จิตใจ คือเครื่องมือที่ใช้การเปรียบเทียบมิใช่หรือ
เธอรู้ไหมว่าการเปรียบเทียบหมายถึงสิ่งใด
เช่น เมื่อเธอพูดว่า “สิ่งนี้ดีกว่าสิ่งนั้น” หรือเมื่อเธอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ
การเปรียบเทียบย่อมเกิดขึ้นเมื่อเธอพูดว่า
ฉันยังจำได้ว่าแม่น้ำที่ฉันเห็นเมื่อปีก่อน แม่น้ำในต้อนนั้นยังสวยกว่าเม่น้ำที่เห็นอยู่นี้เสียอีก”
บางครั้งเธอก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับนักบุญหรือวีรบุรุษซึ่งเป็นแบบอย่างของอุดมคติขั้นสุดยอด
ข้อตัดสินโดยการเปรียบเทียบทั้งไม่ช่วยให้จิตใจเข้าใจอะไรลึกซึ้งขึ้น
หรือรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้เลย
เมื่อเธอแลเห็นดวงอาทิตย์ตก และทันทีทันใดนั้ก็นำเอาไปเปรียบเทียบกับการตกของดวงอาทิตย์คราวก่อน ๆ หรือเมื่อเธอพูดว่า “ภูเขาลูกนั้นสวยดี แต่ฉันก็เคยเห็นภูเขาที่สวยกว่านี้เมื่อสองปีก่อนล่วงมาแล้ว”
นี่เท่ากับว่าเธอมิได้แลดูความงามที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเธอเลย
ดังนั้น
การเปรียบเทียบจึงทำให้เธอพลาดโอกาสที่จะมองเห็นสิ่งใดได้อย่างเต็มตา
ถ้าหากฉันมองดูเธอ แล้วพูดว่า
“ฉันเคยรู้จักคนที่น่าคบหามากกว่าเธอเสียอีก”
นี่เท่ากับว่า ฉันไม่ได้มองดูเธออย่างแท้จริงใช่หรือไม่
จิตใจขอฉันมีสิ่งอื่นมาครอบงำอยู่
การมองดูดวงอาทิตย์ยามสนธยาอย่างแท้จริง
จะต้องไม่มีการเปรียบเทียบ
การที่จะมองดูเธออย่างแท้จริง ฉันจะต้องไม่นำเธอไปเปรียบเทียบกันคนอื่น
ฉันจะเข้าใจเธอได้ก็ต่อเมื่อฉันได้เฝ้ามองดูเธอย่างสิ้นสุดจิตใจ
โดยไม่สรุปคนด้วยข้อเปรียบเทียบ เมื่อฉันเอาเธอไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ เท่ากับว่าฉันยังมิได้เข้าใจเธอ เป็นเพียงการสรุปและตัดสิน
แล้วก็พูดว่าเธอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ดังนั้น
อวิชชาย่อมเข้าครอบงำเมื่อเกิดมีการเปรียบเทียบขึ้น
ด้วยการนำเธอไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
เท่ากับเป็นการเหยียดหยามต่อศักดิ์ศรีของมนุษย์
แต่ เมื่อฮันมองดูเธอโดยปราศจากการเปรียบเทียบ
ความสัมพันธ์ของเราก็จะก่อให้เกิดความเข้าอกเข้าใจ
และในความสัมพันธ์ทุกชนิด
ซึ่งปราศจากการเปรียบเทียบ
ย่อมเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ย่อมเต็มเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีของมนุษย์
ตราบใดที่ยังมีการเปรียบเทียบอยู่ในจิตใจ
จิตใจย่อมไร้รัก
และจิตใจก็จะคอยแต่เปรียบเทียบ
ชั่งน้ำหนัก สรุป และตัดสินอยู่เสมอ
เมื่อเราคอยหาข้อบกพร่องของคนอื่นอยู่เป็นนิจศีล
แล้วความรักจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
หากพ่อแม่รักลูกของตน
เขาก็ย่อมไม่นำเอาลูก ๆ ของตนมาเปรียบเทียบกันเอง
แต่ถ้าหากเธอนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ดีกว่า สูงกว่า รวยกว่า
มัวพะวงอยู่แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับคนอื่น
หากเป็นดังนั้น ดวงใจของเธอก็จะปราศจากความรัก
และไม่สามารถจะให้ความรักต่อผู้อื่นได้เลย
ดังนั้น จิตใจก็เริ่มจะมีการเปรียบเทียบมากขึ้น
พยายามเป็นเจ้าของเพื่อครอบครองมากขึ้น
พึ่งพิงผู้อื่น
ขาดความเป็นตวของตัวเอง
ทั้งยังสร้างแบบแผนขึ้นเพื่อปิดกั้นนั้น
ด้วยว่าเราไม่สามาถแสวงหาสิ่งใหม่ที่สดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวามาทดแทน
ดังนั้น จึงเท่ากับเป็นการทำลายความรักลง
ปล. ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าผมคัดลอกข้อความนี้มาจากแหล่งใด แต่ผมพิมพ์ไว้เมื่อคราวที่ผมบวชเมื่อหลายเดือนก่อน
ขอบคุณครับ คุณ seangia สำหรับข้อคิดดี ๆ
เรามีตัวกรองเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของเราไม่เหมือนกัน เราอาจจะเข้าใจว่าเป็น "จิต" หากจะเรียกทั้งหมด พุทธศาสนาน่าจะเป็น ขันธ์ ๕ มากกว่า และเมื่อเราได้รับข้อมูลเหมือน ๆ กัน เมื่อผ่านตัวกรองแล้ว เราจะได้ความหมายที่แตกต่างกัน
นั่นเป็นสาเหตุที่ ปัญญาแต่ละคนต่างกัน ความรู้แจ้งที่ต่างกัน
"ไม่ว่าข้อมูลจะเป็นอย่างไร สำคัญอยู่ที่ว่า เราแปลความหมายอย่างไรต่างหาก"