หอศิลป์นะ ไม่ใช่บาร์เบียร์


ชีวิตผู้ข้ามื้อนี้

วันนี้พี่คล่องเพื่อนชาวเล้าข้าว ขอสลับวันในการเข้ามาดูแลเล้าข้าว เพราะพี่เขามีงานที่ต้องไปจัดนิทรรศการในงาน นตวกรรม 2007 ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจณาภิเษก ดังนั้นผมจึงเข้ามาดูแลแทน

ผมเข้าเล้าข้าวมาตอนสิบโมงเช้าพอดีและเข้ามาก็ออกจะหงุดหงิดเป็นพิเศษสำหรับเสียงเครื่องเสียงที่ดังสนั่นหอศิลป์และเปิดเพลงสารพัดจะเปิด ผมเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่กำลังลองเครื่องเสียงอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าทำไมต้องมาทำเอาในตอนนี้ตอนที่ทุกคนต้องการชมงานศิลปะด้วยความมีสมาธิ

ผมนั่งทนอย่างหมดสมาธิในการทำอะไรแม้แต่เขียนบันทึกหรือทำงาน เพราะเสียงที่ดังจนออกอาการปวดหัว  นักเรียนกลุ่มแรกที่เข้ามาชมนิทรรศการที่หอศิลป์เป็นนักเรียนมัธยมราวสิบคนเดินเข้ามาชมด้วยความสงบไม่รู้สึกรำคาญเสียง  ผมจับจ้องพวกเขาภายในเล้าข้าวอยู่นานและชวนสงสัยว่าผมเองเป็นบ้าไปคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกรำคาญในขณะที่คนอื่นดูสบายใจ

ไม่นานคนชมผู้หญิงคนหนึ่ง ดูท่าทางเป็นนักท่องเที่ยวเดินเข้าดูนิทรรศการไม่นานก็เดินออกมาและแวะเข้ามาในร้าน มองผมอยู่พักก่อนจะเอ่ยปากว่าผมเป็น เจ้าหน้าที่ที่นี่หรือเปล่า ผมบอกว่าไม่ใช่เป็นคนดูแลร้านเท่านั้น ผมคิดว่าเธอมีภารกิจที่ต้องติดต่อหอศิลป์จึงแนะนำห้องธุรการให้

เธอหันมากบอกด้วยอารมณ์เสียว่า ทำไมต้องเปิดเพลงเสียงดังขนาดนี้?  ผมอ้ำอึ้งอยู่นานกะจะสมทบเธอลงไปแต่ห้ามใจเอาไว้เพราะเดี๋ยวจะทำให้เธอเดือดมากขึ้น  สีหน้าเธอตอนนี้เอาเรื่องอยู่เหมือนกันก่อนที่จะเดินเฉิบ ๆ ออกจากหอศิลป์ โดยไม่สนใจนิทรรศการเลย

มาถึงตอนนี้ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกรำคาญกับเสียงดังสนั่นหอศิลป์เช่นนี้ อย่างน้อยก็มีสองคนคือผมกับพี่สาวคนนั้น ถึงแม้เด็ก ๆ ที่เดินชมงานอยู่ไม่รู้สึกรำคาญก็ตาม เขาคงชอบเสียงดัง ๆ กะมั้งตามประสาเด็กรุ่นใหม่

ผมนั่งถอนหายใจและเดินวนไปวนมาอยู่นาน จนลืมเด็ก ๆ ที่เดินชมงาน เมื่อหันไปมองก็พบกับความจริงว่าเด็ก ๆ ที่มาดูงานเป็นเด็กจากโรงเรียนโสตขอนแก่น

มิหน่าล่ะถึงไม่รำคาญในขณะที่ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว เมื่อไหรหอศิลป์จะเข้าใจสักทีว่าที่นี่หอศิลป์ ไม่ใช่บาร์เบียร์และไม่ใช่เวลาที่จะมาทดลองเครื่องเสียง และก็ไม่ใช่สถานที่จะมาทดลองเครื่องเสียง

คนดูต้องการสมาธิ ต้องการบรรยากาศของการผ่อนคลาย โอ้ เศร้าจริง ๆ แล้วอย่ามาบ่นนะครับว่าไม่มีคนมาดูหอศิลป์ก็คุณทำกันแบบนี้อะ ใครจะอยากมาดู (ขอบ่นสักบันทึกหน่อยนะครับ)

หมายเลขบันทึก: 73066เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2007 12:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

(^__________^)

พี่ไป...ก็คงจะรู้สึกรำคาญเหมือนกันนะคะ...

เพราะบรรยากาศอย่างนี้....ใครไปก็คาดหวังถึงอารมณ์บรรยากาศที่นิ่งๆ เย็นๆ...และมีสมาธิ...

มีคนกระทุ้ง...หน่อยก็ดีเหมือนกันนะคะ...เพราะบางครั้งคนที่ทำก็อาจไม่รู้ว่า...บรรยากาศนี้ต้องอารมณ์ไหน...

ต่างร่วมร่วมใจ....ก็สามารถที่จะ Happy...กันทุกฝ่าย...

ตอนนี้พี่คิดว่าคุณออต...คงเย็นจิตลงบ้างนะคะ

Y___*

พี่กะปุ๋ม

 

ไม่ชอบเสียงดังเหมือนกันค่ะ
นั่นสิคะ  คุยกันขอปรับเปลี่ยนเป็นเพลงเบาๆดีมั๊ยคะ ส่งเสริมจินตนาการเนอะ
  • บางทีต้องใช้สมาธิในการดูครับ
  • ถ้าเสียงดังก็ไม่ไหวเหมือนกันครับผม
  • ขอบคุณมากครับที่ช่วยกันรักษามารยาทที่ดี

ขอบพระคุณทุกท่านนะครับ

ไปอ่านเรื่องขำขำ...จาก คห. ที่นี่เลยค่ะ....พี่อ่านแล้วยังหัวเราะอยู่เลย...

พี่กะปุ๋ม

  • ตอนแรกที่เข้าไปเจอหัวข้อ พยายามหาที่ขำ อ่านไปก็หาที่ขำไม่เจอ
  • จนกระทั่งอ่านไปจนเจอข้อคิดเห็นของพี่กะปุ๋ม ขำนิด ๆ
  • แต่พอเจอคำตอบถัดลงมาของอาจารย์หมอ ฮา แตกเลยครับ
  • ตอนนี้ยังฮาอยู่
  • แต่บ่ายนี้เสียงมันมาอีกแล้ว
  • จะพยายามอ่านเรื่องนี้บ่อย ๆครับ เพราะถ้าไม่งั้นระเบิดลงหอศิลป์แน่ ๆๆ

 

ขอขอบคุณอาจารย์ออต...

  • ตอนเป็นนักศึกษา... ดูจะเป็นปี 2531 (กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว)... อาจารย์ท่านพาไปเยี่ยมโรงเรียนคนหูหนวกหาดใหญ่

ปรากฏว่า หนวกหูมากๆ เลย เพราะเขาทำภาษามือไปด้วย ออกเสียงไปด้วย... แต่ (เขา) ไม่ได้ยิน

  • อาจารย์ท่านกล่าวไว้ดีครับ...
  • ท่านกล่าวว่า คนหูหนวกตั้งแต่แรกเกิดน่าเห็นใจ และมีปัญหามากกว่าคนตาบอด เพราะ "ภาษา" เป็นที่ตั้งของการพัฒนา... เมื่อหูหนวกแล้ว มักจะมีปัญหาใบ้ (พูดไม่ได้) หรือการพูดผิดปกติร่วมด้วย

อาจารย์ทันตแพทย์ท่านหนึ่งบอกว่า...

  • เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท่านหูตึงประมาณครึ่งโรงพยาบาล... ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นเพราะเปิดเพลงกันดังเหลือเกิน

เสียงที่อาจารย์ออตว่า "ดัง"... คนเปิดเขาอาจจะว่า "ไม่ดัง" ก็ได้ เพราะหู (เขา) ตึง

  • ขอขอบคุณครับ...
  • ขอขอบคุณที่แวะไปอ่านขำขัน (จากท่านอาจารย์กะปุ่ม)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท