ทำไมพนักงานจึงออกจากองค์การไปเสียล่ะ ?
– Why Employees leave organization?
ทุกองค์กรในปัจจุบัน ต่างก็กำลังเผชิญปัญหาการออกจากงานของพนักงานในองค์กร เพื่อ
ไปทำงานที่มีรายได้ดีกว่า หรือ ได้งานที่ดีกว่า
เมื่อต้นปีที่แล้ว นายมาร์ค (Mark) ซึ่งเป็น เจ้าหน้าที่อาวุโสออกแบบซอฟท์แวร์ (Senior Software Designer) ได้รับการตอบรับจากธุรกิจข้ามชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งว่า ให้ไปทำงานกับฝ่ายพัฒนาซอฟท์แวร์เฉพาะ ทางที่อินเดีย ซึ่งทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยินดีกับข้อเสนอดังกล่าวเป็นล้นพ้น
ก็จะไม่ให้ตื่นเต้นเป็นล้นพ้นได้อย่างไรล่ะ
ในเมื่อเขามีข้อมูลอย่างเพียงพอ เกี่ยวกับความสามารถและชื่อเสียงของกรรมการผู้จัดการขององค์กรแห่งนี้ บวกกับข้อเสนอที่เป็นค่าตอบแทนที่สูงมาก อีกทั้งเป็นองค์กรที่เป็นระบบ มีนโยบายการสร้างมิตร ในระหว่างผู้คนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน มีสำนักงานใหม่ที่โอ่โถง มีเทคโนโลยี่ที่สุดทันสมัย แม้แต่ห้องอาหารสำหรับพนักงานก็บริการด้วยอาหารชั้นยอด
เมื่อมาร์ค เข้าร่วมงานกับองค์กรแห่งนี้ เขาถูกส่งไปเข้ารับการฝึกอบรมต่างประเทศที่ทำให้เขา
มีความรู้สึกว่า ระดับการเรียนรู้ของเขาโดดเด่นที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา
เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งนับเวลาได้ประมาณเพียงเกือบแปดเดือนที่มาร์คเข้าร่วมงานกับองค์กรแห่งนี้ มาร์คได้ลาออกไปเรียบร้อยแล้ว
ทำไมพนักงานเก่ง ๆ ดี ๆ เหล่านี้จึงออกไปเสียล่ะ ?
นายอรุณ ก็จากองค์กรแห่งนี้ไปด้วยเหตุผลอย่างเดียวกันกับมาร์คและพนักงานคนอื่น ๆ ที่ลาออก
คำตอบจากผลการวิจัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของแกลล็อป องค์กรอิสระการด้านศึกษาวิจัยระดับโลกยืนยันว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานกว่า 1 ล้านคนและผู้จัดการกว่า 8 หมื่นคนทั่วโลก ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือที่ชื่อ “ประการแรกคือ จะต้องยกเลิกกฎเกณฑ์ต่างๆ เสียก่อน” ( First Break All the Rules) ซึ่งพบว่า “เมื่อองค์กรกำลังจะสูญเสียพนักงานเก่ง ๆ ดี ๆ ไป ให้หันไปพิจารณาหัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชาโดยตรง ของพนักงานคนนั้น เพราะหัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชาโดยตรงนั่นแหละ ที่จะทำให้คนอยู่และสนุกกับองค์กร และก็หัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชาโคยตรงอีกนั่นแหละ ที่เป็นสาเหตุหลักให้คนออกจากงานไป เชื่อหรือไม่ว่า “ เมื่อพนักงานออกจากองค์กรไป ต่างก็ได้นำเอาความรู้ ประสบการณ์และการติดต่อประสานงานต่าง ๆ ไปอยู่กับคู่แข่งขันของเราด้วย”
“คนจึงลาออกจากการเป็นลูกน้องของหัวหน้างาน ออกจากการเป็นลูกทีม ของผู้จัดการ มิได้ลาออกจากองค์กร” มาร์คัส บัคกิ้งแฮม (Marcus Buckingham) และเคิร์ท คอร์ฟแมน (Curt Coffman) ยืนยัน
ผู้จัดการและหัวหน้างานจำนวนมากเป็นผู้ที่ผลักดันให้พนักงานออกจากงาน
ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรมนุษย์ต่างยืนยันตรงกันว่า การใช้อำนาจและพฤติกรรมที่ผิดๆ ของผู้จัดการและหัวหน้างานเป็นสิ่งที่พนักงานหมดความอดทนที่จะอยู่ต่อไป ถ้าหากเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกก็อาจจะยังพอทนได้ แต่พนักงานจะเริ่มได้รับการปลูกฝังความรู้สึกที่ผิดๆ เข้าไปแล้ว พอเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ก็ยืนยันว่าที่คิดไว้ในครั้งแรกนั้นไม่ผิด พอเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สามพนักงานก็จะเริ่มหางานใหม่
ถ้าพนักงานไม่สามารถแสดงความโกรธออกมาอย่างเปิดเผยได้ เขาก็จะแสดงอาการออกมาอย่างเงียบๆ โดยการเมินเฉยต่อคำสั่ง หรือปฏิบัติงานช้าลง หรือจะทำงานตามที่ได้รับคำสั่งเท่านั้น ไม่ทำอะไรนอกเหนือไปกว่านั้น กลายเป็นการละเว้นที่จะให้ข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นแก่ผู้บังคับบัญชา
เดฟ (Dev) ยืนยันว่า “ถ้าคุณเพียงแต่ให้คนทำงานเพราะหน้าที่ คุณก็จะพบแต่ปัญหา เพราะคุณไม่ได้เอาหัวใจหรือจิตวิญญาณของพนักงาน ใส่ลงไปในงานนั้นด้วย” (If you work for jerk, you basically want to get him into trouble. You don’t have your heart and soul in the job)
ผู้จัดการและหัวหน้างานต่างๆ อาจผลักดันให้พนักงานออกจากงานในลักษณะที่แตกต่างกัน ผู้จัดการบางคนอาจควบคุมเคร่งครัดจนเกินไป บางคนก็เอาแต่ระแวงสงสัยในตัวพนักงาน บางคนก็เร่งรัดงานจนเกินกำลัง บ้างก็ชอบวิพากวิจารณ์ลูกน้อง แต่ทั้งหมดนั้นคงจะลืมคิดไปว่า มนุษย์หรือลูกน้องตัวเองนั้นไม่ใช่ตึกรามบ้านช่องที่รื้อถอนไปไม่ได้ แต่มนุษย์หรือพนักงานเป็นชีวิตอิสระ ที่เขย่าแรงๆไม่กี่ครั้งเขาก็จะถอยหนีจากไป ด้วยความเหลือทนที่จะทำงานอยู่กับหัวหน้าคนนั้นอีกต่อไป
คนเก่งคนดี มักจะเป็นคนที่จากไป ส่วนไม้ตาย (Dead wood) ที่ไม่ค่อยจะเอาไหน มักจะ เป็นคนที่อยู่ทน
แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี .................?
ไม่มีความเห็น