รู้จักละ..รู้จักดับทุกข์


เราควรพิจารณาหาทางดับทุกข์แต่เหตุ ซึ่งก็คือละ"การยึดมั่นถือมั่น"ในสิ่งต่างๆ ในชีวิต

ต่อจากบันทึกที่แล้วเรื่องการรู้จักตน เมื่อทำการสำรวจตัวเอง พบว่า...

เมื่อไม่มี ในสิ่งที่คนอื่นมี ... เป็นทุกข์

เมื่ออยากมี ในสิ่งที่คนอื่นมี ... เป็นทุกข์

เมื่อมีแล้ว การรักษาสิ่งที่มีไว้ให้คงอยู่ ... เป็นทุกข์

เมื่อมีแล้ว การกำจัดสิ่งที่มีอยู่ ... เป็นทุกข์

เราควรพิจารณาหาทางดับทุกข์แต่เหตุ ซึ่งก็คือละ"การยึดมั่นถือมั่น" ในสังคม ในรูปกาย ในทรัพย์สิน ในยศฐาบรรดาศักดิ์ ในความดี ในความเลว ในกฎเกณฑ์ สิ่งต่างๆ ฯล

เมื่อลดละการยึดมั่นถือมั่น ก็เหมือนกับทำความเข้าใจในวงจรของการเกิดทุกข์ รู้จักธรรม(ชาติ) ของทุกข์

ดังนั้น จงรู้จักละการยึดมั่นถือมั่น และเจริญสติ เพื่อรู้ทันตัวเอง และเจริญปัญญาธรรม..

บันทึกนี้ได้จากการสนทนาธรรมกับอ.ศิริศักดิ์
หมายเลขบันทึก: 97177เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2007 13:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

พระอาจารย์ที่สอนธรรมะของพระพุทธเจ้า ล้วนสอนเหมือนกันหมดครับ เราน่าเชื่อมั่น และศรัทธาในนเรื่องนี้ ( เรื่องของทุกข์ และการดับทุกข์ )  ให้มาก ๆ แล้วก็ฝึกฝนบ่อย ๆ   ( ตอนนี้ก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ )   เท่าที่ผมศึกษามา พระพุทธเจ้าท่านก็ต้องการสอนเราเรื่องนี้แหละครับ 

หลวงพ่อชาบอกไว้ว่า

ทุกข์มีเพราะ ยึด

ทุกยืดเพราะ พลอย

ทุกข์น้อยเพราะ หยุด

ทุกข์หลุดเพราะ ปล่อย

สวัสดีค่ะคุณหมอจิ้น

ดิฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่ศรัทธาในพระธรรมคำสอนมากๆ ค่ะ  ยิ่งได้ปฏิบัติ ได้เจริญสติ ก็ยิ่งเห็นความจริงในพระธรรมค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของทุกข์ ซึ่งมองไปตรงไหน ในชีวิตของเรา หรือรอบๆ ตัวเรา ก็จะเห็นทุกข์ที่เกิดขึ้นอยู่เต็มไปหมด

ก็เลยมานั่งนึกๆ ดูว่ามันเกิดตรงไหนบ้าง สนทนากับอ.ศิริศักดิ์ ก็เลยได้ข้อสรุปมาเขียนเป็นบันทึกนี้เอาไว้เตือนสติตนเองและเผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นบ้างค่ะ

ขอบคุณที่นำคำสอนของหลวงปู่มาประกอบไว้ในบันทึกนะคะ

"ทุกข์หลุดเพราะ ปล่อย" ใช่เลยค่ะ..ดิฉันเองก็ฝึกมาได้ไม่นาน ยังมียึดติดอยู่บ้าง แต่ก็ค่อนข้างจะรู้ตัวค่ะว่ากำอะไรไว้บ้าง พอรู้ตัวว่ายึดอยู่ มันก็คลายออกไปบ้างค่ะ ; )

สวัสดีครับ

  • เข้ามาร่วมเรียนรู้
  • แม้ว่าจะอยู่ไกล  ไม่เคยรู้จักกัน  แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งความดี  ความจริง  ความงาม ของพี่หมอและท่านอาจารย์ครับ
  • ผมชักจะเริ่มเชื่อเรื่องการสื่อสาร  และพลังของคนที่อยู่ไกลๆกัน  และสามารถสื่อถึงกันได้  ดังที่เล่าในหนังสือ หัวใจใหม่-ชีวิตใหม่ ของท่านอาจารย์หมอวิธาน      .http://www.wongnamcha.com/index.php?option=com_content&task=category&sectionid=88888892&id=88888894&Itemid=88888908แล้วละครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอสุพัฒน์
P

เช่นเดียวกันค่ะคุณหมอ ดิฉันก็รู้สึกได้ถึงพลังดังกล่าวค่ะ อย่างที่เขียนไว้ในบันทึกเรื่องรู้จักตนค่ะ ตอนนี้เราเหมือนเดินอยู่บนถนนที่อาจจะไม่ใช่สายเดียวกันโดยสิ้นเชิง แต่เป็นเส้นทางที่มุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันค่ะ

ขอบคุณคุณหมอที่แนะนำเวบ วงน้ำชานะคะ เห็นอาจารย์หมอสกลเคยพูดถึงเหมือนกันในบันทึกของท่าน จะได้ตามไปอ่านค่ะ ดีจัง..

ขอบคุณคุณหมอนะคะ

เมื่อลดละการยึดมั่นถือมั่น ก็เหมือนกับทำความเข้าใจในวงจรของการเกิด

ทุกข์ รู้จักธรรม(ชาติ) ของทุกข์

.........................................................

ต้องพยายามลด จริงๆแหละคะ....

ขอบคุณมากคะ 

สวัสดีค่ะคุณ P ดอกแก้ว

ถ้าเรารู้จักปล่อยนะคะ จะลดภาระในใจไปได้หลายๆ อย่างเลยค่ะ

หลวงปู่ชา ท่านเทศน์ให้ฟังประมาณว่า คนชอบไปยึดอะไรเอาไว้มาก

ท่านถามว่าแก้วน้ำนี้ ถือขึ้นมา หนักไหม ... หนัก

กินน้ำแล้วหนักไหม.... ไม่หนักแล้ว...

ท่านถามต่อว่า...

แต่ถ้าไม่วางแก้วลงหนักไหม ..... หนัก

มือที่ถือแก้วอยู่จะว่างไหม...... ก็ไม่ว่างใช่ไหม

แล้วถ้าเราถืออะไรอยู่หลายๆ อย่าง เราจะไปทำอย่างอื่นอีกได้ไหม... ก็ไม่ได้ 

ท่านว่าคนเราถือหรือกำอะไรๆ ไว้หลายอย่าง ตั้งแต่สามี ภรรยา ลูก ทรัพย์สิน การงาน ฯลฯ แบกไว้จนเป็นทุกข์มากๆ เพราะไปยึดไว้ ว่าสิ่งเหล่านี้คือของเรา แต่ไอ้ของเราเหล่านี้มันมีชีวิตจิตใจของมันเอง ควบคุมไม่ได้ คราวนี้ก็ทุกข์แน่ๆ แหละค่ะ ทุกเพราะยึดไว้..นั่นเอง

ได้เขียนตอบคุณดอกแก้วแล้วได้ไอเดียเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวจะเอาที่เราคุยกันไปเขียนบันทึกค่ะ : )  การแลกเปลี่ยนเรียนรู้มันดีอย่างนี้เอง... ขอบคุณนะคะที่เป็นคนจุดประกาย...   ^ ^

สวัสดีค่ะ คุณกมลวัลย์

  • คนไม่มีรากนี่ช่างเป็นผู้ใกล้เกลือกินด่าง เสียนี่กระไรเลยหนอ..
  • คุณกมลวัลย์เขียน เรื่อง มี-ไม่มี ทุกข์-ไม่ทุกข์ .. ก็ไม่ยักจะตามอ่าน ...
  • แน่แท้แล้วค่ะ..เมื่อลดละการยึดมั่นถือมั่น ...ก็ละทุกข์ได้
  • ขอบคุณมากค่ะ

                         .......(^__^).......

 

แวะมาอ่านและลงชื่อไว้ครับ

บางที ภาระหน้าที่ทางโลก ทำให้เราต้องแบกค่ะ แต่จะไม่แบกไว้จนทำให้เป็นทุกข์มากๆ  เพราะไม่ไปยึดติดมากมายค่ะ

มาตามคำแนะนำของ คุณครูวัลภา คนไม่มีราก

ขอบคุณมากครับ

เมื่อเช้าได้อ่านข่าวน้องนิสิตปี 4 จุฬาฯ เสียชีวิตจากการกระโดดตึกที่คณะ เลยนึกถึงบันทึกนี้ค่ะ

ถ้าน้องคนนี้มีสติ รู้ทันตัวเอง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็คงไม่คิดสั้นแบบนี้

แต่อย่างคุณศศินันท์ว่า บางทีสิ่งที่น้องเค้าต้องแบกไว้ อาจจะหนักเกินไปจริงๆ ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณคนไม่มีราก

บันทึกนี้เขียนนานแล้วล่ะค่ะ พอได้สนธนาธรรม (จริงๆ ก็คุยเรื่องทั่วๆ ไป) แต่กลับมาได้ข้อสรุปตามที่เขียนมานี่ พอมันนึกได้ปั้บก็ต้องรีบมาบันทึกไว้ก่อน ไม่งั้นก็หายไปค่ะ หนึ่งปีที่ผ่านไปนี้รู้สึกดีมาก เพราะการตามเจริญสติ พยายามรู้จักธรรม(ชาติ)เนี่ยแหละค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะคุณกวิน

ขอบคุณที่แวะมาแปะแจ้งไว้นะคะว่ามาเยี่ยม ^ ^

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์

ภาระหน้าที่ทางโลกเป็นสิ่งที่เราต้องทำ แล้วก็ต้องทำให้ดีด้วยค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่าคุณพี่ทราบตรงนี้ดีเพราะได้เห็นตัวอย่างการปฏิบัติตนของคุณพี่ นับถือมากๆ ค่ะ ^ ^

ตัวเอง..การงานที่ต้องรับผิดชอบ การดูแลครอบครัวก็มีอยู่.. แต่มุมมองหลังจากปฏิบัติธรรมเปลี่ยนไปค่ะ แต่ก่อนเป็นทุกข์เพราะยึดกับผลของมันมากอยู่.. ตอนนี้พอปล่อยวางแล้วทำมันก็ทำได้เหมือนเดิม แต่ทำอย่างสบาย เพราะจิตไม่กังวล.. พอเราเลิกหวังผล ลดละอัตตา ไม่สนใจคำนินทา ก็สบายไปหลายเลยค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะคุณครูข้างถนน

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ ^ ^ ยินดีต้อนรับค่ะ

  • คุณกมลวัลย์คะ
  • ถ้ายังไม่ง่วงมากนัก ลองมาอ่านเรื่องนี้บ้างนะคะ
  • ที่นี่ ค่ะ

สวัสดีค่ะน้อง Be An Actuary

น่าเห็นใจครอบครัวของน้องคนที่โดดตึกนะคะ น่าเสียดาย..ถ้าน้องเขาผ่านปัญหานี้ไปได้..ก็คงจะละอะไรได้หลายๆ อย่างเลยค่ะ

ทุกข์เป็นสิ่งที่แปลกค่ะ เพราะเวลามันอยู่กับเรา มันมักจะครอบงำเราจนมองไม่เห็นทางเลือกอื่นๆ อีกต่อไป แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นตัวเรานั่นแหละค่ะ ที่ไปยึดทุกข์อันนั้นมาครอบใจเราเอาไว้..ไม่ว่าจะเป็นการกังวล การคิดถึงปัญหาทั้งในอดีตที่แก้ไม่ได้ และอนาคตที่ยังไม่เกิด... น่าเสียดายค่ะ เราก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางนะคะ ว่าเหตุใดจึงคิดสั้น..คงมีเรื่องที่หนักมากๆ น่าเสียดายค่ะ

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ

รับทราบค่ะ คุณคนไม่มีราก เดี๋ยวจะไปเยี่ยมนะคะ ^ ^

มีไม่ต้องเป็นของกู

....ท่านหามามีไว้ ใช้หรือกิน

ตามระบิล อิ่มหนำก็ทำไหว

โดยไม่ต้องมั่นหมายให้อะไรๆ

ถูกยึดไว้ ว่าตัวกู หรือของกู ฯ

....ปล่อยมันเป็นของมัน อย่าผันมาเป็นของกู ฯ

- ท่านพุทธทาส

ขอมาแปะไว้ด้วยค่ะ เห็นว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

มัทตัดกลอนนี้จากปฏิทินมาแปะไว้บนผนังห้องทำงาน เลยหยิบมาลอกได้ง่ายหน่อย : )

ขอบคุณอาจารย์กมลวัลย์มากนะคะ...เอาอีก เอาอีก!

สวัสดีค่ะ้น้องหมอมัท

กลอนท่านพุทธทาส ตรงใจหลายๆ ท่านเสมอเลยนะคะ บทนี้ไม่เคยอ่านเลยค่ะ ได้อ่านแล้วดีจัง การลดละอัตตาเป็นเรื่องที่ประเสริฐมากๆ ปัญหาในโลกนี้ หลายอย่างจะคลี่คลายได้ในเวลาอันรวดเร็วหากคนเรารู้จักลดละอัตตากันบ้าง ทุกวันนี้ที่เถียงกัน ทำสงครามกันทุกวี่ทุกวันก็เพราะยึดว่ามีตัวกูของกูนี่แหละค่ะ

ไว้จะเอาธรรมะครูบาอาจารย์ที่ัตัวเองพบแล้วปิ๊งมาฝากกันต่อค่ะไปค่ะ ^ ^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท