ซันซัน
นางสาว ทานตะวัน สุรเดชาสกุล

เวลาที่สวยงาม.......มีได้เสมอ ^ _ ^


ทุกคนมีเวลาที่สวยงามได้เสมอ ขอเพียงเรามีสติที่จะเห็นค่ะ เมื่อเรามองเห็นและให้ความสำคัญกับประตูบานที่เปิดรอเราอยู่ และสำหรับประตูบานที่ปิดไปแล้วนั้นให้เรายอมรับความเป็นจริงและเรียนรู้จากมัน

ตั้งใจเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิต ที่ได้พานพบน่ะค่ะ
และ มีบางสิ่งเมื่อพบแล้ว อยากมาแบ่งปันกับเพื่อนๆๆค่ะ

วันนี้สิ่งที่ได้พบ คือ ช่วงเวลาที่สวยงาม (Divine Timing)

ที่มาของเวลาที่สวยงามนี้ ได้มาจากนางฟ้าค่ะ
อะ อะ เพื่อนอาจจะเริ่ม งง งง งง มาจากนางฟ้าอย่างไรหรือ??

เป็นนางฟ้าจริงๆค่ะ
เป็นการ์ดนางฟ้าน่ะค่ะ (Angle card)

เริ่มจากมีเรื่องบางอย่างคาใจตัวเองอยู่น่ะค่ะ
จึงถาม(การ์ด)นางฟ้า นางฟ้าตอบว่า Divine timing

เมื่อแรกเห็น รู้สึก งง งง งง ว่า Divine timing  หมายถึงอะไรล่ะเนี่ย???

นางฟ้าจึงอธิบายต่อว่า Divine timing หมายถึงอะไร

(อิอิอิ หมายถึงอ่านจากคู่มืออ่ะค่ะ )

ซึ่งข้อความที่สื่อมาโดนใจมากเลยค่ะ
เป็นข้อความที่เตือนสติได้ดีทีเดียวเชียว
ทำให้ได้พบช่วงเวลาที่สวยงามค่ะ

Divine timing ช่วงเวลาที่สวยงามนั้น ก็คือ

การเข้าใจว่า

อะไรในชีวิตของเราที่ประตูปิดไปแล้ว
และ อะไรที่ประตูยังเปิดรอเราอยู่

นางฟ้าแนะนำต่อว่า
เรื่องราวใดในชีวิตที่

ประตูปิดไปแล้ว
เราไม่ควรฝืน ไม่ควรพยายามเปิด พยายามง้างจะเปิดให้ได้ดั่งใจ

เพราะรังแต่จะ ทำให้เจ็บตัว เหนื่อยใจ ผิดหวัง

สิ่งที่ควรทำคือ

ให้เรียนรู้ เรื่องราวและตัวเองจากประตูบานที่ปิด

พูดง่ายๆคือ ให้เป็นบทเรียนหรืออุทาหรณ์สอนใจ ให้เราเข้าใจชีวิต และ รู้จักตัวเองมากขึ้น
ดีกว่าไปคอยเฝ้าหวังลมๆแล้งๆ อยากให้โอกาสมาอีกครั้ง

อยากให้ลมพัดหวน เป็นต้น เหนื่อยเปล่าๆ เจ็บเปล่าๆค่ะ

และ พร้อมกันนั้นให้เรามีสติที่จะเห็นว่าประตูบานไหนที่เปิดอยู่
ให้เราเดินไปหาประตูบานนั้น ด้วยใจเปิดรับและเห็นคุณค่า

เราจึงจะพบเวลาที่สวยงามค่ะ



เมื่ออ่านแล้วจึงได้คิดว่า
ช่วงเวลาที่สวยงามเกิดขึ้นได้ทุกขณะ
ขอเพียงแค่เรามีสติ จะเกิดดวงตาเห็นธรรม

เราจะเห็นได้ว่า มีประตูบานที่เปิดรอเราอยู่

เพราะ อันที่จริงชีวิตเรา เรายังมีสิ่งดีๆ ในชีวิตของเรามากมาย

 เช่น เรายังมีดวงตาที่มองเห็นสิ่งต่างๆได้ เรายังมีขาที่เดินได้ เรายังมีหูที่ได้ยินเสียงได้ เป็นต้น

เห็นโอกาสที่ยังรอเราอยู่อีกหลายๆอย่าง

และนี่คือสิ่งดีๆๆที่เรามีอยู่แล้วมาตลอด

ถ้าเราเพียงแต่จะใส่ใจ สิ่งดีๆๆเหล่านี้จะปรากฎตัวออกมาค่ะ

ปัญหาคือคนเรามักจะ สนใจ ใส่ใจกับประตูบานที่ปิดไปแล้ว
และคอยๆๆๆ คาดหวัง คอยๆๆๆ ลุ้น
อยากให้ประตูกลับมาเปิด เปิด เปิดอีกครั้ง
ซึ่งหลายๆๆครั้งโอกาสก็น้อยเต็มที


แต่ก็ยังจะเฝ้าหวังไปเรื่อยๆๆ

ซึ่งความหวัง ความอยากอันนั้น ก็ตรงข้ามกับความเป็นจริง

(เพราะความจริงประตูปิดแล้ว แต่เราอยากให้เปิด)
จึงเป็นที่มาของความเจ็บปวดเพราะผิดหวังซ้ำๆๆๆ

อย่างที่มีคนบอกว่า เราผิดหวัง เพราะ เราหวังผิด

และ เมื่อใจมุ่งสนใจแต่ประตูบานที่ปิด
ทำให้มองข้าม ไม่ได้ใส่ใจ หรือ มองไม่เห็น

ประตูบานที่เปิดรอเราอยู่
ละเลยประตูที่เปิดบานนั้นไปเรื่อยๆๆๆ

จนกระทั่ง
ประตูบานที่เปิดรอเราอยู่ ก็ปิดลง
และเมื่อประตูที่เคยเปิดมาปิดลง

อีกนั้นแหละ
เราเพิ่งจะเริ่มเห็นค่า ตอนประตูปิดไปแล้ว

มาคร่ำครวญ ฟูมฟายเสียดาย เสียใจ

อยากให้ประตูบานนี้เปิดอีก เปิดอีก

มันจึงเป็นวงจรไม่มีที่สิ้นสุด
และ ทำให้เรารู้สึกเศร้าซ้ำๆๆ มองว่าชีวิตไม่เคยสมหวัง

ไม่เคยมีช่วงเวลาที่สวยงาม


ที่จริงเป็นเพราะเรามัวแต่มองประตูบานที่ปิดอยู่ต่างหาก

และ ละเลยประตูบานที่เปิดรอเราอยู่

ดังนั้น เวลาที่สวยงามมีได้เสมอ ขอเพียงเรามีสติที่จะเห็นค่ะ

เมื่อเรามองเห็นและให้ความสำคัญกับประตูบานที่เปิดรอเราอยู่

และสำหรับประตูบานที่ปิดไปแล้วนั้น
ให้เรายอมรับความเป็นจริงและเรียนรู้จากมัน


หลายครั้งประตูบานที่เปิดอยู่ เรามักมองไม่เห็นคุณค่า

เพราะสิ่งนั้นไม่ตรงกับใจเรา ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากได้

ไม่ว่าเราจะอยากได้หรือไม่
สิ่งดีๆนี้เมื่อมีอยู่ หรือ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็คือสิ่งที่ดี

อาจจะดูไม่มีค่า ไร้ความหมาย(สำหรับเรา ณ ตอนนั้น)

เมื่อเพื่อนๆลองมองอย่างตั้งใจ จะพบเจอความสวยงามอยู่ค่ะ

และบางครั้ง ประตูที่ปิดลง ปิด เพราะ ความคาดหวังของเราเองค่ะ
เพราะ ความคาดหวังที่สูง(หลายครั้งสูงเกินจริงไปเยอะๆๆซะด้วยค่ะแบบตามฝันเลยง่ะ)

ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้สิ่งนี้สักที
เรื่องนี้จึงกลายเสมือนเป็นประตูที่ปิดไปแล้วสำหรับเรา

แต่เมื่อเราลดความคาดหวังลง
ประตูบานนั้นที่เรารู้สึกว่าปิดตายกับเรามาตลอด ก็เปิดขึ้น
เช่น เราคบกับใครสักคนแบบแฟน
เราคาดหวังให้เขารักเราแบบแฟน
แล้วเขาก็ไม่รักเราแบบแฟน
เราก็ผิดหวัง เสียใจ เหมือนประตูปิดใส่เรา เราเจ็บปวด

แต่เมื่อลองวางความคาดหวังลงไปก่อน
มองดีๆจะพบเห็นว่า
แม้เขาไม่ได้รักเราแบบแฟนเหมือนที่เราคาดหวังไว้
แต่เขาก็มีมิตรภาพที่ดีกับเรา เขาเอ็นดูเรา ใส่ใจเรา
ซึ่งประตูความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเรา(ที่เหมือนปิดใส่เราจนเราเจ็บตอนนั้น)
ที่จริงมันเปิดอยู่ และ เปิดอยู่ตลอดมา
ตอนแรกที่เราไม่เห็นว่าเปิด
เพราะไม่ตรงกับความคาดหวัง ความต้องการของเรา

เมื่อพิจารณาตามจริงแล้ว ประตูบานนั้นก็เปิดอยู่ตลอดในแบบที่มันจะเปิดได้
เมื่อเราวางความคาดหวังลง

จะเห็นประตูเปิดขึ้นมาอีกหลายๆๆๆๆบานค่ะ


กับตัวเราเองเหมือนกัน
ถ้าเราคาดหวังกับตัวเอง เช่นเราต้องเจ๋งกว่าใครๆๆ
พอเราไม่เจ๋งกว่าใครๆๆ

ก็รู้สึกว่าเราไม่เอาไหน
ประตูบานที่จะภาคภูมิใจในตัวเองก็ปิดลง
ความภูมิใจในตัวเองก็สูญสิ้นไป


แม้ไม่เจ๋งอย่างที่ใฝ่ฝันไว้
แต่เมื่อเราลดความคาดหวังกับตัวเองลง 

เราจะเริ่มเห็นสิ่งดีๆในตัวเองอีกหลายๆ อย่างนะคะ

(อย่างที่อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งๆที่มีอยู่ตลอดค่ะ)

ประตูความภาคภูมิใจในตัวเองของเราก็จะเปิดขึ้นมา
และอาจมีอีกหลายๆๆบานเปิดด้วยค่ะ

และเมื่อนั้น คุณจะพบช่วงเวลาที่สวยงาม ค่


ขอฝากบทกวีที่เกี่ยวกับ ประตูและความสุขค่ะ

"When one door of happiness closes,another open;but often we look so long at the closed door that we do not see the one which has been opened for us"

"เมื่อประตูแห่งความสุขบานหนึ่งปิดลง อีกบานก็จะเปิดขึ้น แต่บ่อยครั้งเรากลับมองอยู่แต่ที่ประตูที่ปิดนั้นเนิ่นนาน จนไม่เห็นว่ามีประตูอีกบานเปิดรอเราอยู่"
Helen Keller
จากหนังสือความสุข แปลและเรียบเรียง โดย ธนา นิลชัยโกวิทย์และ พรศิริ นีลปัทมานนท์

ขอบคุณนางฟ้านะคะ สำหรับ ข้อความดีๆๆ ที่สื่อมา

 "ช่วงเวลาที่สวยงาม Divine timing ความคาดหวัง กับประตูปิด-ประตูเปิด"

ช่วยเตือนสติ และได้ข้อคิดมากมายค่ะ ว่า
ความผิดหวังซ้ำๆๆ นั้น
เกิดจากการเลือกหมกมุ่นอยู่กับ
ความคาดหวังแบบฝันๆๆ และประตูบานที่ปิดไปแล้ว

และ ไม่ใยดีประตูบานที่เปิดอยู่(คือสิ่งดีๆที่มีอยู่)นี่เอง

เพื่อนๆ ลองสำรวจตัวเอง สิ่งต่างๆ และโอกาส รอบๆตัวนะคะ
เพื่อนๆจะพบประตูบานที่เปิดอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ



หวังว่าเพื่อนๆๆ จะมีความสุขกับประตูบานที่เปิดนะคะ

หมายเลขบันทึก: 103920เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2007 20:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

ขอบคุณมากครับ
    ประทับใจกับ หลายวรรคทอง ครับ
... ประตูบานที่ปิดไปแล้วนั้นให้เรายอมรับความเป็นจริงและเรียนรู้จากมัน ... ใช่เลยครับ เราไม่น่าจะมาเสียเวลาทุกข์ร้อนกับบางเรื่องราวเกินจำเป็น .. หากชีวิตคือแก้วที่มีน้ำอยู่ค่อนแก้ว จะมัวมาวิตกอยู่ใยกับส่วนที่พร่องไป .. ดูดีๆ ดูน้ำที่มี ไม่ดูแต่เพียงส่วนที่ขาด ... ยิ้มได้แล้วครับ.

สวัสดีค่ะ คุณซันซัน

  • อิชั้นไม่ค่อยจะเก็ทเรื่องการ์ดนางฟ้า จึงอยากจะถามว่ามันคืออะไรเหรอคะ
  • รูปคุณซันซันรูปใหม่นี้สวยจัง (ทั้งคน และวิว...เอ เพราะเห็นไกล ๆ รึป่าวน้อ 555+ ขำ ๆ นะคะ) ไม่ทราบว่าไปถ่ายที่ไหนคะ สงสัยว่าไปเที่ยวมาแน่เลยยย หุหุหุ
  • ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราว ยาวไปนิด อิๆ แต่มีคุณค่ามาก

หวังว่าคุณจะมีประตูว่างๆ พอแบ่งปันกันบ้างนะ อิๆ

  • สวัสดีครับ
  • อ่านแล้วได้แง่งามของชีวิตมหาศาล
  • ชีวิตเราต่างเติบโตมาจากอดีต
  • และความแข็งแกร่งของชีวิตก็ล้วนแล้วมีผื่นแผลเป็นประจักษ์พยานของการเรียนรู้
  • ...
  • ขอบคุณครับ
เราเรียนรู้ได้จากทั้งประตูบานที่ปิดและเปิด หากเราเปลี่ยนจากความคาดหวังมาเป็นการเรียนรู้ เราก็จะผ่านพ้นปัญหาได้ด้วยปัญญา

นครินทร์ กิ่งศักดิ์ (ป้าง) บรรยายไว้ในเพลง "ประตู" ซึ่งเป็นชุดแรกของเขา ไว้ว่า

         "หลายวันก่อน เคยมีดอกไม้ดอกใหญ่ ส่งให้เธอ 
ตั้งแต่วันที่เจอ จนวันนี้มันโรยรา
         เห็นเธอซึม รอคอยดอกไม้ดอกใหม่ ที่ไม่มา
ไม่ยอมพูดจา ยังมองหายังคอยอยู่
         เสียเวลานั่งรอเก้อ เธอทำไมต้องคอย 
ถามตัวเองให้ดีหน่อย อย่าคอยเลย"

        "เพียงแง้มบานประตู เธอไม่รู้หรือไง

       มีสวนและดอกไม้ รอให้เธอไปชม

         ดอกไม้สำหรับเธอ เพียงจะคิดดอมดม

       เธอ เก็บ มันได้เอง"

        "รู้หรือเปล่า บางทีเธอเหงานานนาน

            มันไม่ดี เปิดตัวซักที วันพรุ่งนี้คงดีกว่า"

(คนที่ไม่คิดจะเปิดประตู ก็จะไม่รู้ว่าข้างนอกมีอะไรรออยู่) ฟังเพลงประตูคลิ๊กที่นี่!!

คุณ Handy

ช่ายที่สุดเลยค่ะ เห็นด้วยค่ะ

จะมัวมาวิตกอยู่ใยกับส่วนที่พร่องไป .. ดูดีๆ ดูน้ำที่มี ไม่ดูแต่เพียงส่วนที่ขาด ... ยิ้มได้แล้วครับ.

 ชีวิตนั้น สดใหม่เสมอ

การจมกับเรื่องราวจากอดีตหรือสิ่งที่เป็นไปได้ยาก

ทำให้บดบังสิ่งดีงามที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างน่าเสียดายจริงๆค่ะ

เหมือนน้ำที่มีอยู่ตั้งค่อนแก้ว(ที่ออกจะมีค่า)จะไม่ดูเหมือนไม่มีค่า

เพราะจิตไปหมกมุ่นกับน้ำที่หายไปแล้ว

ก็เศร้าเปล่าๆและอดเห็นสิ่งดีๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ที่นี่เดี๋ยวนี้

น่าเสียดายๆค่ะ

ขอบคุณอาจารย์มากๆๆๆๆๆๆๆๆนะคะ ^_^

คุณ อ.หนู

  • อิชั้นไม่ค่อยจะเก็ทเรื่องการ์ดนางฟ้า จึงอยากจะถามว่ามันคืออะไรเหรอคะ
  • คือเป็นลักษณะไพ่ทำนายค่ะ อธิษฐานสิ่งที่ต้องการคำตอบ แล้วหยิบไพ่ 1 ใบ ค่ะ แล้วอ่านความหมายจากคู่มือ เช่น ตอนนั้นอธิษฐานถามไพ่นางฟ้า แล้วหยิบไพ่ว่า Divine Timing จึงไปอ่านความหมายจากคู่มือค่ะ ซึ่งจะเห็นแนวทางออกของปัญหาค่ะ  

  • รูปคุณซันซันรูปใหม่นี้สวยจัง (ทั้งคน และวิว...เอ เพราะเห็นไกล ๆ รึป่าวน้อ 555+ ขำ ๆ นะคะ) ไม่ทราบว่าไปถ่ายที่ไหนคะ สงสัยว่าไปเที่ยวมาแน่เลยยย หุหุหุ
  • ช่ายค่ะ ไป ถ่ายใน สวนสาธารณะที่แวนคูเวอร์ แคนาดาค่ะ ข้างหลัง ที่เป็นแท่นรูปสัตว์ยาวๆๆ เป็นโทเท็ม  เป็นสัญลักษณ์ของชาวชนเผ่าค่ะ

    เมืองสวยดีค่ะ ดอกไม้เต็มไปหมดเลยค่ะ เขานิยมปลูกดอกไม้กันค่ะ

    และที่นี่แหละค่ะที่ทำให้ได้ไพ่นางฟ้านี้มาค่ะ

    อิ อิ สำหรับคน สวยสู้อาจารย์หนูไม่ได้ค่ะ ^__^

  • ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ
  • ยินดีค่ะ ขอบคุณมากมายเช่นกันนะคะ

     

    คุณ นาย เอกชัย รัตนมณี

    ขอบคุณนะคะ ดีใจจังค่ะ

    ที่เห็นว่าเรื่องราวนี้มีคุณค่าค่ะ

    ยินดีนะคะ แบ่งปันเรื่องราวกันค่ะ ^__^

    คุณ แผ่นดิน

    ช่ายค่ะ  ผื่นแผล อุปสรรค ปัญหาทำให้เราเติบโตขึ้น

    ทำให้เราเห็นตัวตนที่แท้จริงของเรา เห็นศักยภาพของตัวเอง และ ได้เห็นสัจธรรมค่ะ

     ขอบคุณมากนะคะ

    คุณ โรจน์

    เราเรียนรู้ได้จากทั้งประตูบานที่ปิดและเปิด หากเราเปลี่ยนจากความคาดหวังมาเป็นการเรียนรู้ เราก็จะผ่านพ้นปัญหาได้ด้วยปัญญา

     เห็นด้วยที่สุดเลยค่ะ

     ขอบคุณมากนะคะ

    คุณ Dream Farm and Sir. Paul McCartney

    เป็นเพลงที่มีความหมายที่ดีและไพเราะค่ะ

    รุ่นน้องที่น่ารักมากคนนึงเมื่อเขาอ่านบทความนี้เขาได้เคยพูดถึงเพลงนี้เหมือนกันค่ะ

    ตอนแรกๆยังนึกไม่ค่อยออก

    พอคุณแปะเว็บเพลงมาให้นึกได้เลยค่ะ

    ขอบคุณมากมายเลยค่ะ

    พึ่งทราบว่าการ์ดนางฟ้าคืออะไรน่ะครับ

               เป็นคำทำนายสิครับ  น่าจะเป็นการ์ดที่มีความหมายดีใบหนึ่ง

               เป็นช่วงเวลาแห่งการค้นพบหรือเปล่าครับ

               เป็นจุดแห่งชีวิตที่เปิดออกไป

               ประตู คือความโล่งสบายนะครับ 

                ยินดีด้วยครับ

    แล้วบานที่ปิดแต่ไม่ได้ล๊อค และ บานที่เปิดแต่เข้าไม่ได้ล่ะ

    "มีหลายอย่างที่หลอกเรา และก็มีบางอย่างที่เราหลอกตัวเอง"

    P

    ช่ายค่ะ เป็นการ์ดทำนาย และ เป็นการ์ดที่ช่วยหาคำตอบให้กับชีวิตค่ะ

    เป็นการ์ดที่ช่วยเปิดค่ะ

    เปิดมุมมองให้กว้างขึ้น

    เห็นมากกว่าที่เคยเห็นค่ะ

    ขอบคุณมากนะคะ ^_^

    คุณ อุทัย อาวรณ์

    แล้วบานที่ปิดแต่ไม่ได้ล๊อค และ บานที่เปิดแต่เข้าไม่ได้ล่ะ

    "มีหลายอย่างที่หลอกเรา และก็มีบางอย่างที่เราหลอกตัวเอง"

    เห็นด้วยนะคะ ว่ามุมมองที่เรามองอาจจะใช่หรือไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้

    สำคัญที่สุดคือ การรู้ตัว

    เพราะถ้าไม่รู้ตัว เราจะหลงเชื่อในมุมมองของตัวเอง

    และอาจพลาดมุมอื่นๆที่อาจจะใช่กว่าไป อย่างน่าเสียดายค่ะ

    ขอบคุณนะคะ

    • จำคุณหมอไม่ได้
    • คุณหมอเปลี่ยนรูปอีกแล้วครับ
    • ฮ่าๆๆๆ

    คุณ ขจิต ฝอยทอง

    อยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะค่ะ

    แตกต่างกันมากขนาดนั้นเลยหรือคะ

    ถึงขนาดอาจารย์จำกันไม่ได้ เลยอ่ะค่ะ  อิอิ ^__^

    • ตามมาขอบคุณครับผม
    • ยังอยูที่มหาชีวาลัยอีสานกับพ่อครูบาสุทธินันท์
    • สบายดีใช่ไหมครับ

    ^___^

    สบายดีค่ะ

    ขอบคุณนะคะ

    ตามอ่านอยู่ค่ะ

    เห็นด้วยกับ อ มาโนชค่ะ   คุณหมอซันซัน เนี่ย บล็อกเกอร์ ตัวจริง

    วาทะขั้นนักเขียนมืออาชีพ

     อ่านไหลลื่น สบายๆ ดีจริงเลยค่ะ

    ตามมาอ่านครับ

    เป็นครั้งแรกที่เห็นบันทึกนี้และผู้บันทึกครับ

    เขียนได้ดีมากๆครับ  ง่ายๆเรียบๆ แต่ลึกซึ้งมากครับ

    ขอบคุณมากครับที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปัน

    ...ไม่ทราบว่าเป็นจิตแพทยืหรือเปล่าครับ???

    ^_^...

    P
    ดีใจจังเลยค่ะ
    รู้สึกปลื้มๆๆ จังค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ ^__^

    คุณ Kmsabai

    ดีใจจังค่ะ รู้สึกดีจังค่ะ

    ขอบคุณมากนะคะ

    ช่าย ค่ะ ทำงานเป็นจิตแพทย์ค่ะ ^__^

     

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท