การค้นหา Best Practice ในครูด้วย KM


มีพลังใจและเชื่อมั่นในกระบวนการที่ตนเองศรัทธา..

จากบันทึก...BAR วิทยากรกระบวนการ KM ค้นหา Best Practice ในครู

       เช้าวันนี้แม้จะได้แนวทางที่จะนำไปค้นหา Best Practice สำหรับครู เขตพื้นที่การศึกษาหนองคาย เขต 1 นั้น กับโจทย์ที่ตัวเองคิดว่าต้องได้เจอตลอดกระบวนการนั้นมีแน่นอน..และอาจเรียกได้ว่าเจอตั้งแต่ด่านแรกเลยกับการที่ไม่บอกเล่ารายละเอียดอะไรให้เราทราบเลยว่า บอกแต่เพียงสั้นๆว่า..."การจัดการความรู้และการเขียน Best Practice"...จากที่ส่งเมล์ไปเพื่อจะถามหรือจะอะไรก็ไม่ทราบในตนเองอย่างแน่ชัดว่า...จะถามท่าน อ.หมอวิจารณ์ หรือเพื่อจะอยากเล่า...แต่ที่แน่ๆ คือ...สับสน จนต้องตั้งสติถามหาศรัทธาในตนเองว่าต้องการอะไร และเดินไปในแนวไหน ในเมื่อ Head  Project ของเราท่านเปิดไฟเขียวเต็มที่สำหรับเวทีนี้...หลังทบทวนด้วยสตินั้นก็ทำให้ตนเองคืนกลับมาสู่ศรัทธาของตนเอง...จึงเมล์กลับไปบอกให้อาจารย์หมอวิจารณ์ทราบอีกครั้งในดึกวันเดียวกัน...ถึงศรัทธาที่เราจะเดินต่อไป...

...
       กระบวนการที่เกิดขึ้นในวันนี้...ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเวทีนี้ซึ่งแตกต่างจากประสบการณ์เดิมของตนเองที่ผ่านมา...เหมือนเป็นโจทย์แบบฝึกหัดที่เราต้องเรียนรู้ และปรับตามสภาพบริบทแต่ไม่ถอยออกจากจุดเดิมของตนเอง...จากการได้สั่งสมการเรียนรู้จากเวที อสม. ติดดาวที่ พัทลุงที่ท่าน อ.วิจารณ์ พยายามสอนเราทางอ้อมผ่านกระบวนการเรียนรู้...สิ่งหนึ่งที่ดิฉันจดจำขึ้นใจเสมอ คือ ...เชื่อในกระบวนการที่เป็นธรรมชาติของ KM และการปรับไปตามสถานการณ์ อย่ายึดติดในรูปแบบ หากไม่ใช่กระบวนการ KM ก็ให้รีบปรับแก้ไข...เพื่อให้เขาเกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากที่สุด...และอีกหลายอย่างที่ดิฉันเรียนรู้ผ่านทั้งเวทีเสมือนและสภาพจริง...ทำให้ตนเองกล้าและพร้อมที่จะเผชิญ...ต่อสภาพการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น

...
       ในภาคเช้า..ทางผู้จัดอยากให้เราบรรยายเกี่ยวกับเนื้อหาว่า KM คืออะไร..ซึ่งมีเวลาให้เราเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง เพราะเวลาที่นอกเหนือจากนี้ท่าน ผอ.เขตท่านกล่าวบรรยายพิเศษ...แค่เพียงโจทย์แรกก็ยากแล้วที่จะให้คนร้อยกว่าคน (ประมาณ 150 คนดิฉันไม่แน่ชัดในตัวเลขอย่างชัดเจนนัก)เข้าใจเรื่อง KM อย่างถ่องแท้...แต่ด้วยเวลาอันจำกัดนี้...ก็จำเป็นที่จะต้องให้เขาทราบที่มาที่ไปว่า KM คืออะไรอย่างง่ายๆ...ให้เห็นภาพ แต่พอถึงช่วงเวลาอภิปรายซักถาม ดิฉันก็โดนท้วงติงว่าสอนน้อยไป น่าจะสอนมากกว่านี้ให้ครูเข้าใจ...ด้วยความบังเอิญอย่างมหัศจรรย์ขณะที่ทางที่ประชุมกำลังซักถามนั้น ดิฉัน Online อยู่และเปิดไปเจอบันทึก...ที่ท่าน อ.หมอวิจารณ์กรุณาตอบและกล่าวถึงประเด็นที่ดิฉันเมล์ไปถามนั้น...

       จากบันทึกของอาจารย์ทำให้ดิฉันรู้สึกมีพลังใจและเชื่อมั่นในกระบวนการที่ตนเองศรัทธา...จึงได้แลกเปลี่ยนต่อที่ประชุมไปว่า "การประชุม KM วันเดียวไม่สามารถที่จะทำให้ท่านเข้าใจ KM ได้อย่างถ่องแท้แต่ที่มานี้เพียงเพื่อมาแนะนำก้าวไปสู่โลกแห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับ KM ในส่วนที่ยังไม่รู้ทุกท่านต้องไปแสวงหาคำตอบแห่งความสงสัยนั้นด้วยตัวท่านเอง ซึ่งตัวเนื้อหาทฤษฎีเกี่ยวกับ KM นั้นมีเขียนไว้มากมายทุกคนสามารถไปแสวงหาได้...แต่การมาครั้งนี้ดิฉันไม่ได้มาเพื่อที่จะมาบอกความรู้...แต่ที่ดิฉันอยากให้เกิดในวันนี้คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อค้นหา Best Practice ของตนเองออกมาให้โดยผ่านกระบวนการ KM" ซึ่งดิฉันก็มีเพียงเวลาอีกครึ่งวันที่เหลือเท่านั้น สำหรับโจทย์ข้อนี้...

...
       จากการตอบของดิฉันไป อาจทำให้หลายท่านพอใจและไม่พอใจได้ เพราะการอบรมส่วนใหญ่ อ.แหม่มเล่าให้ฟังว่าครูจะเน้นเอกสาร และแฟ้มที่จะหอบกลับไปหลังเสร็จสิ้นการประชุม..และจะชอบฟังการบรรยายมากกว่า...แม้กระนั้นดิฉันก็ยังคงยืนกรานตามแนวศัทธาเดิม..เพราะหากเพียงแค่การบรรยายเพียงอย่างเดียวมันจะนำ KM ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างไรเล่า...

       และสิ่งที่ดิฉันรู้สึกช๊อคไปชั่วขณะ...ในตอนที่ทานมื้อกลางวันผู้จัดมาแจ้งความประสงค์ว่าอยากให้เราสอน web ที่ทางกระทรวงกำหนดให้ทำ KM ตามตัวชี้วัดภายใต้กรอบของ กพร. นั้น ซึ่งไม่ใช่ WebBlog หากแต่เป็น Website ที่มี Webbord เพื่อตั้งกระทู้ขึ้น และเมื่อ กพร. และกระทรวงมาประเมินเขาก็จะได้แต้ม...ช๊อคคะช๊อค...ช๊อคความรู้สึกขณะนั้นอย่างแรง...อย่างมึนๆ..ว่าครูต้องการเพียงแค่นี้เองหรือ...สำหรับการที่จะเรียกตนเองว่าทำ KM...ในตอนนั้นดิฉันได้แต่นิ่ง..มองหน้าสบตากันกับ อ.แหม่ม..และเราก็ยังคงยืนกรานตามแนวทางเดิม...อย่างไม่เปลี่ยนศรัทธา...จนก่อนเริ่มเวทีในช่วงบ่าย...เราได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูท่านหนึ่ง จึงได้ทราบว่าที่ทาง กพร.และกระทรวงเปิดอบรมนั้นเขามีตัวชี้วัดกำหนดออกมาเลย หากครูสามารถทำตามตัวชี้วัดนั้นได้นั่นแสดงว่าได้ทำ KM ที่นำไปสู่ LO...ในตอนนั้นดิฉันรู้แต่ว่าตัวเองเดินแบบเซๆ..มึนๆเข้าไปที่ห้องประชุม...เพื่อเตรียมการในช่วงบ่าย...

       กระบวนการในช่วงบ่ายดิฉันให้ผู้เข้าประชุมแบ่งกลุ่มกันตามภาระงานที่ตนเองรับผิดชอบ และให้เล่าเรื่องความภูมิใจในการทำงานที่ตนเองมองว่าเป็นความสำเร็จ โดยในกลุ่มกำหนดให้มีทั้งคุณเอื้อ คุณอำนวย คุณกิจ และคุณลิขิต...โดยอธิบายบทบาทเล่านั้นให้ทุกคนทราบ...จากนั้นให้เวลาแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรื่องเล่าเร้าพลังให้กันฟัง ระหว่างนั้นดิฉันพยายามที่จะเข้าไป capture กระบวนการทุกกลุ่ม...สิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่เกิดขึ้นในกลุ่มครูที่สอนภาษาอังกฤษที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้จัดนี้ มีการ ลปรร.กันอย่างน่าทึ่งมาก แต่ละท่านนำ Best Practice มาเล่าสู่กันฟังได้อย่างน่าสนใจและคนฟังมีท่าทีสนใจ สิ่งหนึ่งที่ดิฉันสังเกตเห็น คือ ความสุขบนใบหน้าของครูขณะที่เล่าเรื่องตนเอง เพราะอะไรหรือคะก็เพราะในตอนนั้นมีคนตั้งใจฟังสิ่งที่ครูเล่า...ความรู้สึกมีคุณค่า ความภูมิใจเกิดขึ้นในคนแน่นอนในตอนนั้น...

        ดิฉันยิ่งเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเชื่อที่ว่า KM มีในตัวบุคคลอย่างธรรมชาติมาก เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น...จากความมึนงงในตอนเที่ยงนั้นพลันหายไป...พยายามบอกตนเองนิ่งๆ..อย่าว้าวุ่นให้เชื่อมั่นในศรัทธาตน...เพราะพรุ่งนี้เรายังมีโจทย์ที่ยังต้องทำต่อ...

 

 

หมายเลขบันทึก: 47141เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2006 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2013 12:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • ชะแว้บแอบปิ๊ง รีบเข้ามาครับผม
  • ขอบันทึกเก็บก่อนนะครับ เพราะสงสัยต้องอ่านยาว (กลัวไม่ได้เป็นคนแรก) อิอิ
ขอบคุณมากเลยค่ะ คุณ Ka-Poom ที่เข้าเยี่ยมชมในบล๊อก และก็ขอชื่นชมในความตั้งใจจริงในการทำงาน ก็อย่างที่หลายๆคนพูดว่าการทำ KM ใจต้องมาก่อนและอย่างอื่นจะตามมา ทำแล้วมีความสุขจริงๆค่ะ เพราะได้รับความรู้เพิ่มขึ้นในวงเรียนรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวันๆ อย่างที่กำลังได้รับจากบันทึกของคุณนี่ไงคะ

คุณปภังกรคะ...

บันทึกนี้ถือว่ายาวที่สุดสำหรับกะปุ๋มก็ว่าได้นะคะ...

แวะมาตอบ..ความอัดอั้นยังไม่หมด...ขอบันทึกเล่าเรื่องต่อก่อนนะคะ...เดี๋ยวมา ลปรร.ใหม่

ขอบคุณคะ

สวัสดีคะ...อ.เฉลิมลักษณ์...

เดี๋ยวกะปุ๋มมาคุยต่อยอดใหม่นะคะ...

แวะมาทักทายและจะขอเล่าต่อเพราะนี่ยังไม่จบเลยคะ...มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความสุขยิ่งขึ้นกว่านี้คะ...กะปุ๋มขอเล่าต่อในบันทึกนะคะ...

เดี๋ยวกลับมาคุยใหม่

ขอบคุณมากนะคะ

*^__^*

  • ยาวสมคำล่ำลือครับ
  • แสดงว่าวันนี้ท่านกะปุ๋ม ต้องอยู่ในร่องแห่งความสุข แบบสุขสุด ๆ แน่ ๆ เลยครับถึงได้กลั่นกรองจนพรั่งพรูออกมาได้ขนาดนี้ครับ
  • แต่วันนี้ต้องขออภัยนะครับ ที่ยังวิเคราะห์รายละเอียดไม่ไหวครับ ใช้พลังภายในในการเขียนบันทึกไปเยอะครับ (กลัวว่าจะอ่านข้ามความสุขบางอย่างไปครับ)
  • ขอพลังความสุขจงสถิตกับท่านกะปุ๋มตลอดไปครับ

สู้ต่อไปครับ KM ออตว่าต้องใช้เวลาพอสมควรที่ทุกคนจะเข้าใจ หลายคนมีกรอบของตนเองมาก ต้องค่อย ๆทะลุทะลวงครับ

คุณปภังกร...

คือสุข...ที่ได้มาจากพลังแห่งการก้าวเดิมตามศรัทธาที่เรายึดมั่น คือ เจตนาที่ดีงามต่อการทำสิ่งต่างๆ ด้วยความจริงใจ...

...

วันนี้แม้กายเหนื่อยและล้า..แต่หากจิตนี้เบิกบานยิ่งนัก...สักพัก...คงได้เขียนเรื่องเล่า...ของวันนี้ให้ฟังเยอะแยะเลยคะ...

ขอบคุณคะ

กะปุ๋ม

คุณออต...

พี่กะปุ๋มเห็นด้วยอย่างยิ่ง...เจตนาที่ดีงามและความตั้งใจจริงต่อศรัทธาที่เราทำ อีกทั้งการคิดเชิงบวก...สักวันอาจทำให้เราได้พบแก่นแท้แห่งความตั้งใจจริงที่เราทำ

...

ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมเยือน...และกำลังใจ

*^__^*

พี่กะปุ๋ม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท