บันทึกแห่งความเจ็บปวด : กับการมีสติ
วันนี้หลังจากมีอาการปวดแขนจากการเล่นเทนนิสมาเป็นมาเวลามากกว่า 1 ปี จึงตัดสินใจไปหาหมอครั้งที่ 2 เพื่อปรึกษาเรื่องการรักษา ครั้งแรกเมื่อประมาณ 8 เดือนที่ผ่านมาได้ไปฉีดมาครั้งหนึ่งแล้ว อาการหายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากนั้นอีกประมาณ 6 เดือน ก็เริ่มปวดอีก แต่ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะพิจารณาดูแล้วว่า ถ้าเจ็บก็ปล่อยให้เจ็บ ให้รู้ว่าเจ็บ และอยู่กับความเจ็บ ประกอบกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการออกกำลังโดยงดใช้แขนในข้างที่เจ็บ จึงไม่ค่อยเป็นปัญหา
ถึงตอนนี้มีเหตุการณ์ที่ต้องทำให้ต้องออกกำลังกายโดยใช้แขนข้างที่เจ็บด้วย เพราะต้องเตรียมทีมให้น้อง ๆ ไปแข่งกีฬาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ทบวงมหาวิทยาลัยเดิม) จึงทำให้ต้องตัดสินใจว่าจะทนเจ็บ หรือจะไปฉีดยาอีกครั้ง (เนื่องจากไม่มีวินัยในการกินยา...จึงต้องตัดสินใจใช้วิธีฉีด)
จึงตัดสินใจไปว่า 4 วันที่จะได้หยุดพักการซ้อมกีฬาและเดินทางไปวัน MK เฮ้ย วันดีเดย์ที่บ้านครูบา เป็นวันที่ไปฉีดยา (ดีกว่า) จึงตัดสินใจไปพบหมอและฉีดยาในวันนี้ หลังจากฉีดยาแล้ว (แม่/พ่อ เจ้าพระคุณทูนหัว) มันเจ็บและปวดมากถึงมากที่สุด น้ำตาไหลไม่หยุด (ทั้งที่ไม่อยากให้มันไหล) จึงคิดไปว่าตัดสินใจผิดหรือถูกที่ไปฉีดในวันนี้ (ทั้งที่กำลังจะเดินทาง) แล้วจะทำอย่างไรดี ไม่มีสติ จมอยู่กับความปวด ปวด ปวด ปวด คิดวกไปวนมาว่า ตัดสินใจผิด หรือตัดสินใจถูก กินพาราแก้ปวดไป 4 เม็ด แล้วยังไม่หายปวด คิดวกไปวนมา จนกระทั่ง......
สาวน้อยมหัศจรรย์ (เธอเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์จริง) ให้สติ โดยบอกว่า
สาวน้อยมหัศจรรย์ : ทำ (ฉีด) แล้ว ไม่ต้องคิดเลยค่ะ ทำได้อย่างเดียวตอนนี้คือ...พิจารณาความปวด
ถามว่า : น้ำตาร่วงได้ไหม
สาวน้อยมหัศจรรย์ : อย่าเลยค่ะ พิจารณาความจริง
มองให้เห็นความจริงซึ่งความจริง..ตอนนี้ คือ ปวด
ที่เราทนไม่ได้ เพราะเราไม่ยอมเผชิญหน้ากับ...ความปวด
เราอยากไม่ปวด...เราจึงทนปวดไม่ได้
พิจารณา..ดูว่าปวดนั้น..มันเป็นตัวอย่างไร
เราอย่าไ ปสติแตก..ความรู้สึกกลัวนั้นเลย
ปวดซึ่งจริงๆ มันก็ต้องปวด..
เราเลี่ยงไม่ไดเราเลี่ยงไม่ได้..
เราดิ้นรนอยากเลี่ยง...
เราจึงทนไม่ได้ทุรนทุราย..ไ ปหาพารามาทานตั้งสี่เม็ด
เราไม่ยอมรับความจริง... ที่เกิด
ว้า...ไม่ได้ ดุนะคะ
บอกว่า : จะทำตามค่ะ แต่น้ำตามันร่วงเอง
สาวน้อยมหัศจรรย์ : ร่วงแล้วก็ร่วงค่ะ
หายใจเข้าลึกๆ
เผชิญค่ะ
แล้วเราจะรู้สึกอยู่ได้กับความปวดนั้น
ไม่ต้องอด หรือ ทน...นะคะ
เผชิญ..
แค่นั้นก็พอค่ะ
ตอบได้อย่างเดียว : ค่ะ
หลังจากนั้นก็กลับมาพิจารณาตัวเอง
หายใจลึก ๆ (ล้านรอบ...ฮา...)
เผชิญกับมัน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ไม่อด...ไม่ทน....
รู้ว่าเจ็บ...ค่ะ....เจ็บ...
แล้วก็อยู่กับมันได้เองถึงตอนนี้ก็อยู่กับมันได้ (ไม่แน่ใจจากพาราเซต...หรือว่าจากใจของตัวเอง)
คลายจากความปวด
คลายจากอาการคิดวกไปวนมา
คลายจากทุกข์จากการคิดว่าปวด
ขอบคุณสาวน้อยมหัศจรรย์ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณsomporn
ขอให้หายเร็ว ๆนะค่ะ แต่ต้องอย่าพยายามยกอะไรหนัก ๆ เดี๋ยวจะปวดยาว ราณีก็เคยกระดูกแตกค่ะ ที่ข้อมือขวาพอดี เดี๋ยวนี้พอยกอะไรก็ปวด เป็น ๆ หาย หมอต้องบอกว่าห้ามยกของหนักโดยเด็ดขาด เข้ามาเพราะความเป็นห่วงค่ะ
เป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดได้ดีมากๆๆ การมีสติ จะจดจำเอาไปใช้บ้างนะค่ะ เพราะปูเป้ สติแตกประจำเลย
และขอให้หายเร็วๆๆ นะค่ะ พี่
อ.ราณี ดร.ขจิต น้องปูเป้
ขอบคุณนะคะ
มีเพื่อนมาอยู่ด้วยแล้วค่ะ
ดร.กะปุ๋มส่งมาให้ เพื่อนชื่อ "สติ" ค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณอึ่งอ๊อบ
พี่ติ๋วปรึกษาแพทย์ระงับปวดทางนี้แล้ว(ไม่ใช่อ.สมบูรณ์ค่ะ...เป็นอ.พนารัตน์)..ท่านมีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ
1.ถ้าไม่เป้นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ..แข็งแรงดี...อายุไม่มาก(เช่นน้องอึ่งอ๊อบ)ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ....ให้ทานยากลุ่ม NSAIDs เช่น Brufen 400 mg.x 3 ครั้งหลังอาหารทันที...หรือ.....Diclofenac 50 mg.x 4 ครั้งหลังอาหารทันทีและก่อนนอน(หรือทุก 6 ชม.)...หรือ....Mobic 7.5 mg. วันละ 1-2 ครั้ง.
2. ถ้าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบและเบิกได้(ถ้าไม่ได้จะลงทุนซื้อเองก็ได้ค่ะ..ยาค่อนข้างแพง..)...มีอาการเฉียบพลันใช้ Clox 2 inhibitor เช่น Celeblex 200 mg.วันละ 1-2 ครั้ง..หรือถ้าเป้นเรื้อรังทานวันละครั้งเดียวค่ะ....
3. ที่กล่าวมาในข้อ1 และ 2 ให้ทานควบคู่ไปกับ Paracetamol (น้ำหนัก 50 กก.ขึ้นไปให้ทาน 500 mg. 2 เม็ด....น้ำหนักน้อยกว่า 50 กก.ให้ทานเม็ดเดียวค่ะ)...ทาน around the clock..นั่นหมายถึงทานทุก 6 ชมเลย....ครบ 6 ชม.ปุ๊บให้ทานเลย..ไม่ต้องรอให้ปวดก่อน...
....OK..ไหมจ๊ะ....หวังว่าคงหายไวๆในพริบตา...เพี้ยง.....(ขอขอบคุณ อ.พญ. พนารัตน์ รัตนสุวรรณ ยิ้มแย้ม...ทีมบรรเทาปวดของศรีนครินทร์ค่ะ...ถามปุ๊บ..เธอก็ตอบปั๊บเลย....น่ารักจริงๆ...และเธอก็เป็นห่วงเพื่อนๆของพี่ติ๋วด้วย).
พี่ติ๋วขา
ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ และยาสำหรับทาน หนูเข้ามาอ่านช้าไป (ฮา...) เมื่อวานพาราแค่ 4 เม็ด (ภายใน 2 ชั่วโมง) ก็ไม่ได้ทานยาอะไรอีกเลย ใช้วิธีอย่างกะปุ๋มบอกค่ะ ทำแบบนั้นจริง ๆ ปวดให้รู้ว่าปวด เย็นก็เดินทางมากรุงเทพฯ จะไปนอนกับแม่กุ้งยังไม่ไหวเลย พี่สาวคนโตมารับที่สนามบิน(ด้วยความเป็นห่วง มาแบกกระเป๋าให้น้องเพราะว่ากลัวน้องเจ็บพี่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก...หาไหนไม่ได้อีกแล้ว)
กลับถึงบ้านห้าทุ่ม ไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่บ่าย แล้วก็ไม่อยากทานอะไรเลย นอนอย่างเดียว อยู่กับความปวด จริง ๆ เอาน้ำแข็งประคบช่วยบรรเทา....แล้วก็หลับ ๆ ตื่น ๆ เช้ามาก็รู้สึกดีขึ้น ตอนนี้ก็ดีขึ้นค่ะ กำลังรอเพื่อน ๆ จากทางใต้ แล้วจะเดินทางไปบ้านครูบาต่อ(แวะมาหาแม่กุ้งที่จุฬาค่ะ)
พี่ติ๋วเดินทางปลอดภัยนะคะ มีโอกาสจะไปกราบสวัสดีงาม ๆ ที่ขอนแก่นค่ะ
ขอบพระคุณนะคะ งานบ้านครูบา หนูเป็นพี่เลี้ยงเด็กค่ะ...อิอิอิ....
ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ต้องระวังแขนข้างที่เจ็บไว้นะคะ เพราะเด็กๆเค้าอาจไม่รู้ว่าเราเจ็บค่ะ ขอให้หายเร็วๆนะคะ
ประสบการณ์ปวด ปวดจริ๊งๆนะเอา ไม่ใช่ปวดใจ ที่เป็นปวดอีกแบบหนึ่ง เรื่องเล่านี่ปวดจริงๆ