อย่าเป็น "นักจับผิด" ... (ทุกข์แก้ที่ใจ)


ในสังคมของคนทำงานโดยเฉพาะเป็นรูปแบบขององค์กรที่ต้องมีหน่วยงานย่อย ๆ หลาย ๆ หน่วยอยู่รวมกันจำนวนมาก ๆ ปัญหาที่เรามักจะพบจากเพื่อนร่วมงานที่นิสัยไม่ดีของเราบางคน ก็คือ เป็น "นักจับผิด"

คือ จับผิดแต่คนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ตัว แต่มักจะลืมจับผิดตัวเอง ;)...

คนอื่นขยับร่างกายนิดหน่อย ก็ผิดแล้ว ในขณะที่ตนเองขยับจนแผ่นดินแทบไหว ก็ยังไม่เห็นจะว่าอะไร

สุภาสินี ธรรมประเสริฐ เขียนเรื่อง "อย่าเป็นนักจับผิด" เอาไว้ในหนังสือ "ทุกข์แก้ที่ใจ" อยากให้ท่านได้ลองอ่าน ดังนี้ครับ

 

 

อย่าเป็นนักจับผิด

 

คนที่ชอบจับผิดคนอื่นนั้นเป็นคนที่มีปมด้อยในใจ ขาดความรักและความสนใจมาก่อนจากทางครอบครัวหรือสังคมรอบตัว จึงทำให้เขาขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ขาดเมตตา มักคอยซ้ำเติมคนอื่น คนในสังคมที่ขาดวิจารณญาณก็มักจะเชื่อข้อมูลของคนชอบจับผิด และให้ความสนใจ เขาจะยิ่งหลงตัวเองว่าสำคัญยิ่งขึ้น แนวโน้มที่เขาจะทำผิดกฏหมายและศีลธรรมจะมีได้มากกว่าคนทั่วไป

 

แล้วทำไม ? ... คนจึงชอบจับผิดคนอื่น

 

๑. ได้ความสะใจ

เหมือนได้แก้แค้นและระบายความอาฆาตที่ผูกใจเจ็บมาก่อน โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นเพื่อนกันหรืออยู่ในแวดวงเดียวกัน ย่อมมีข้อมูลในการจับผิดได้ง่ายกว่าคนอยู่นอกวงการ

(เข้าขั้นโรคจิตนิดหน่อย อาฆาตแค้นสุด ๆ)

 

๒. อิจฉา

ลองสังเกตแววตา ท่าทาง คำพูด ของคนที่ชอบจับผิดคนอื่นดูซิ จะออกแนวเยาะเย้ย ถากถาง ประชดประชัน มองเห็นถึงจิตใจที่ไม่มีความสุข เขามักจะจับผิดคนที่เก่งกว่า ดีกว่า หรือมีคนชื่นชมชื่นชอบมากกว่า หรือคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกันเรียนรู้รุ่นใกล้เคียง หรืออายุไล่เลี่ยกัน ไม่เห็นมีใครไปจับผิดขอทาน หรือคนที่ด้อยกว่าเลย การอิจฉาริษยานี้เป็นนิสัย การจับผิดก็เป็นนิสัยด้วย เราจะเห็นคนที่ชอบจับผิดคนอื่นออกมาปรากฎตัวทางสื่อบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ กัน และในชีวิตประจำวันเราก็จะเห็นคนที่ชอบจับผิดมักมีนิสัยอิจฉาคนอื่น

(เป็นเรื่องง่ายเรื่องเกิน หากเป็นคนที่ขี้อิจฉา บางคนรู้ตัว บางคนไม่รู้ตัว แต่ไม่มีใครกล้าเตือน)

 

๓. มองโลกในแง่ร้าย

จึงมีข้อจับผิดคนอื่นได้มาก โดยมองข้ามข้อดีของคนอื่นไปหมด

 

๔. มักขาดคุณธรรม ขาดเมตตา

มักชอบโทษหรือกล่าวโทษคนอื่นเกินจริง

 

๕. ตัวเองอาจเคยถูกจับผิดมาก่อน

จึงผูกใจเจ็บและหาทางจับผิดคนอื่นเป็นการแก้แค้น

 

๖. เพื่อให้ตัวเองแลดูเก่ง ฉลาด

โดยกดหรือกล่าวว่าคนอื่นมีความผิด

(แบบนี้ก็เยอะครับ)

 

๗. เพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตนเอง

ซึ่งตนเองก็รู้และเกรงว่าคนอื่นจะจับได้ จึงจับผิดคนอื่นให้มาก ๆ เอาไว้ ทำให้คนสนใจความผิดของคนอื่น จะได้ไม่สนใจตัวเขา

(อันนี้อยู่รอบตัวเลย)

 

๘. เอาไว้แก้ตัว

เวลาตัวเองทำผิดและมีคนอื่นจับได้ ก็จะได้บอกว่า ทีคนอื่นทำผิดเล่า ไม่เห็นมีใครว่าอะไร? และก็จะหาทางทำผิดต่อไปเพื่อประโยชน์ของตนเอง

 

๙. มีลักษณะ Sadistic Personality

ชอบเห็นคนอื่นมีความผิดแล้วตัวเองมีความสุข จึงพบได้บ่อยที่เขายัดเยียดความผิดให้คนอื่นเกินความจริง

 

๑๐. ประเมินตัวเองผิด

คิดว่าเก่งกว่าคนอื่น สามารถจะปราบคนอื่นให้ได้ทั้งหมด จึงใช้วิธีคอยจับผิดคนอื่นเป็นเครื่องมือเพื่อลดเครดิตคนอื่นลง และตัวเองก็ไม่ทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่สังคมด้วย

(โดยเฉพาะคนที่เรียนสูง ๆ และคนที่มักจะคิดว่าตนเองเหนือกว่าคนอื่น แต่ไม่เหนือกว่าจริง ซ้ำยังดูต่ำกว่าคนอื่นอีก)

 

ดังคำสอนของท่าน ว.วชิรเมธี ว่า

คนที่คอยจับผิดคนอื่น
แสดงว่าหลงตัวเอง
ว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น
ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง
กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก
คนที่ชอบจับผิด
จิตใจจะหม่นหมอง
ไม่มีโอกาส "จิตประภัสสร"
ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี
"แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์
ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข"

 

ดังนั้น อย่าคอยจับผิดคนอื่น เพราะมันทำให้ชีวิตเสียเวลา แทนที่เราจะเอาเวลาไปทำอะไรอย่างอื่นที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์กับตัวเองและคนอื่น ๆ

 

การมองหาข้อบกพร่องของคนอื่น มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น กลับแต่จะทำให้เรามีความทุกข์มากขึ้น เพราะจิตใจเราหมกหมุ่นอยู่แต่กลับการหาวิธีจับผิดคนอื่น

 

เช่น คนนั้นอู้งาน คนนี้ขี้เกียจ คนโน้นไม่ทำงานเลย ฯลฯ ทุกคนต่างมีเส้นทางที่แตกต่าง จะมัวไปพะวง และยุ่งกับเรื่องของคนอื่นอยู่ทำไม เลิกเสียกับพฤติกรรมที่คอยจับผิดคนอื่น เพราะมันทำให้จังหวะการเดินทางในชีวิตของเราสะดุด

 

อย่าเอาใจใส่ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง
ปล่อยความคิดให้เบา ทำหัวของเราให้ปลอดโปร่ง
เลือกมองแต่เรื่องดี ๆ รอบตัว


........................................................................................................

 

การจับผิด คือ การทำลายโอกาสของการทบทวนตนเอง ว่าดีหรือไม่ หรือผิดพลาดอย่างไร เราจะได้ปรับตัวและแก้ไขให้ทันกาล ก่อนที่จะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวต่อไปจนตาย

หากมัวแต่ไปยุ่งกับคนอื่น เบียดเบียนคนอื่นอย่างหนัก สักวันกรรมนั้นจะกลับมาเล่นงานให้เราได้ทุกข์ทนเหมือนกันสิ่งที่เราเคยได้ทำกับผู้อื่นเช่นกัน

โปรดเชื่อเรื่อง "กรรม" ผลของกรรม คือ ผลของการกระทำของตัวเราทั้งสิ้น

ดังนั้น อย่าเที่ยวไปโทษใคร หากไม่รู้จริง

อย่าเที่ยวไปคิดว่าตัวเองฉลาด มีสมองเหนือผู้อื่น เพราะมีอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้ทั้งหมดในโลก หรือแม้แต่เรื่องที่ตัวเองคิดว่า รู้ที่สุด บางทีอาจจะไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ ก็ได้ อย่าหลงระเริงจนเกินไป เพื่อนแท้จะหนีหาย แล้วก็ไม่เหลือใครเป็นเพื่อนแท้สักคน

 

บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)

 

........................................................................................................

 

ขอบคุณหนังสือดี ๆ

สุภาสินี  ธรรมประเสริฐ.  ทุกข์แก้ที่ใจ.  กรุงเทพฯ : ณ ดา, ๒๕๕๔

 

หมายเลขบันทึก: 444706เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2011 22:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)
  • เวลาที่เราจับผิดใคร เราจะมองไม่เห็นตัวเอง นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งค่ะ
  • เป็นบันทึกที่มีประโยชน์มาก ช่วยเตือนสติทุก ๆ คนอย่างแท้จริงค่ะ

ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ;)...

ไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะนอนดึกเพียงนี้ เดี๋ยวหน้าไม่ผ่องนะครับพรุ่งนี้ ;)...

"เมื่อเราคือศูนย์กลางของจักรวาล และเราพุงโตมาก ๆ ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นเท้าของตนเองได้ จึงจำเป็นต้องต่อว่าด่าทอผู้อื่น ซึ่งจะดูง่ายกว่า สำหรับพวกเขาเหล่านั้น" ;)...

น่าสงสารครับ

เปลี่ยนจากจับผิดคนอื่น มาจับผิดตัวเองดีกว่านะคะ....ได้ประโยชน์กว่ากันเยอะเลย ^v^

When we see 'faults', know that they are faults, say that they faults, and (if the faults are ours) correct them.

We can see that we too have faults. May be more than others together.

"Denying our own faults or seeing only faults in others" is "unhealthy". ;-)

Seeing faults as they are "unsatisfactory" examples against "standard" examples, helps to improve our 'quality' of discernment --knowing and recognising what right and what wrong--.

อ่านเสร็จก็ได้...ของขวัญ...ให้เพื่อนร่วมงานเลย(จะซื้อแจกคนมองโลกแง่ร้าย)ครับท่านอาจารย์...เล่มนี้โดนใจผมจริงๆ

ขอบคุณครับผม

โปรดเชื่อเรื่อง "กรรม" ผลของกรรม คือ ผลของการกระทำของตัวเราทั้งสิ้น

ดังนั้น อย่าเที่ยวไปโทษใคร หากไม่รู้จริง

จริงแท้ แน่นอนค่ะ

 

 

โปรดเชื่อเรื่อง "กรรม" ผลของกรรม คือ ผลของการกระทำของตัวเราทั้งสิ้น

ดังนั้น อย่าเที่ยวไปโทษใคร หากไม่รู้จริง

จริงแท้ แน่นอนค่ะ

 

 

แค่อ่าน ก็ทำให้จิตใจวุ่นวายไม่สงบแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่แนะนำสิ่งดีงามเสมอมา

พยายามมองสุขในทุกข์ให้ออกค่ะ

สวัสดีค่ะ

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา  พี่คิมได้รับฟังความทุกข์ของผู้คนหลายคนที่เป็นทุกข์แบบรำคาญใจเพราะถูกคนอื่น (คนเดียวกัน) จับผิด

แล้วเราก็มาวิเคราะห์กันว่า...เขาน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้  มีส่วนคล้าย ๆ แบบที่อาจารย์กล่าวมาบ้าง  หากพี่คิมจะนำมาเขียนเล่า  ไม่ทราบว่าจะได้ประโยชน์หรือไร้สาระมากขึ้น

น่าสงสารจริง ๆค่ะ

พวกเรา ... มาจับผิดตัวเองกันดีกว่า ดีไหมครับ คุณหมอดาว blue_star ;)...

ขอบคุณมากครับ ;)...

ท่านอาจารย์  หนานวัฒน์ ... ช่วงบ่าย ๆ ผมจะขึ้นภาพปกหนังสือให้นะครับ

ไม่คิดว่า จะมีคนสนใจ สำหรับเล่มนี้ครับ ;)...

ขอบคุณมากครับ ;)...

ทำใจให้สบายครับ พี่คุณครู KRUDALA ;)...

เรามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ คุณครู noktalay ;)...

หากเป็นตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น พี่ คิม นพวรรณ ลองเขียนก็ได้นะครับ

แล้วก็ขออุทิศบุญกุศล ขอให้เขาได้มีโอกาสมองเห็นและทบทวนตนเองได้บ้าง

ขอบคุณครับ พี่ คิม นพวรรณ ;)...

สวัสดีค่ะ

บางคนถึงกับอยากทำวิจัยบุคคลคนนี้ค่ะ

ค่ะพี่คิมจะลองเขียนเล่าแบบบวก ๆ ดูนะคะ

คงเป็นคนที่มี "ปม" ในใจ น่ะครับ พี่ คิม นพวรรณ ;)...

อย่าเอาความไม่ดีของเขามาเข้าในใจ ทุกอย่างน่าจะสบายใจขึ้นนะครับ

ขอบคุณครับ พี่ คิม นพวรรณ ;)...

Seeing faults as they are "unsatisfactory" examples against "standard" examples, helps to improve our 'quality' of discernment --knowing and recognising what right and what wrong--.

ดังนั้น อย่าเที่ยวไปโทษใคร หากไม่รู้จริง

มาอ่าน แบบเกร็ง ๆ ๕ ๕ กลัวจะโดนจับ หรือไปจับใคร เค้าแล้ว ๕ ๕

คนเราทุกวันนี้ห่างไกลจากความดีไปตามเวลา...ปี2554...แต่ก่อนย้อนกลับไปสัก10-30ปี...คนเรามีสังคมที่น่ารัก...สามัคคี...เมตตา..ไม่เห็นแก่ตัว....เอาตัวเองรอด...ไม่คิดถึงผลการกระทำของตัวเองที่ก่อความเดือนร้อนให้คนอื่นอย่างไม่มีความรู้สึกใดๆในปัจจุบันสังคมยิ่งต้องการเยี่ยวยา..แบบอย่างที่ดีๆสู้ไม่ได้กลายเป็นว่าเห็นผิดทำผิดไปเปรียบ...ไม่คิดเรื่องบุญกรรม..จนคนดีมีน้อยสู้ไม่ไหวยอมหลีกหนีหรือพ่ายแพ้ไปปล่อยให้เป็นไปตาม......หรือโชคดีที่ไปก่อน ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ คุณ Poo ... แอบจับครับ 555

ขอบคุณมากครับ คุณ trchsun ;)...

ฮ่าๆ  เจอทุกวันที่ทำงานค่ะอาจารย์เทวดา....^_^

ขอบคุณมากครับ นางฟ้า ชาดา ;)...

บทความนี้จะทำให้เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของคนลักษณะได้ดีขึ้นไงครับ ;)...

ที่ออฟฟิตมีคนแบบนี้เลย ตรงเป๊ะๆ แต่เวทนาเขานะคะ ใกล้เกษียรแต่ยังคิดไม่ได้เลย ชอบด่าว่าคนอื่นแรงๆ อยากให้เขารู้ตัวบ้างจัง แต่เขาเป็นคนไม่มีศาสนา เลยแก้ยาก

กรรมใคร กรรรมันครับ คุณ wandee ;)...

มีวิธีแก้นิสัยแบบนี้มั้ยค่ะ ลูกสาวคนโตของดิฉันอายุเพิ่งจะย่าง10ขวบเอง แต่มีนิสัยแบบข้างต้นครบทุกข้อเลย เราเครียดมาก กลัวว่าถ้านิสัยยังเป็นแบบนี้จะไม่มีเพื่อนเพราะเขามีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียนบ่อยมาก พวกผู้ปกครองของเด็กคนอื่นก็สั่งห้ามลูกเขาเล่นกับลูกเรา ใครพอมีคำแนะนำดีๆบ้างค่ะ?

* ให้ความรักเขา กอด บอกรัก และพยายามแสดงความเชื่อใจเขา เพื่อลดการขาดของเขาครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท