ฤานี่คือ กรุงแตก ปี ๒๕๕๔


๙ ตุลาคม ๒๕๕๔

คงไม่มีใครไม่ได้เฝ้าติดตามข่าวน้ำท่วมในช่วงนี้ น้ำเต็มไปหมดทุกหนทุกแห่งจริงๆค่ะ ในภาพข่าวแต่ละที่น้ำท่วม น้ำทะลัก ผู้คนตื่นตระหนก ลำบากสาหัส เป็นภัยพิบัติระดับชาติโดยแท้

น้ำท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาครั้งนี้อาจเปรียบได้กับ กรุงแตก ผู้คนต่างหนีเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น แทบไม่ได้เก็บข้าวของสำคัญออกมา และแน่นอนว่าเนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่าน้ำจะมารวดเร็วและรุนแรงปานนั้นความช่วยเหลือจึงไม่สามารถไปถึงหลายๆจุดในเกาะเมือง ตอนวิกฤตนี้แหละค่ะที่เราจะได้เห็นธาตุแท้ของแต่ละคนว่าจะเป็นกำลังช่วยกันหรือจะเอาตัวรอดแต่ลำพัง บางจุดถึงขั้นจะยิงกันเพื่อต้องการเปิดคันดินหรือแนวกระสอบทรายให้น้ำระบายให้พ้นที่ตน

 

 

ภาพแผนที่ท่องเที่ยวเกาะเมืองปัจจุบัน

จะเห็นว่า “เกาะเมือง” ของพระนครศรีอยุธยานั้นมีแม่น้ำโอบล้อมทุกด้าน จึงได้ชื่อว่าเป็น “เกาะ”

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มี๑๖ อำเภอ

เกาะเมือง นั้นเป็นส่วนหนึ่งของตัวเมืองที่เป็นยุทธศาสตร์แต่ครั้งโบราณ เป็นเขตุ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนี้ไม่มี อำเภอเมือง ค่ะ

อยุธยาตั้งอยู่บริเวณชุมทางแม่น้ำหลายสาย แค่รอบ เกาะเมือง ก็ ๓ สาย คือ

  • แม่น้ำลพบุรี ต้นน้ำมาจากอำเภอเมืองลพบุรี เข้าสู่อยุธยาทาง อำเภอบ้านแพรก ผ่านมายัง อำเภอมหาราช อำเภอบางปะหัน มาโอบล้อม เกาะเมือง ทางเหนือ บริเวณที่เรียกว่า หัวแหลม ท่าวาสุกรี สมัยก่อนชาวบ้านเรียก แม่น้ำลพบุรี ว่า คลองเมือง

 

น้ำหลากปี๒๕๕๔นี้ แม่น้ำลพบุรี โอบล้อม รัก อำเภอบ้านแพรก จนเป็นเกาะกลางน้ำ ต้องส่งข้าวปลาอาหารกันทางเครื่องบิน

 

  • แม่น้ำป่าสัก เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีจุดกำเนิดมาจาก เลย ผ่านหลายจังหวัด มาเข้าอยุธยาทาง อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง (ไม่ไกลจากบ้านผู้เขียน) พอเข้าใกล้เกาะเมือง ก็มาสบกับแม่น้ำอีกสาย คือ แม่น้ำลพบุรี ซึ่งโอบล้อมเกาะเมืองด้านเหนือ ที่บริเวณ หัวรอ

 วันหนึ่งของสายน้ำป่าสักที่ผ่านบ้าน

แต่เดิมทางตะวันออกของเกาะเมืองไม่มีแม่น้ำ มีแต่คูที่ขุดแยกจากแม่น้ำลพบุรี ตั้งแต่ตำบลหัวรอ ไปทางตะวันออกอ้อมลงไปๆ จนไปบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ป้อมเพชร คูนี้มีชื่อว่า คูขื่อหน้า สมัยก่อนก็แคบๆเล็กๆ จนพม่าใช้ดินถมคูเข้าสู่ตัวเมืองได้ สมัยพระมหาธรรมราชาจึงมีการขุดขยายให้กว้างมากจนพม่าถมไม่ไหว เมื่อทางน้ำขยายใหญ่มากขึ้น แม่น้ำป่าสัก จึงเปลี่ยนทางเดิน เดิมที่มาจากทางเหนือแล้วอ้อมเข้าสู่ แม่น้ำลพบุรี ก็กลับตัดตรง เข้าสู่ คูขื่อหน้า กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่อย่างที่เห็นทุกวันนี้

 

น้ำหลากปี๒๕๕๔ นี้ น้ำจากแม่น้ำป่าสัก ก็ให้ความรักผืนดินอยุธยาทั่วถึง หลากไหลท่วมท้นทั้งฝั่ง อยุธยา คือซีกในเกาะเมือง และอีกฝั่งนอกเกาะเมือง คือ อโยธยา

 

  • แม่น้ำเจ้าพระยา  ไหลมาจาก ปากน้ำโพ นครสวรรค์ ผ่านเข้าทางอำเภอบางบาล ที่น้ำท่วมมากและมักท่วมก่อนใครทุกปี แล้วจึงมาอ้อมตัวเมืองหรือเกาะเมือง ทางด้านตะวันตกและโอบล้อมลงมาจนถึงทางใต้ของเกาะเมือง แล้วไปสบกับแม่น้ำสำคัญอีกสาย นั่นคือ แม่น้ำป่าสัก ณ บริเวณ บางกะจะ หน้าวัดพนัญเชิง

 จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ศรีปราชญ์ ได้เริ่มต้นเดินทางสู่พระนครด้วยเรือล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณนี้และพรรณนาไว้ว่า  

“...บริเวณอื้ออลด้วยชลธี ประดุจเกาะอสุรีลงกา”

บริเวณนี้น้ำเชี่ยวกรากและเกิดเป็นวังน้ำวนด้วย สมัยก่อนเรือสินค้ามากมายพากันมาอับปางตรงนี้บ่อยมาก จนใครๆพากันเรียกจุดนี้ว่า ตำบลสำเภาล่ม อยุธยายุคปัจจุบันจึงมีนักประดาน้ำค้นหาสมบัติเป็นที่เลื่องลือ

 แม่น้ำเจ้าพระยานี่แหละที่จะรวมลำน้ำ พาน้ำเหนือจากสาย แม่น้ำลพบุรี และ แม่น้ำป่าสัก รวมทั้ง   แม่น้ำน้อย ที่ไม่ได้ผ่าน เกาะเมือง แต่ก็เป็นลำน้ำใหญ่เกินชื่อ แยกจาก แม่น้ำเจ้าพระยาที่ชัยนาท ผ่านสิงห์บุรี อ่างทอง เข้าอยุธยาที่ อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา และ อำเภอบางไทร มาพบกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งที่ สามแยกบางไทร ไหลล่องเข้าสู่กรุงเทพ ไปลงทะเลที่ อ่าวไทย เมื่อน้ำทะเลหนุน ก็จะยิ่งทำให้การระบายน้ำที่กรุงเทพทำได้ยากยิ่ง คนกรุงเทพคงรู้จักภูมิศาสตร์ตัวเองพอควรที่จะตระหนักว่า กรุงเทพก็เป็นแอ่ง มีขอบอ่างล้อมอยู่ส่วนหนึ่งที่เป็นบริเวณจะสูบระบายน้ำทะเลออก ดังนั้นการสูบระบายน้ำออกทิ้งทะเลก็หนักหนาเอาการ

ทุกจังหวัดที่อยู่เหนือกรุงเทพคงเอาใจช่วย ลุ้นให้กรุงเทพระบายน้ำได้เร็ว ได้ดีเยี่ยม เพื่อน้ำที่ตกค้างอยู่ด้านบนนี้ก็จะได้มีทางออกต่อไป เห็นข่าวบอกว่าอยุธยาจะใช้เวลาราวหนึ่งเดือนในการระบายน้ำส่งต่อออกไปได้หมด

 

 

ผีเสื้อหางติ่ง เห็นไม่ชัดว่าเป็นหางติ่งธรรมดา หรือหางติ่งนางละเวง

กับต้นมะนาวที่จมน้ำข้างศาลา

 

ความยากลำบาก ทุกข์ทน ไม่เลือกผู้คน ไม่เลือกที่ เราทุกคนต่างเชื่อมโยงกัน ไม่มีใครทุกข์คนเดียวหรือสุขคนเดียว ขอบุญจงรักษาให้ทุกท่านปลอดภัย มีกำลังใจที่จะ “...ฟื้นฟูจิต นิรมิตเมือง” ขึ้นมาอีกครั้ง

หมายเลขบันทึก: 464232เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2011 10:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 03:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

ขอบคุณสำหรับบันทึกให้ข้อคิดคะ

จำได้ว่าตอนเด็ก อ่านประวัติศาสตร์ไทยรบพม่า

รู้สึกน้ำหลาก น้ำท่วมเป็นฮีโร่ ทำให้พม่ายกทัพกลับไป

มาปัจจุบันกลับเป็นตัวทำให้กรุงอาจแตกเสียเอง

...

แต่สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ

หากร่วมรักสามัคคีก็คงไม่แตกง่ายๆ นะคะ

ขอร่วม

“...ฟื้นฟูจิต นิรมิตเมือง” ด้วยคนคะ :-)

"ธาตุแท้" ของคนเริ่มปรากฎขึ้น เมื่อมีสถานการณ์ทุกข์ยากมาวัดจิตใจความเป็นมนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ ... รู้สึกสลดใจกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นครับพี่นุช

คนเราเกิดมามีแต่ตัว เมื่อชีวิตอยู่ก็ได้สะสมสมบัติเอาไว้ มากบ้าง น้อยบ้าง เมื่อเกิดเหตุจำต้องทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง บางคนก็กำลังใจไม่เข้มแข็งพอที่จะทิ้งสิ่งเหล่านี้ เศร้าจัง

อ่านบันทึกนี้แล้วจินตภาพว่า พี่นุชกำลังนั่งเขียนบนเรือน พร้อมกับมองน้ำที่ไหลหลากผ่านใต้เรือนไปด้วย

พี่นุช ... ยังไหวนะครับ ;)...

 

  • ขอบพระคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆ  ที่มอบให้
  • ที่บ้านผู้เขียนก็น้ำท่วมค่ะ  ไปไหนไม่ได้เลยค่ะ
  • มองย้อนอดีตตอนเป็นเด็ก  น้ำก็ท่วมแบบนี้  แต่ไม่เห็นเดือดร้อนเหมือนทุกวันนี้เลยค่ะ  ไม่น่ากลัวด้วย  ในทางกับกันน้ำท่วมรู้สึกสนุกเสียอีกปลาก็มีกิน อาหารก็ไม่อดค่ะ  น้ำก็มีดื่ม
  • ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องคนไทยทุกคนนะคะ
  • กรุงศรีอยุธยาแตก ครั้งที่สามเป็นแน่แท้ 

ล้กษณะภูมิศาสตร์ที่เคยเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง น่าเสียดายโบราณสถาน วัดวาอารม ..น่าสงสารผู้คนที่ประสบอุทกภัยถ้วนหน้าเช่นเดียวกับในหลายๆจ้งหวัดที่ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร และจะขยายผลไปอีกกว้างขวางเพียงไร ทุกข์ครั้งนี้ใหญ่หลวงนักค่ะ

ขอส่งกำลังใจไปช่วยน่ะค่ะ พี่นุช รักษาสุขภาพด้วย:)

  • อ่านบันทึกแล้วเข้าใจประวัติศาสตร์
  • อาจจะมีการแตกความสามัคคีกันบ้างเพราะทำใจไม่ทัน
  • แต่เมื่อมีเวลาให้คิด คนไทยเรารักกันไม่ทิ้งกันแน่ๆค่ะ
  • ทุกภาคร่วมใจช่วยเหลือคนน้ำท่วมค่ะ
  • เป็นกำลังใจให้เสมอ  สู้ๆๆนะคะ
  • บ้านน้องสาวอยู่ที่ต.บ้านเกาะ ก็ต้องทิ้งบ้านเพราะน้ำท่วมชั้นล่าง เข้าออกไม่ได้
  • นครสวรรค์ก็วิกฤต รอบๆเมืองก็เต็มไปด้วยน้ำ
  • ชีวิตกับสายน้ำอยู่คู่มากับคนไทย ธรรมชาติสอนให้เราเอาตัวรอดให้ได้ค่ะ
  • ให้กำลังใจทุกๆท่าน ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

ไฟฟ้ายังใช้ได้

อินเตอร์เนตยังไม่ล่ม

ใจยังไม่ระทม

สบายดีหาข้อมูล

สู้ ๆ ร่วมกันนะคะ...คนไทยทั้งมวล

อ่านบันทึกพี่นุชทีไร นอกจากจะได้ความรู้และแง่คิดดีๆ แล้ว

ยังรู้สึกได้ถึงความงามที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางความหายนะเสมอ

ไม่ว่าอะไรจะเลวร้ายแค่ไหน ชีวิตก็จะมีด้านที่ดีเสมอนะคะ

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ถูกน้ำท่วมครับ

ผมจึงสร้างแนวความคิดเรื่องการลดทอนปัญหาน้ำท่วม ทั้งระยะเร่งด่วนและในระยะยาวครับ คือการใช้เรือผลักดันน้ำ ร่วมไปกับการสร้างทำนบกั้นน้ำทุกแห่งครับ ถ้าสนใจก็ตามไปอ่านได้ในบล็อกของผมครับ

ที่ http://www.gotoknow.org/blog/doctorpornsak/464262 ครับ

              หมอพรศักดิ์ จันทบุรี

พี่นุชคะ

หนูเองก็เป็นห่วงอยู่ว่าบ้านพี่นุชน้ำจะขึ้นสูงระดับไหน

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

ทางหาดใหญ่ก็คงต้องเตรียมรับมือเช่นกัน เพราะเดือนนี้ก็เริ่มเข้าหน้าฝนแล้วค่ะ

นี่อาจจะเป็นแค่ตัวอย่างที่แสดงให้เห็น

อนาคต...คงต้องเตรียมตัวให้มากกว่านี้

เป็นกำลังใจให้ชาวอยุธยาทุกท่านค่ะ

สวัสดีค่ะ

โทร.หาเพื่อนที่อยุธยาบอกว่าไม่สามารถนำอะไรออกมาจากบ้านได้

เพราะไปทำงานกลับมาน้ำขึ้นจนเข้าบ้านไม่ได้

ต้องนอนกันบนถนน

สงสารเหลือเกิน....

ได้แต่ปลอบใจ ให้กำลังใจ

ตอนนี้ที่บ้านก็กำลังจะท่วมเหมือนกันค่ะ

เป็นห่วงคุณนุชนะคะ

ขอบพระคุณผู้อาวุโส และขอบคุณเหล่าเพื่อนๆพี่น้องทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่นค่ะ

ในเมืองอยุธยายังวิกฤตไม่หยุด การขนย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลและการนำความช่วยเหลือจากทางการเข้าไปยังผู้ติดค้าง ดูจากข่าวแล้วโกลาหลเพราะคนที่พยายามจะช่วยแต่กลับเป็นสิ่งกีดขวางให้การทำงานของทางเจ้าหน้าที่ทำได้ยาก ดูเหมือนบอกก็ไม่ค่อยฟังกันค่ะ เรายังขาดการจัดการที่ดีในยามภัยพิบัติเช่นนี้นะคะ ประสบการณ์ครั้งนี้คงทำให้ต้องมีการเตรียมคนให้รู้หน้าที่และมีวินัยนะคะ

ของบริจาคมักเป็นอาหารและของใช้พื้นๆที่ใครๆก็คิดออก แต่มีของใช้บางอย่างที่คนที่ต้องอพยพทิ้งบ้านหนีน้ำไปอยู่ตามถนน หรืออาคารโล่งๆ ต้องใช้คือ "มุ้ง" ค่ะ เมื่อคืนดูข่าว มีผู้ประสบภัยคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า นอนไม่ได้เพราะยุงชุมมาก ไม่มีมุ้ง คนข้างกายผู้เขียนได้ช่วยประสานกับเพื่อนที่กรุงเทพได้มาแค่ ๑๐๐ หลัง หากใครคิดจะช่วยบริจาค มุ้ง กับ ส้วมกระดาษ จำเป็นมากค่ะ เมื่อวานเขาได้กราบเรียนคุณแม่ชีศันสนีย์ แห่งเสถียรธรรมสถาน ซึ่งท่านก็เป็นคนอยุธยา ท่านได้มอบเรือช่วย ๓๐ ลำ โดยท่านนำมาเองด้วย อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากค่ะ

คนกรุงเทพยังพอหาซื้อ จัดของส่งมาได้ ที่อยุธยาหาซื้ออะไรที่จะนำไปช่วยก็หาซื้อไม่ได้ง่ายๆค่ะ ผู้คนแตกตื่นกักตุนของ เอทีเอ็มก็กดเงินกันจนย่านนครหลวงเงินหมดเกือบทุกตู้เลยค่ะ

สงสารผู้คนที่ภัยมาถึงตัวอย่างคาดไม่ถึง เวลาอย่างนี้ต้องช่วยกันเต็มที่ค่ะ

  • พี่นุชเจ้า..
  • 

ตามเนื้อข่าว  ตามภาพที่เห็น  เป็นใครก็คงจะตื่นตระหนกรีบกักตุนของกินของใช้กันทั้งนั้น   ที่หล่นหายไปคือ "สติ"    ก็เลยอาจจะไม่สามารถจัดการอะไรที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ดี

ยินดีที่พี่นุชปลอดภัยค่ะ ^^

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท