๑.
ข้าพเจ้าเขียนบันทึกนี้ในค่ำคืนที่เม็ดฝนกำลังสนทนากับหลังคากระท่อมอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย
หรือแม้แต่ในบางขณะ
เจ้าเม็ดฝนก็เกี่ยวก้อยชวนสายลมกระโจนเข้ามากระซิบกระซาบข้าพเจ้าเป็นระยะๆ
คล้ายกับปรารถนาจะทักทาย หยอกล้อ
หรือแม้แต่โบยตีอย่างละมุนละม่อม
ด้วยโทษฐานของการห่างบ้านไปเสียนาน
๒.
การกลับบ้านในแต่ละครั้ง
ข้าพเจ้าจะรู้สึกเสมอว่า
ไม่ต่างอะไรจากการได้พาตัวเองกลับคืนสู่ “โลกภายใน” ของตัวเอง
และโลกที่ว่านั้น
ก็เป็นโลกแห่งความสงบงาม สวยใส มีชีวิต
และมีพลังอย่างมหัศจรรย์
๓.
การกลับบ้านในแต่ละครั้ง
เป็นการเตือนความจำของชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำถามอันแสนงาม
แต่แฝงแสงสีของความหม่นเหงาว่า...
“ข้าพเจ้ามาจากหนแห่งใด และปรารถนาไปสู่เส้นทางใดของชีวิต”
๔.
การกลับบ้านในแต่ละครั้ง
บ้านไม่เคยเอ่ยถามข้าพเจ้าสักครั้งว่า
“เพราะอะไร หรือทำไมเราถึงต้องกลับบ้าน” ...
บ้านไม่เคยสนใจเลยว่าการกลับมาของข้าพเจ้าในแต่ละครั้งนั้น
ข้าพเจ้า กลับมาพร้อมด้วยรางวัลแห่งชีวิต
หรือพกพาความบอบช้ำมาอย่างเต็มล้น –
บ้านรู้แต่เพียงว่า “ข้าพเจ้า “กลับมาบ้าน”
และบ้านก็จะตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตนเองอย่างซื่อสัตย์
ด้วยการต้อนรับขับสู้อย่างแสนรัก... เยียวยา
หรือแม้แต่เสริมพลังให้ข้าพเจ้ามีความพร้อมในการท่องทะยานไปสู่โลกภายนอก
๕.
การกลับบ้านในแต่ละครั้ง
บ้านสอนให้ข้าพเจ้าเกิดการตระหนักรู้ว่า...
“การได้หวนคิดถึงเรื่องราวในเยาว์วัย ล้วนเป็นกลไกอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยให้ชีวิตของฉันเบิกบานและมีพลังต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันเป็นที่สุด”
เพราะห้วงวัยเช่นนั้น
มักหลากล้นไปด้วยความพิสุทธิ์ใส ไร้ม่านหมอกหม่น
และวันเวลาเช่นนั้นแหละที่จะนำพาให้ข้าพเจ้าเข้าใจต่อห้วงวินาทีที่อยู่ตรงหน้า ..
เข้าใจในวิถีของวันนี้ ..
และเข้าใจในวิถีของวันพรุ่งอย่างเป็นรูปธรรม
๖.
แน่นอน-
ข้าพเจ้าหลงรักบ้านอย่างจับจิตจับใจ
ยิ่งแก่เฒ่า ข้าพเจ้าก็ยิ่งรู้สึกโหยหาบ้านเกิดอย่างไม่หยุดหย่อน
หากแต่การโหยหาที่ว่านั้น
หาใช่โหยหาแล้วหม่นเศร้าจนไร้แรงทะยานบิน
ตรงกันข้าม ทุกครั้งที่หวนคิดถึงบ้าน
ข้าพเจ้ากลับรู้สึกมีพลังอย่างยิ่งใหญ่ -
มันเป็นพลังจากโลกภายในของข้าพเจ้าเอง
...
๑๓ พฤษภาคม ๕๔
๒๑.๕๕ น.
บ้านเกิด,กาฬสินธุ์
สวัสดีค่ะ
ข้อความนี้...
"ข้าพเจ้าหลงรักบ้านอย่างจับจิตจับใจ
ยิ่งแก่เฒ่า ข้าพเจ้าก็ยิ่งรู้สึกโหยหาบ้านเกิดอย่างไม่หยุดหย่อน "
ให้ความรู้สึกอะไรหลายๆอย่างที่ประทับใจ
และรู้สึกรักบ้านเกิดของตัวเองเช่นกันค่ะ
และทำให้นึกว่า...เราจะทำอะไร ตรงไหนเพื่อบ้านเกิดได้บ้าง...
สวัสดีครับ อ.ลำดวน
การโหยหา เป็นเพียงกระบวนการสร้างพลังชีวิต บ่อยครั้งผมเลือกเติมพลังแบบนั้นจริงๆ...
ยิ่งเดินทาง ยิ่งคิดถึงบ้าน ผมไม่ไหนนานไม่ได้แล้ว
ราวกับคนแก่ที่คิดถึงลุูก คิดถึงหลานก็ไม่ปาน
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
ค่ะมาชมแล้วทำให้คิดถึงบ้านสุพรรณเช่นกันค่ะ
ชาดอกอัญชันมาฝากค่ะ
สวัสดีค่ะ
ระลึกถึงเสมอค่ะ สองหนุ่มได้ฝึกทักษะชีวิตดีมากค่ะ
*** กลับบ้านเมื่อวันสงกรานต์ เอารูปมาฝากค่ะ...ทั้งหมดคือลูกหลานไม่มีคนอื่นปนเลย...(ยังไม่ครบนะคะนี่)
*** อาม่าที่นั่งตรงกลาง...อาม่า (อายุ 95 ปี)...รอวันนี้มากๆ...ยิ้มและหัวเราะได้ทั้งวัน แม้บ้านจะดูแคบลงถนัดตา
*** ลูกหลานในครอบครัว คือ พลังอันยิ่งใหญ่ ...ภูมิใจที่บ้านอันเป็นรากเหง้าของตนเอง บ้านเราได้ผลิตทรัพยากรที่มีคุณค่าแก่สังคมหลายคนในภาพมีทั้งอาชีพ ครู แพทย์ พยาบาล ทหาร พนักงานเทศบาล พนักงาน อบจ. ทุกคนแยกย้ายไปทำงาน และจะมาพบกันในบ้านหลังนี้
*** คิดถึงบ้านเช่นกันค่ะ
เป็นแง่งาม...ของชีวิตจริง ๆ นะครับ คุณแผ่นดิน
พาหนุ่มน้อย มาเล่นน้ำกว๊านพะเยา กะ อาเอก เน้อ เจ้า
แต่ยังไงก็ "คิดถึงบ้าน" ไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ
สุดยอดคารมคมหอก
ขอสมัครตัวเป็นศิษย์ด้วยคนนะคะ
เข้ามาแวะเวียนคร้า อยากกลับไปกาฬสินธุ์จังเลย....คิดถึงคนล๊อค 12 อิอิ
อั๋นอิงค์เองคร้า.....