บทความ Errami M, Garner H. A tale of two citations. Nature 2008; 451 : 397 – 399. และบทความที่ตามหลังมาเป็นระลอก ก่อผลสะเทือนต่อวงการวิชาการทั่วโลก เพราะมีหลักฐานจับนักวิชาการที่ขโมยผลงานคนอื่น (plagiarism) หรือตีพิมพ์ผลงานของตัวเองซ้ำ (duplication) เพื่อให้มีจำนวน paper มากๆ ซึ่งเขาถือว่าเป็นเสมือนขโมยผลงานของตัวเอง (self-plagiarism)
เครื่องมือนี้คือ eTBlast http://invention.swmed.edu/etblast/index.shtml
ผลของการตรวจสอบคือความคล้ายคลึงของข้อความ
นำไปสู่ข้อสงสัยให้หาข้อมูลโดยเอา article ที่เข้าใจว่ามีการคัดลอกกัน
หรือซ้ำซ้อนกันมาตรวจสอบ เวลานี้ eTBlast
ยังมีข้อมูลเฉพาะการตีพิมพ์ด้าน Biomedical
เท่านั้น แต่เดาว่าต่อไปคงจะขยายไปสู่
สาขาอื่นๆ
ต่อไปนี้
หน่วยงานที่ทำหน้าที่อนุมัติตำแหน่งผลงานวิชาการ
หรือยกย่องนักวิจัยดีเด่น นักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ฯลฯ
คงต้องมีเจ้าหน้าที่หาข้อมูลตรวจสอบ plagiarism และ duplication
กันเป็นหน้าที่ประจำ
เวลานี้มีการส่งข้อมูลหลักฐานที่แสดงว่าคนบางคนในประเทศไทยมีผลงานตีพิมพ์แบบ
plagiarism หรือ duplicate
ซึ่งคงจะก่อความเจ็บปวดในแวดวงวิชาการไม่ใช่น้อย
ผมในฐานะคนแก่ อยากให้มีการจัดพูดคุยเชิงสร้างสรรค์ในเรื่องนี้
เพื่อประโยชน์ในภาพรวมของบ้านเมืองเรา
ซึ่งอาจจัดในศาสตราจารย์สโมสร ของ สกอ. หรือจัดโดย บวท.
ร่วมกับ สกอ., สกว., สวทช., และ วช.
โดยควรเชิญบรรณาธิการวารสารในประเทศมาร่วมทำความเข้าใจด้วย
จะได้ร่วมมือกันป้องกันชื่อเสียงของวงการวิชาการของประเทศ
วิจารณ์
พานิช
๓ พ.ค. ๕๑
ถ้าได้ลองมาใช้กับ papers ในเมืองไทย ไม่ทราบจะอึ้งกันหรือเปล่านะค่ะ เพราะเห็น thesis ของนักศึกษาแล้วดูมันซ้ำๆ กันอย่างไรชอบกลค่ะ