาถ่ายทอดต่อ นิดๆ หน่อยๆ ก็รู้สึกว่าได้ทำอะไรบ้างก็ยังดี อิอิ

สวัสดีค่ะพี่อุ๊

เขาอธิบายได้ดีจริงๆ นะคะ ถ้าพี่ได้ยินสำเนียงอีสานของผู้พูด พูดแบบไม่มีพิธีรีตรอง ก็จะได้อรรถรสมากกว่าที่ตุ๋ยเอามาเล่าอีกค่ะ ชอบอะไรที่กลั่นกรองมาจากการปฏิบัติ มันเหมือนได้แก่นความรู้ที่เรียบง่ายดีจริงๆ ดีใจที่ได้ฟังเรื่องนี้และเอามา ลปรร ใน gotoknow ค่ะ ^ ^

วางแผนปลูกพืชสมุนไพรไว้เก็บกินแล้ว

พี่สาวบอกจะเก็บนาข้าวไว้ปลูกข้าวกิน(บ้านลำปาง..ตอนนี้ก็จ้างเขาปลูกแล้วแบ่งกัน กลับบ้านลำปางทีไรก็เอามากินด้วยทุกครั้ง)

เรากำลังจะปลูกพืชผักสวนครัวกัน

หลังบ้านมีพริกขึ้นตามธรรมชาติแล้ว

มีต้นมะกรูด (ต้นมะนาวปลูกไม่เห็นขึ้นเลย) มีต้นข่า ต้นคูน

มีต้นมะรุมหลังบ้าน แต่กลัวเกิดเหตุวิวาทะกับบ้านคนรวย จึงต้องตัดบ่อย ๆ (แต่ยอดอ่อน ๆ ก็เอามาต้มทานบ่อย)

มีต้นมะเขือที่ใส่น้ำพริกกะปิ

มีต้นกล้วยหอม กล้วยน้ำหว้า มะเฟือง มะยม มะละกอ ต้นขนุน (เพิ่งจะขึ้นต้นขนุนเพื่อเอามาแกงเมื่อวันสงกรานต์..ขาอ่อนถลอกเป็นแผลเป็นเลย..อิอิ)

กำลังจะเอาตะไคร้มาปลูกเพิ่ม (ของเดินตายไปเฝ้าพระอินทร์)

อืม..อีกหน่อยก็จะได้ไม่ต้องซื้อหรือซื้อน้อยลง

น่าจะปลูกอะไรเพิ่มอีกดีคะ......(นอกจากต้นรัก....อิอิอิ)

มาขำความคิดเห็นพี่อึ่งข้างบน ผมเองเข้าใจว่า จบแล้วจะไปทำนา อิอิๆๆ ตอนนี้ทำสวนผสมผสานไปก่อน มีหลายชนิดแล้ว ขาดแต่ต้นรัก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

สวัสดีค่ะพี่อึ่งอ๊อบ

น่าอิจฉาจังเลย เหมือนมีตลาดสดอยู่ในบ้าน ยังไงก็ไม่อดตาย อิอิ

ชอบมากเลยแบบนี้ กำลังหาที่อยู่ใหม่แบบนี้เหมือนกัน อิอิ

ถ้าหาไม่ได้จะไปขอกินที่บ้านพี่แทน ฮ่าๆๆๆ

มีพื้นที่แล้วทำสวนนิดๆ หน่อยๆ ตุ๋ยว่ามีความสุขดีนะ แค่คิดว่าปีนขึ้นเก็บขนุนก็สนุกแล้ว..เสียดายแต่ขาอ่อนเท่านั้น อิอิ

โห..อ.ขจิต เอามาอวดกันแบบนี้เลยนะ

พริกน่ากินมากเลย อยู่ที่นี่กินแต่พริกแม๊กซิกัน เผ๊ดหลายอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่หอมเท่าพริกขี้หนูน่ะ ^ ^

เรื่องต้นรักน่ะเขาว่ามันเป็นเรื่องของโชคชาตานะ ปลูกขึ้นก็ดี ปลูกไม่ขึ้นก็ดี อิอิ ^ ^

ขำๆๆเรื่องต้นรักของพี่ สงสัยจะปลูกไม่ขึ้นแหงๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ

เอามาอีก ทำเองเลย

 

น่ากินจังเลยยย...ขอบคุณมากเลยค่ะ ^ ^

บอกแล้วว่าเรื่องต้นรักน่ะมันเป็นเรื่องของโชคชะตา และเป็นเรื่องของบุญกรรม ฮ่าๆๆๆ มีก็ดี/ไม่ดี ไม่มีก็ดี/ไม่ดี ^ ^

มีก็ดี ไม่มีก็ไม่ดี อิอิๆๆ พี่ตุ๋ยสบายดีนะครับ

อ่าฮ่า..ถ้าเจ้าบอกว่ามีก็ดี ไม่มีก็ไม่ดี..ชาตาเจ้าก็จะเป็นเช่นนี้แล..

รีบๆ หาซะน้อง..หรือมีแล้วอุบไว้ก็ไม่รู้ อิอิ พี่สบายดีจ๊ะ หวังว่าคงหายมึนหัวแล้วนะ ^ ^

  • อืมเยี่ยมมากค่ะ
  • หากไม่ทำเกษตรแบบแข่งขัน
  • อิๆ ขำคำแนะนำเรื่องต้นรัก
  • เพราะหัวอกเดียวกันเล้ย
  • อืมต้องรีบไปเที่ยวงานกระท้อนวันสุดท้ายวันนี้แล้วค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.นารี

หัวอกเดียวกันกับอ.ขจิตหรือคะ อิอิ แม่หมอขอทำนายว่าไม่ค่อยเหมือนค่ะ รายนั้นเขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่ะ ฮ่าๆๆๆ

ชอบที่วิทยากรชาวบ้านเขาพูดมากเลยค่ะ เขาพูดจากใจ ไม่หรู ไม่วิชาการ แต่มันจริงดีค่ะ ^ ^

ใครที่ชอบแนวนี้ เชื่อมั่นแนวนี้ ถือว่าคอเดียวกัน เจอกันได้คุยแลกเปล่ยนเรียนรู้กันสนุกแน่ๆนะคะ และจะได้แบ่งปันแลกต้นไม้ ผักหญ้ากันกับ น้าอึ่งอ๊อบ คนสวย แซ่เฮ และอาจารย์ขจิตPขจิต ฝอยทอง ด้วย พี่มีเพาะไว้หลายอย่าง ใครที่มาบ้านอยากได้อะไรมีใส่กระถางเล็กๆให้ได้เลยค่ะ(เก็บไว้ให้อาจารย์ด้วยค่ะ)

สวัสดีค่ะพี่นุช

ตอนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตารอกลับเมืองไทยค่ะ กลับไปเที่ยวนี้จะได้เปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างในการดำเนินชีวิต ^ ^ ในอนาคตตัวเองคิดว่าจะไม่อยู่เมือง แต่จะไปหาที่อยู่เงียบๆ ร่มรื่น..เพราะฉะนั้นจะไปเอาเมล็ดพันธ์และไปซึมซับความรู้จากพี่แน่นอนค่ะ รวมถึงพี่อึ่งอ๊อบกับอ.ขจิตด้วยค่ะ.. โชคดีที่เข้ามา gotoknow จริงๆ ^ ^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท