บันทึกคำสอนหลวงปู่จากความจำได้


คำสอนหลวงปู่ วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๔

หลังจากไปกราบลาหลวงปู่ครูถามว่า

"หลวงปู่สอนอะไรบ้าง"

ตอบครูได้เพียงว่า "เยอะเลยค่ะ"

เพราะรู้สึกว่า ท่านคุยด้วยนานมาก ทั้งๆที่ปกติ กราบลาแล้วก็กลับเลย 

"แล้วอะไรหล่ะ? ครูถามซ้ำ

"หลวงปู่บอกว่า ให้อดทน ให้มีวิริยะ"

พูดได้เท่านี้ น้ำตาก็เริ่มไหล อาบแก้ม ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ปิดกั้น ก็ปล่อยให้เขาไหลแล้วก็คุยต่อว่า

"ให้มีสติ ให้มีศรัทธา ที่มีอยู่แล้วก็ให้รักษามันไว้ ถ้าศรัทธามันน้อยลง ก็หาวิธีเพิ่มมัน"

พูดเสร็จก็ยกมือขวาปาดน้ำตาที่คาง

"ติ๋วรู้จักพี่มากี่ปีละ"

"สี่ปีค่ะ"

"นานขนาดนั้นเลยเหรอ"

"เจ้าค่ะ ตั้งแต่สองพันห้าร้อยห้าสิบ"

เป็นการประมาณการกับตนเอง เพราะแรก ๆที่รู้จักครูก็ไม่ได้อะไรนัก ดีแต่วิ่งตาม มาภาวนาจริงๆจังๆก็สองพันห้าร้อยห้าสิบสองตอนไปอยู่เมืองนนท์

แล้วครูก็สอนเรื่องการทำครัวว่า ที่ทำอยู่ก็ดี ไม่ใช่ไม่ดี  แต่เคยเห็นตัวอย่างที่ดีกว่านี้ก็ควรทำเป็นแบบอย่าง

ตอนนั้นตอบรับว่า "เจ้าค่ะ"  ข้างในเงียบลงกับเสียงต้าน พยายามน้อมรับกับข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุง

วันนี้จึงมานั่งถามตนเองว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ หลวงปู่สอนอะไรบ้าง

รู้สึกว่าท่านสอนอะไรเยอะมาก ฟังแล้วรู้สึกเบา

ก่อนเข้าไป ส่องหน้าเข้าไปเจอหลวงปู่องค์เดียว อืม

ต้องมีผู้ชายด้วย จึงเดินไปหาน้อง ๆ ต้นกล้า ได้น้องอ้น เดินมาหาแบบยิ้ม ๆแล้วบอกว่า

"เสื้อผมกะดำครับ"แต่ก็เดินมาหา

ยิ้มแล้วตอบว่า "บ่เป็นหยั่๋ง ยืมความเป็นผู้ชายพาเข้าไปกราบหลวงปู่หน่อย"

พอเข้าไปกราบก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ นั่งห่างแทบติดกำแพงค่ะ  กราบสามครั้งแล้วเอ่ยว่า

"มากราบลากลับเจ้าค่ะ"

"จะกลับขอนแก่นเลยรึ?" หลวงปู่ถาม

"เจ้าค่ะ"

"อยู่วัดภาวนาสงบดีไหม?"

"รอบนี้ไม่ค่อยเจ้าค่ะ เห็นมีแต่โทสะฟุ้งกระจายไปหมด"

 ระหว่างที่พูด ครูบาอุปฐากเดินเข้ามาพอดี

"ก่อนหน้านี้มาวัดก็สงบดี เบา แต่พอออกจากวัดก็ค่อนข้างฟุ้งเจ้าค่ะ"

หลวงปู่เอ่ยสวนขึ้นมาว่า "ฟุ้งมากเลยหล่ะ"

"ฮ่า ๆๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะทั้งหลวงปู่ พี่มร และติ๋ว ดังประสานเสียง

"นี่แหละมันมีหลายใจ ให้ฝึกเอาให้มันมีใจเดียว อารมณ์เดียว เข้าใจอยู่บ่ มีหลายใจก็เหมือนจับปลาสองมือ มันกะหลุดทั้งสองมือนั่นแหล่ว"

 

มันกะยืนอยู่ทั้งทางโลก กับทางธรรม มันกะคือจับปลาสองมือคือกัน

หลวงปู่หยุดไปพักหนึ่งแล้วก็หันมองติ๋วแล้วถามว่า

"มีภาระบ่หล่ะ"

แต่เหมือนติ๋วไม่ค่อยได้ยิน พี่มรช่วยบอกว่า

"มีภาระบ่"

พอหลวงปู่เห็นติ๋วขมวดคิ้วท่านจึงหัวเราะอย่างเอ็นดู ติ๋วหัวเราะแล้วก็เอ่ยว่า

"ไม่มีค่ะหลวงปู่ที่ยังหนักอยู่ก็ใจเจ้าของนี่หล่ะ ที่ยังแบกอยู่"

 ตอนนั้นระลึกกับตนเองว่า ท่านคงถามเรื่องครอบครัวค่ะ

"เอ้า เฮ็ดเอา ให้มีความอดทน มีขันติ เฮ็ดอิหยั๋งกะ ให้มีวิริยะ เพียรเอา"

หลวงปู่หยุดไปสักพัก

"ให้มีสติ ศรัทธาที่เคยมีก็ให้รักษาไว้ ถ้ามันลดลงก็ให้เติม" "เฮ็ดงานอยู่ไสเกาะ ศูนย์แพทย์อยู่ขอนแก่นเบาะ ?"

"ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่๖ขอนแก่นเจ้าค่ะ"

ทำงานมาจั๊กปีแล้ว

"เจ็ดปีเจ้าค่ะ"

พี่มรตอบต่อว่า "หนูทำมา ๑๔ ปีแล้วค่ะ"

ติ๋วขยายส่วนของพี่มรว่า "พี่มรทำในส่วนของการวิเคราะห์คุณภาพอาหารเจ้าค่ะ ว่าปลอดภัยไหม มีเชื้อโรคไหมเจ้าค่ะ

"เออ อาหาร น้ำก็เป็นอาหาร คือกันเด๊ะ  ตรวจแล้วมีคุณภาพ กะได๋ อย อย กะอาหารและยา คนเดียวนี่ มันบ่ซื่อ กะเลยต้องมี"

เฮาอยู่ในโลก กะเป็นแบบนี่หล่ะ

มันต้องมีศีลธรรม ธรรมกะให้ ทำเอาเฮ็ดเอา ไผ๋เฮ็ดไผ๋กะได่ บ่เฮ็ดกะบ่ได่ 

พระพุทธเจ้าเพิ่นเพียรมา สี่อสงขัย พุ่นเด๊ะ จังได่มาเป็นพระพุทธเจ้า เพิ่นเฮ็ดแล้ว แล้วกะบ่แม้นเซา กะออกมาสงเคราะห์โลก ออกมาซ่วยเขา  เฮากะเพียรเอา เฮ็ดเอา ทรัพย์ภายในกะพอมีอยู่ดอก แต่กะต้องเฮ็ดเอา  ทรัพย์ภายนอกกะอย่ามัน เฮ็ดงานกะเฮ็ดไปตามไปตามนั่นหล่ะ มันบ่แม้นทรัพย์แท้ ๆ ฝึกเอาเฮ็ดเอา ให้มันได้ อริยทรัพย์เด้อ

หลวงปู่ถามอีกว่า "เป็นเพื่อนกับครูเหรอ"

ติ๋วยิ้มแล้วตอบว่า "ท่านเป็นเพื่อนของอาจารย์หนูเจ้าค่ะ"

"อื้อ นั่นกะสอนศีลห้า อบรมศีลห้าให้เขา เดินทางไปทั่วสารทิศ เดี๋ยวกะบินไปเหนือ เดี๋ยวกะบินไปใต้ ไปสงเคราะห์เขา เก่งเด๊ะ"

หลวงปู่ยิ้มมีความสุขทุกครั้งที่ได้เอ่ยถึงครูและภารกิจที่ครูปฏิบัติรับใช้ พอได้ฟังก็รู้สึกพลอยยินดีไปด้วยเจ้าค่ะ หลวงปู่หยุดไปสักพัก

ติ๋วนึกขึ้นได้จึงกราบเรียนท่านว่า "เดือนหน้าต้องเข้าไปอยู่ที่นนทบุรี สามเดือนเจ้าค่ะ"

"เลื่อนตำแหน่งเบาะ"

"ไปเรียนรู้งานบริหารเจ้าค่ะ"

หลวงปู่โก่งตัวออกมาจากเบาะเเล้วก้มลงมาเอ่ยว่า

"ไปนนทบุรีแล้ว อย่าลืมวัดหนองไคร้เด้อ"

แล้วท่านก็หัวเราะแบบยิ้มๆ 

"ไม่ลืมเจ้าค่ะ ถ้ามีโอกาสก็จะมา" ฮ่า ๆ 

เป็นเเพทย์เป็นหมอ ต้องมีความเมตตา สงเคราะห์เขา  ทำงานก็ทำไปตามโลกนั่นแหละ แต่อย่าลืมธรรม อย่าลืมศีลธรรม เอ้าวันนี้หลวงปู่ไม่มีอะไรจะให้ ให้ธรรมนี่แหละ ทำเอา อะไป

หมายเลขบันทึก: 444891เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 16:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อนุโมทนา...สาธุ สาธุ สาธุ...

บุญใหญ่นะ นี่และคือ ผลของการเสียสละ ของการละความเห็นแก่ตัว

มาช่วยพี่ทำงาน...ในยามคับขัน ในยามที่ไม่มีใคร

หลวงปู่ท่านรู้ ท่านทราบ ท่านเมตตาอย่างประมาณหาที่สุดมิได้

Large_zen_pics_007 

มองเห็นความฟุ้ง มองเห็นโทสะ

ถือว่าเริ่มต้นดีแล้วครับ

คิดว่าอย่างนั้น

พี่เห็นความมุ่งมั่นและตั้งใจของน้องติ๋ว และซาบซึ้งในความเมตตาขององค์หลวงปู่ค่ะ พี่ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท