เดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากอากาศจะร้อนแสนร้อนแล้ว บ้านเมืองของเราก็มีแต่ข่าวร้อน ๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง ร้อนยิ่งกว่าอากาศเสียอีกค่ะ ตามมาติด ๆ ก็เรื่อง O-Net และ A-Net ร้อนไม่แพ้กันเลย หลังจากที่ สทศ. สถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ประกาศล้มกระดานคะแนนสอบ O-Net และ A-Net ถึง 2 ครั้ง 2 คราภายในเดือนเดียวกันของปีนี้ ทำให้เด็กและผู้ปกครองที่มุ่งหวังจะสอบและให้ลูกหลานเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยครั้งนี้ ต่างสับสนวุ่นวาย และแน่นอนไม่พอใจ จนต้องมีการตรวจข้อสอบใหม่หมด อากาศร้อน เรื่องก็ร้อน ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ค่ะ ใจของคนเราอย่าให้ร้อนตามนะคะ เรื่องที่จะเขียนในวันนี้จึงหนีไม่พ้นเรื่อง O-Net และ A-Net ค่ะ คงมีหลายคนบอกว่า เรื่องนี้เขารู้กันแล้วน่าก็เพราะเป็นเรื่อง Hot แต่ เอาเป็นว่า ผู้ที่รู้แล้วก็อ่านอีก ผู้ที่ไม่รู้อีกหลายคนจะได้รู้ที่มาที่ไปค่ะ
ในปีนี้ การรับเด็กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเปลี่ยนระบบใหม่เรียกว่า Admission ซึ่งจะเก็บคะแนนของเด็กมัธยมปลายทุกคนในรูปของคะแนนเฉลี่ยในชั้นมัธยมปลาย หรือเรียกสั้น ๆ ว่า GPAX และคะแนนเฉลี่ยสะสมรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ในชั้นมัธยมปลาย หรือ GPA นอกจากนั้นยังมีคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ O-Net และคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือ A-Net คะแนนสอบสองอย่างหลังนี้แหละค่ะ เป็นประเด็น Hot
หลายคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปของคำว่า O-Net และ A-Net คำเต็มของสองคำนี้คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ต่อไปนี้เรามารู้จักความหมายของสองคำนี้กันนะคะ
Ordinary National Educational Test หรือ O-Net คือ แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ข้อสอบจะเป็นข้อสอบส่วนกลางซึงจะสอบเหมือนกันทั่วประเทศ และจะนำไปคิดเป็นสัดส่วนคะแนนการสอบส่งมหาวิทยาลัยถึงร้อยละ 35-70 ตามแต่ละคณะกำหนด ที่สำคัญนักเรียนสามารถสอบได้แค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
Advanced National Educational Test หรือ A-Net คือ แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูงที่เป็นวิชาเฉพาะสำหรับคณะต่าง ๆ และสอบได้ไม่เกิน 3 วิชา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0 – 35 (แล้วแต่คณะ) นักเรียนสามารถเก็บคะแนนใหม่ได้ทุกครั้งที่ต้องการ เมื่อน้ำหนักคะแนนรวมของ O-Net, A-Net มีค่าสูงถึง 70 % จึงนับได้ว่าเป็นตัวชี้วัดชะตาชีวิตของผู้สอบอย่างแท้จริง
แม้จะพบความวุ่นวายของ O-Net และ A-Net ขอให้เป็นแค่บทเรียนในปีแรก ปีต่อไปหวังว่าทุกอย่างต้องราบรื่นค่ะ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ การศึกษาของไทยและเด็กไทยจะต้องเดินหน้าต่อไปอยากเรียนภาษาจีนแต่ว่าที่โรงเรียนตอนนี้ไม่มีสอนแต่อยากเรียนภาษาจีนต่อที่ม.บูรพาแล้วตอนนี้ก็เรียนวิทย์-คณิตฯด้วย...แต่เรียนพิเศษภาษาจีนอยู่ใครก็ได้ให้คำแนะนำทีค่ะ...ขอความกรุณาให้คำแนะนำดีๆและส่งมาทางเมลล์นะคะ...จะขอบคุณอย่างสูงค่ะ...ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
เห็นด้วยคับ
ตอนนี้เรียนอยู่ม.ปลายแล้วแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องสอบเอ็นท์เท่าไหร่ ก็เลยอยากรู้ใครรู้ช่วยตอบทีนะค่ะเบื่อมากเลยตอนที่มีข่าวออกมาเรื่องนี้
คือว่า ตอนีเเค้ามีการสอบระบบใหม่รึป่าวคะคือ Gat และ Pat แล้วเราจะต้องสอบ A-Net ไหมอ่าคะ
เรียน คุณเด็ก ป. 6 ที่นับถือ
คุณเป็นคนเก่งไม่เข้าใจแล้วถาม การสอบ O-Net ปีนี้สอบ ป.6 กับ ม.3
สอบครั้งเดียว ป. 6 สอบ 3 วิชาครับ ไทย คณิต วิทย์ ม.3 สอบ 5 วิชา เพิ่มอังกฤษ สังคม ครับ สอบครั้งเดียวคะแนนใช้ได้ตลอดชีวิต ปีหน้าอาจเพิ่ม ป. 3 ด้วยครับ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติเป็นผู้สอบโดยมอบให้โรงเรียนดำเนินการไม่มีค่าสมัคร ส่วนการสอบ A-NET สอบหลายครั้งเอาคะแนนครั้งที่ดีที่สุด 5 วิชาเหมือน ม.3 O-Net ต้องเสียค่าสมัครวิชาละ100 สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา หรือ สกอ.เป็นผู้สอบ เพื่อคัดเลือกเด็กเข้าเรียนมหาวิทยาลัย