Ka Poomช่วงไหนท่านเดินทางเข้ามาในตัวเมือง จะขอโอกาสนิมนต์ท่านมาฉันเช้าที่ห้องทำงานเสมอค่ะ... ท่านองค์เล็กๆ แต่ปฏิปทาตามสายวัดป่าไม่ธรรมดาเลยค่ะ กำลังจิตของท่านที่บ่มเพาะฝึกฝนเด็กฟื้นฟูฯ ยาเสพติดมามากต่อมาก...ค่ะ
แล้วเช้านี้ท่านก็เมตตามาถึงที่ทำงานประมาณแปดโมง เนื่องจากฝนตก
...
ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าแล็คจะกลับก่อน ปรากฏว่าพระอาจารย์ต้อท่านพามาซ่อมตู้ห้องทำงานให้ และได้โอกาสร่ำลาเจ้าแล็คด้วย
แล็คนิสัยดี ตั้งใจฝึกฝนตนเองอย่างมากเมื่ออยู่วัด
ข้าพเจ้าให้ค่ารถไป ๑๐๐ บาท พร้อมย้ำว่า "หากมีปัญหาอะไรให้มาหาพี่กะปุ๋มหรือพระอาจารย์ "
เสียใจอยู่นิดหนึ่งว่า ... อาหารที่เตรียมมาเช้านี้น้อย แต่เจ้าแล็คกับเจ้าเบียร์ก็แบ่งกันทาน...พระอาจารย์บอกว่าทานรองท้อง แต่ก็ยังดีว่าได้ขนมเสริมไปหลายอย่าง ที่น้องหนุ่ยนำมาสมทบด้วย
ทุกครั้งที่เห็นเด็กๆ ได้กลับบ้านก็รู้สึกดีใจ
และยิ่งดีใจเมื่อทราบว่าหลายๆ คนมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีบางคนที่ก้าวถอยหลังมากกว่าเดิมแต่นั่นก็ไม่เป็นไร หากมีโอกาสช่วยเหลือได้ก็จะช่วยเหลือ เพราะนี่คือหน้าที่ของการเกิดมาเป็นมนุษย์...ที่พึงช่วยเหลือกัน
ต้นกล้าน้อยๆ...แบ่งข้าวกันทาน
สองคนนี้มีอายุเท่ากัน คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันดีมาก
ขนาดแบ่งข้าวให้สองจาน เจ้าแล็คก็ยังอุตส่าห์เทนำมารวมกันไว้ที่จานเดียวแล้วตักทานด้วยกัน
Note เล็กๆ...ที่งดงาม มาแปะไว้
Poonsuk Oaiem เพื่อฝังเมล็ดลงสู่ผืนดิน.. ความห่วงใยก็มารออยู่ข้างหน้า และกลับยินดีเมื่อเห็นชีวิตใหม่เคลื่อนออกมาช้าๆ..แล้วพลันห่วงใยว่า..เจ้าจะรอดหรือไม่..จะเติบโตอย่างไร...ความทุกข์คืบคลานและก้าวไปสู่ความกังวล ให้หวลหาเพียงเพื่อสมหวังในความตั้งใจจะสุขทุกข์อย่างไร ..ขอเพียงตามทัน ขอบคุณค่ะ ต้นกล้าสอนใจเตือนสติ
...
๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔
ไม่มีโต๊ะทำงานเขื่องมากั้นขวาง
แต่มีโต๊ะกินข้าว ไว้แบ่งปัน :-)
จริงๆ แล้วเฟอร์นิเจอร์เป็นเพียงสัญญลักษณ์แต่ใจเราต่างที่เป็นตัวเปิดรับหรือปิดกั้น ...คล้ายเด็กสองคนในภาพที่ใจเขาเปิดให้กันและกันเสมอด้วยมิตรภาพ