ไม้เขี่ยหมาเน่า เพื่อ ปริญญาหมาเน่า


ปริญญาหมาเน่าในความหมายของคุณ...คืออะไร....ลองนิยามกันดูครับ แต่สำหรับของด่างเป็นแบบดั่งเรื่องเล่าต่อไปนี้ครับ

สวัสดีครับทุกท่านครับ

         สบายดีกันทุกท่านนะครับผม เรื่องเล่าต่อไปนี้ล้วนเป็นเรื่องสมมุติขึ้นทั้งสิ้น โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องของ พี่ชาย Handy  เรื่อง ไม้เขี่ยหมาเน่า .....เขียนขึ้นมาเพื่อไว้เตือนสติของตัวผมเอง....

         ด่างเป็นหมาตัวหนึ่งที่เกิดมาจากท้องพ่อแม่หมาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ด่างได้อยู่กินนมกับแม่จนโตได้ระดับหนึ่ง ด่างก็คิดว่าชีวิตตัวเองก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ต้องศึกษาเรียนรู้ ด่างเลยตัดสินใจแยกตัวจากพ่อแม่แล้วออกเดินทางตามเส้นทางของชีวิตของตัวเอง ค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ เจอประสบการณ์มากมายที่ด่างต้องค้นหาและแก้ปัญหา จนด่างคิดว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการศึกษา วันหนึ่งด่างรู้สึกว่าตัวเองอยากจะศึกษาชีวิตและสิ่งต่างๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะลำคลองที่แบ่งกั้นพื้นที่ออกสองส่วนเป็นสองฟาก ตอนนั้นด่างมีอายุได้ครบเจ็ดปีพอดี ด่างคิดว่าเส้นทางบนพื้นดินด่างได้ศึกษามามากพอสมควร ด่างเลยอยากจะศึกษาข้อมูลในคลองดูบ้าง ด่างเลยตัดสินใจกระโดดลงคลองแห่งหนึ่งเพื่อศึกษาว่าคลองเส้นนี้ ไกลเพียงใด โดยตัวด่างเองอยากจะทราบว่าน้ำลึกแค่ไหน เย็นไหม เจอปลาและสิ่งมีชีวิตในน้ำหรือไม่ โดยพยายามจะไม่ว่ายน้ำหาฝั่ง น้ำเองก็ไหลตลอด แต่ด่างไม่ได้คิดว่ามันจะเหน็บหนาวแค่ไหนกับเส้นทางนี้ แต่ด่างหวังว่าซักวันด่างจะพบกับปากแม่น้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล

          ด่างพยายามว่ายไปผ่านมาช่วงหนึ่ง ก็รู้สึกว่าหนาวมากและเหนื่อยหมดแรงขณะที่อยู่กลางคลองกว้างแห่งนั้น ท้ายที่สุดด่างหนาวมากและหมดแรง ด่างเลยตายกลางลำคลอง แต่ด่างก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายเหมือนกันแต่ไม่ได้เห็นฝั่งปากแม่น้ำว่าเป็นอย่างไร ลำตัวด่างก็ได้ลอยไปพร้อมลำตัวที่โตขึ้นเรื่อยๆ น้ำได้พัดพาลำตัวด่าง ผ่านช่วงของแม่น้ำมาทีละขั้น ทีละขั้น จนครบ 6 ระดับขั้น โดยแต่ละขั้นลำตัวของด่างไปกระทบฝั่ง ก็จะมีผู้ใจบุญ ช่วยเอาไม้เขี่ยหมาเน่า มาช่วยกันเขี่ยให้ออกและไหลไปตามแม่น้ำในลำคลองนี้ เป็นอยู่อย่างนี้ ทั้ง 6 ขั้น

        จนด่างต้องไปเจอคันเขื่อนกันน้ำกักน้ำเอาไว้ ด่างต้องรอโอกาสที่มีช่วงน้ำแรง มากระทบตัวด่าง ด่างถึงได้ยกลำตัวจากแรงน้ำกระชากตัวด่างให้ผ่านไปได้อีกช่วงหนึ่งของหลังความตาย....ตัวด่างก็ลอยไปเรื่อยๆ จนครบ 3 ระดับขั้น ก็จะมีไม้เขี่ยหมาเน่ามาเขี่ยให้ลำตัวด่างไปจนครบทุกขั้นที่มีปัญหาไปติดตามขอนไม้   แต่ด่างก็ต้องเจอคันกันน้ำ อีกแล้ว ครั้งนี้ ต้องรอจังหวะนานหน่อย กว่าตัวด่างจะหลุดผ่านลงไปได้ แต่ด่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ เป็นอย่างไรอยู่เรื่อยๆ ด่างเจออะไรที่มากมายขึ้น เจอสิ่งมีชีวิตมากมายในสายน้ำ ในลำคลอง ยิ่งลอยไปยิ่งเจออะไรที่น่าค้นคว้า เจออะไรอีกมากมาย ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ต้องผ่านช่วงตอนของแม่น้ำ อีกสามตอนเช่นกัน

         จนด่างต้องมาเจอด่านคันกันน้ำอีกรอบ ด่านนี้เป็นด่านกว้างมากครับประมาณว่าต้องรอฝนห่าใหญ่ที่จะตกลงมาให้น้ำท่วมแล้วล้นคันกันคลื่น ฟ้าฝนคะนองตกลงมาพอดีแม้ว่าด่างจะอยู่ในสภาพที่ตัวพองโตมากขึ้นก็ตาม ช่างโชคดีของด่างที่ฝนตกหนักและน้ำในคลองสูงขึ้น พร้อมกับตัวด่างก็เป็นรูเป็นแผลมากขึ้น เพราะได้รับการเขี่ยมาจากผู้ใจบุญแล้วหลายๆ ท่าน

        ช่วงชีวิตใหม่ของด่างได้พัดผ่านมาเจอลำคลองที่กว้างมาแล้ว มีหลายอย่างมากกว่าที่เคยผ่านหูผ่านตามาให้ศึกษา เจอเพื่อนๆ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็อยู่ในสภาพเหมือนด่างเช่นกัน เพียงแต่ละชีวิตที่เคยเจอมาอาจจะมาจากหลายๆ ลำคลองที่มาไหลรวมตัวกัน แม้ว่าด่างเองจะได้เจอจุดรวบตัวของน้ำมาอย่างน้อยก็สองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ได้มาเจอเพื่อนๆ มากขึ้น

        แม้ว่าเส้นทางนี้ของด่างจะต้องใช้เวลานานอีกก็ตามในการไหลไปซึ่งเป้าหมายของด่างก็คือ ปากคลองใหญ่ ปากแม่น้ำนั่นเอง ด่างก็ได้รับการจิ้ม การเขี่ยทุกครั้งที่มีการกระทบฝั่ง ด้วยไม้เขี่ย จนผ่านช่วงคลองมาเป็นเวลา 4 ช่วง ด่างและเพื่อนๆ ก็ได้พบกับปากแม่น้ำใหญ่มา โอ้โห...นี่หรือสิ่งที่เราค้นหา เราเจอแล้ว แม้ว่าสภาพของเรามันจะไม่น่าดู ตัวเต็มไปด้วยรูพรุน กระดูกออกมานอกร่างกาย......

        เส้นทางของด่างผ่านมาได้ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต แต่การศึกษาของด่างก็เกิดขึ้นได้ตลอดทุกช่วงเส้นทาง ท้ายที่สุดแล้วด่างก็ได้รับความสำเร็จที่ได้เจอปากแม่น้ำใหญ่ และด่างก็ได้รับปริญญาในการเรียนรู้ครั้งนี้ สำหรับชีวิตอื่นด่างไม่ทราบ แต่ชีวิตด่างด่างเรียกมันว่า ปริญญาหมาเน่า... จะมีประโยชน์กับชุมชนมากน้อยแค่ไหนสำหรับปริญญาใบนี้ ด่างอาจจะต้องรอคนมารับตัวด่างไปตามที่ควรจะเป็น หรือเพียงแต่รอให้สิ่งมีชีวิตอื่นมาร่วมกันจิกกินจนท้ายที่สุดแล้ว ก็กลายเป็นดินน้ำลมไฟ.............

อาลัยชีวิตด่าง..............ในคลองใหญ่ ปากแม่น้ำแห่งนี้..............จบด้วย ปริญญาหมาเน่า......เคล้ากลิ่นที่ใครไม่พึงประสงค์......

ปริญญาหมาเน่าในความหมายของคุณ...คืออะไร....ลองนิยามกันดูครับ แต่สำหรับของด่างเป็นแบบดั่งเรื่องเล่าที่ผ่านมาครับ

ขอบคุณมากครับ

เม้ง

คำสำคัญ (Tags): #ปริญญาหมาเน่า
หมายเลขบันทึก: 105583เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2007 23:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 14:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)
  • สวัสดีคะ
  • แวะเวียนเข้ามาอ่านเรื่องราว ของเจ้าด่าง กับแง่คิด ปริญญา หมาเน่าที่ด่างได้ ถ่ายทอดผ่านบทความได้อย่างงดงาม
  • ปริญญาหมาเนา ก็คงเป้นปริญญาที่ใคร เขามองว่าไร้ค่า แต่อาจสร้างประโยชน์มากมายกับผู้เรียน และเป็นที่มาของความภูมิใจ ของบุคคลนั้นก็เป็นได้
  • ทุกอย่างอยู่ที่การ "ให้ค่า" ค่ะ
  • ถึงจะลำบากแค่ไหน.....เพื่อการศึกษา...เพื่อการเรียนรู้......เพื่อชีวิตที่ต้องการ.....ด่างยอม....ยอมรับผลกระทบ....ยอมรับสิ่งจะตามมา..จากการเรียนรู้ด้วยตนเอง.........ขอชื่นชมด่างน่ะ
  • "ความสำเร็จ....จากการเรียนรู้ด้วยความอดทน...ทน....เพื่อค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการ......  "

สวัสดีครับ

P
หนุ่มไฟแฮง
  • หมาเน่าคือหมาที่กลายสภาพเป็นสิ่งปฏิกูล
  • ปริญญาหมาเน่า  คือปริญญาปฏิกูล
  • น่าสงสารครับ
  • สะท้อนหลายๆเรื่อง
  • การศึกษา
  • ความรับผิดชอบ
  • สังคมการศึกษา
  • ผู้เกี่ยวข้องการศึกษา
  • โลกของ ด่าง เป็น โลกของการเรียนรู้ ที่ต้องการเรียนรู้
  • ด่าง  สะท้อน ความเศร้า ความอนาถ ความไม่มีความจริงใจของผู้เกี่ยวข้อง
  • โทษใครครับ  ...........!!!!!
  • โลกของ ด่าง คือ โลกของความเป็นจริงในซีกของสังคมการศึกษาแห่งความเลวร้าย
  • ไว้อาลัย...........................ด่าง ??????

 

สวัสดีครับทุกท่าน

         ขอบคุณมากเลยครับ ที่ไม่รังเกียจบทความที่มีคำว่าเน่าครับ และมองในหลายๆ ด้านที่ได้จากเรื่องเล่านี้  การศึกษาคงไม่ใช่แค่ของคนใช่ไหมครับ.....

ขอบคุณมากคับ

ความรู้ไม่ได้อยู่ที่ปลายของเส้นทาง แต่ความรู้อยู่ที่ระหว่างที่ก้าวเดินต่างหาก ดังนั้นสิ่งที่เราน่าจะทำคือ เก็บเกี่ยวทุกสิ่งที่มีคุณค่าในระหว่างการเดินทาง อย่ามองเป้าหมายจนลืมเท้าที่ก้าวเดิน

สวัสดีค่ะ

         แวะเข้ามาทักทายกัน...และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เมื่ออ่านแล้ว  ก็ได้แง่คิดอะไรดีๆ กลับไป...ขอบคุณนะค่ะ...ว่าง ๆ ช่วยแนะนำการทำบล็อคสวยๆ บ้างนะค่ะ สำหรับมือใหม่หัดขับในการทำบล็อค  

P

สวัสดีครับน้องอรุฏา

  • ขอบคุณมากครับที่แวะมาตอบครับ อิๆ พี่มาตอบช้าไปหน่อยนะครับ ขอบคุณมากครับที่มาเยี่ยมนะครับ
  • ดีจังที่น้องมองและได้แนวคิดอะไรออกมาดีๆ ครับ
  • ใช่ครับ สิ่งต่างๆ อยู่ที่การให้ค่าของเรา แต่เมื่อการให้ค่าของหลายๆ คนต่างกัน ก็ทำให้เกิดปัญหาได้ แต่หากการให้ค่านั้นเป็นที่ยอมรับของทุกคน ปัญหาก็จะลดน้อยลงครับ
  • ขอบคุณมากครับ สนุกในการทำงานนะครับ ระนองเป็นเมืองที่สวยนะครับ
ไม่มีรูป
ทอยด์

สวัสดีครับคุณทอยด์

  • ถึงจะลำบากแค่ไหน.....เพื่อการศึกษา...เพื่อการเรียนรู้......เพื่อชีวิตที่ต้องการ.....ด่างยอม....ยอมรับผลกระทบ....ยอมรับสิ่งจะตามมา..จากการเรียนรู้ด้วยตนเอง.........ขอชื่นชมด่างน่ะ
  • "ความสำเร็จ....จากการเรียนรู้ด้วยความอดทน...ทน....เพื่อค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการ......  "
    • ขอบคุณมากๆ เลยครับ สำหรับการแวะมาเยี่ยมครับ พร้อมดึงเกร็ดที่น่าสนใจออกมาอย่างดีเยี่ยมครับ
    • พร้อมทำให้ผมได้แนวคิดไปคิดต่อครับ เกี่ยวกับความสำเร็จ ความอดทน การค้นหา.....
    • ขอบคุณมากนะครับ
    P
    สิทธิรักษ์
    เมื่อ ส. 23 มิ.ย. 2550 @ 14:16

    สวัสดีครับพี่เหลียงที่เคารพ

    • หมาเน่าคือหมาที่กลายสภาพเป็นสิ่งปฏิกูล
    • ปริญญาหมาเน่า  คือปริญญาปฏิกูล
    • น่าสงสารครับ
    • สะท้อนหลายๆเรื่อง
    • การศึกษา
    • ความรับผิดชอบ
    • สังคมการศึกษา
    • ผู้เกี่ยวข้องการศึกษา
    • โลกของ ด่าง เป็น โลกของการเรียนรู้ ที่ต้องการเรียนรู้
    • ด่าง  สะท้อน ความเศร้า ความอนาถ ความไม่มีความจริงใจของผู้เกี่ยวข้อง
    • โทษใครครับ  ...........!!!!!
    • โลกของ ด่าง คือ โลกของความเป็นจริงในซีกของสังคมการศึกษาแห่งความเลวร้าย
    • ไว้อาลัย...........................ด่าง ??????

    ขอบพระคุณมากครับสำหรับความเห็นดีๆ ในอีกซีกหนึ่งของสังคมการศึกษา

    • เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เราเจอปัญหาหนักๆ ตอนนี้ไม่ว่าเรื่อง บัณฑิตตกงาน การแห่กันผลิตบัณฑิตในสาขาบางสาขาที่ฟุ่มเฟือยตามตลาดในยุคหนึ่ง แต่ลืมคิดไปว่า สิ่งที่เรียนกันอยู่นั้น ไม่ได้สำเร็จในคืนวัน เพราะกว่าจะออกดอกออกผลช้า พอออกดอกแล้วแฟชั่นก็วิ่งไปอีกทางหนึ่งแล้ว เราพลาดการวางแผนการสร้างคนที่จะสร้างคนออกมาเพื่อพัฒนาสังคม
    • เรามองการศึกษาของบ้านเป็นเป็นธุรกิจการศึกษา คนที่เรียนถือเป็นการลงทุนในครอบครัว จบไปทำงานก็โกยกำไรเพื่อใช้หนี้ที่กู้เรียน ยืมเงินมาเรียน
    • ผมคิดว่าหากการศึกษาเรา เป็นแบบปล่อยปละละเลยไปเรื่อยๆ เราก็อาจจะได้ปริญญาคนเน่าก็ได้ ผมอยากเห็นรัฐเอาจริงในเรื่องนี้ ในเรื่องการพัฒนาคน
    • ผมเชื่อว่าต่อให้ระบบเศรษฐกิจจะพังก็ตาม หากคนมีปัญญา ในประเทศเยอะ ประเทศก็จะเดินไปได้ ไฟไหม้บ้าน หากเจ้าของบ้านมีความรู้ ผมเชื่อว่าเค้าจะมีปัญญาในการสร้างบ้านให้ดีกว่าหลังเก่าได้อย่างแน่นอน
    • คลังปัญญาในสมองใครขโมยไม่ได้ อย่างมากก็ลอกเลียนแบบ แต่ต้นตอทางแนวคิดเป็นของคนในชุมชน การปรับใช้ความรู้ให้สอดรับกับชุมชน ก็สำคัญ
    • จบ.ปริญญาตรี ออกไปกรีดยาง ผมไม่เห็นว่ามันจะเลวร้ายตรงไหน ดีเสียอีกที่จะได้คิดค้นหาแนวทางเหตุผลในการปรับกระบวนการกรีดให้พัฒนามากขึ้น
    • จบ. ปริญญาตรีไปทำนา มันจะเสียหายตรงไหน ผมคิดว่าดีเสียอีกจะได้ทราบกระบวนการคิด หลักเหตุผลเข้าใจธรรมชาติในการผลิต การบริโภค...... ไม่ใช่ว่าจบ ตรี แล้วเหยียบดินไม่ได้แล้ว กลัวขาจะเป็นตะกุยคราบขี้โคลน... มองเห็นการถนอมครีมหน้าขาวในทีวีแล้วช่างขัดแย้งกับภูมิปัญญาไทยจริงๆ ครับ รากเหง้าของเราอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ครับ
    • ผมชื่นชมหลายๆ คนที่ จบ. ป.ตรี แล้วกลับไปพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง หรือพัฒนาชุมชน แม้จะไม่ใช่บ้านเกิดก็ตาม ลงไปเน้นการพัฒนาอนาคตของชาติตามพื้นที่ไกลปืนเที่ยง
    • แต่ตอนนี้ กทม. เราจะเป็นเมือง อกแตกอยู่แล้ว เพราะรวมทุกอย่างเอาไว้ ใน กทม. น่าจะมีระเบิดทางความคิดลงไปกระทบที่ กทม. ก็คงดีนะครับ จะได้ทำให้ความคิดในการกระจายการศึกษา กระจายหลายๆ อย่างๆ ออกไปต่างจังหวัดบ้าง ความพร้อมที่เกิดขึ้นที่ทำให้คนไม่ต้องวิ่งเข้าหา กทม. การกระจายคนแนวคิด การทำมาหากิน โดยเฉพาะโอกาสในการพัฒนาตัวเองและชุมชน แต่ไม่ใช่เป็นการกระจายเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อมนะครับ หรือกระจายเพื่อสร้างมลพิษ เพิ่มความร้อนโลกให้ทั่วประเทศไทยนะครับ
    • ขอบคุณมากครับ
    P
    จารุวัจน์
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 09:04

    ความรู้ไม่ได้อยู่ที่ปลายของเส้นทาง แต่ความรู้อยู่ที่ระหว่างที่ก้าวเดินต่างหาก ดังนั้นสิ่งที่เราน่าจะทำคือ เก็บเกี่ยวทุกสิ่งที่มีคุณค่าในระหว่างการเดินทาง อย่ามองเป้าหมายจนลืมเท้าที่ก้าวเดิน

    สวัสดีครับเพื่อนรัก

    • ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มและเน้นเส้นทางของการเดิน ประกอบกับการเห็นคุณค่าของการเดินในแต่ละเส้นทาง พร้อมคำเตือนเด็ดๆ ครับ
    • สบายดีนะครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ด้วยความห่วงใยครับ
    P
    - sirintip - -
    เมื่อ อา. 24 มิ.ย. 2550 @ 13:25

    สวัสดีค่ะ

             แวะเข้ามาทักทายกัน...และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เมื่ออ่านแล้ว  ก็ได้แง่คิดอะไรดีๆ กลับไป...ขอบคุณนะค่ะ...ว่าง ๆ ช่วยแนะนำการทำบล็อคสวยๆ บ้างนะค่ะ สำหรับมือใหม่หัดขับในการทำบล็อค  

    สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับนะครับ ขอบคุณมากนะครับ ที่เข้ามาเยี่ยมนะครับ

    สำหรับเรื่องบล็อกลองเข้าไปอ่านที่ บทความนี้นะครับ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/103148 มีเทคนิกเล็กๆ ในการตกแต่งในส่วนต่างๆ นะครับ ขอให้สนุกนะครับ และยินดีต้อนรับในชุมชนแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะครับ

    ขอบคุณมากและสนุกในการทำงานนะครับ

    • ขอเอาเจ้าด่างไปฝังใต้ต้นสะตอหน่อยได้ไหมครับ
    • คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อต้นสะตอนะ....ดร.ด่าง อิอิ

    จาก เจ้าหนังกลับ ณ วัดแห่งหนึ่ง

    P

    สวัสดีครับ ด้วยความยินดีครับ เจ้าหนังกลับ

              จะได้เป็นปริญญาต้นตอ...ออกลูกออกหลานกันต่อไปครับ หย่อนโบ้ง กันต่อไป ให้คนหน๊อะกินครับ

    อิๆๆๆ ว่าแล้วคิดถึงลูกตอเลยชาติ

    ขอบคุณเจ้าหนังกลับมากนะกั๊บ

    สวัสดีค่ะคุณเม้ง

    บันทึกนี้ติดค้างอยู่ในใจนานมากเลยค่ะ... เพราะต้องย้อนกลับไปตะกุยหาเรื่อง " ชาวนาและนายห้าง " ของลาว คำหอม เพื่อมาเล่าสู่กันฟังในบันทึกนี้..

    เรื่องราวเกิดขึ้นที่ชานกรุงเทพฯ ลุงคงกับภรรยาเป็นผู้เช่านา  เมื่ออายุมากเข้าไม่สามารถทำนาได้ก็กลายเป็นคนเฝ้านาให้เจ้าของหรือนายทุนนั่นเอง

    สองตายายเฝ้านามีหมาหลายตัว  ที่น่ารักและฉลาดกว่าเพื่อนชื่อ " เจ้าสำริด " วันหนึ่งนายห้างพาฝรั่งไปเที่ยวยิงนกแถวนั้นเกิดชอบเจ้าสำริดเข้า

    ไปมาหลายครั้งจนสนิทสนม อยู่มาวันหนึ่งเจ้าสำริดป่วย  นายห้างกับฝรั่งก็พามันไปหาหมอในเมือง  จากนั้นก็ยังไม่ส่งกลับ  แต่กลับส่งเข้าโรงเรียนหมา

    ลาว คำหอม ประชดประชันอย่างแสบๆคันๆเชียวล่ะค่ะ เล่าต่อนะคะ.. เมื่อชายชราถาม นายห้างว่า " ส่งหมาของแกไปโรงเรียนเพื่อสอนให้เป็นอะไร "...  " สอนให้เป็นคนฉลาด " นายห้างตอบ " เขาสอนให้มันรู้จักหน้าที่  รู้จักเฝ้าบ้าน ช่วยเจ้าของถือตระกร้า จับขโมย  เป็นอนามัย ไม่ทำสกปรก "

     

    ชายชราพึมพำกับภรรยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า่ การไปโรงเรียนหมา " ทำให้หมาในกรุงทำอะไรได้สารพัด  ราคาค่างวดก็ตกถึงเก้าชั่ง สิบชั่ง แพงกว่าควายโตๆในท้องนาซะอีก "

    แต่การไปอยู่เมืองกรุง การไปโรงเรียนหมาทำให้เจ้าสำริดลืมบ้านเก่า  เมื่อนายห้างเอามันมาส่ง มันไม่ยอมขึ้นจากเรือ    " ลืมรสน้ำข้าวแล้วสิ  ท่าทาง... "  ยายหลุดปากออกมา

    ที่ร้ายไปกว่านั้นเจ้าสำริดไม่เคยกัดไก่ ก็ไล่กัด...ยายทนไม่ไหว คว้าไม้พายหวดลงกลางหลัง " หนอย เขาขุนสองสามมื้อ โอ่จะเป็นนายห้าง เดี๋ยวแม่ซัดด้วยไม้พาย หลังหัก "

    " ตั้งแต่กลับจากกรุง  เจ้าสำริดไม่ยอมกินข้าว  ท่าทางจองหอง เกะกะกับเพื่อน  ไม่ไหวเลย "

    " ก็เ็ห็้นบอกว่าส่งไปฝึกอบรม เข้าโรงร่ำโรงเรียน "

    " นั่นน่ะสิ ไม่รู้ว่ามันเสี้ยมสอนกันยังไง ทำให้ไอ้สำริดของฉันเสียหายหมด "

    " มันจำเจ้าของไม่ได้ "

    และสุดท้ายมันก็แว้งกัดลุงคงที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กจนโต

    เหมือนกับที่เขา " ถูกกัด " จากนายทุนเจ้าของนา ที่ขายที่ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม  ทำให้สองตายายต้องย้ายออกไป  โดยไม่มีใครบอกได้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน....

    เจ้าสำริดในเรื่องนี้ไปโรงเรียนหมา ทำให้เสียหมาลืมกำพืดตัวเอง และลืมแม้แต่บุญคุณข้าวน้ำที่เคยเลี้ยงดูมา  ลาว คำหอม ประชดเรื่อง " การไปโรงเรียน ทำให้คนแปลกแยกจากสังคมเดิม " ได้อย่างเจ็บแสบมากเลยนะคะ

    เอามาฝากเพราะเห็นว่า " ด่าง " ตาย แต่ " สำริด " เสียหมาค่ะ อิ อิ อิ 

    P

    สวัสดีครับคุณเบิร์ด

    • ขอบคุณ คุณเบิร์ดมากๆ เลยครับ เป็นอาหารสมองชั้นดีเลยครับ ได้แก่นสารครบถ้วนครับ อิ่มใจ อิ่มสมองครับ
    • หากมีเจ้าสำริดมากๆ ลงไปเดินในโคลนตมไม่ได้แล้ว ก็ลำบากเหมือนกันนะครับ คงไม่มีที่นาอีกต่อไปครับ คงมีการย้ายดินและหินจากภูเขามาถมที่นา และอื่นๆ อีกมากมายครับ
    • หวังว่าวิญญาณของด่าง คงไม่ไปเกิดเป็น เจ้า สำริดนะครับ
    • ขอบคุณมากๆ นะครับ
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท