ฉันจึงมาหาความหมาย ของ วิทยากร เชียงกูล เป็นหนังสือที่หนูนิดรักมากที่สุด เป็นหนังสือเล่มแรก ที่ไม่ใช่หนังสือเรียน ที่หนูเริ่มเอาชีวิตเรียบๆ ของตัวเองเข้าไปผูกพันตัวหนังสือ
ฉันจึงมาหาความหมายจะเป็นหนังสือเล่มที่ประทับใจที่สอง ต่อจาก
http://gotoknow.org/blog/Myself/82273
ฉันจึงมาหาความหมายเล่มนี้พิมพ์ครั้งที่ 9 เมื่อปี 2531 โดยสำนักพิมพ์กำแพง ซึ่งผู้เขียนคือวิทยากร เชียงกูล ซึ่งขณะที่เขียนหนังสือเล่มนี้กำลังเป็นนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์ หนูนิดก็กำลังเป็นเด็กมัธยมต้น...
อาจจะเป็นเพราะที่เป็นหนังสือเล่มแรก อ่านครั้งแรกก็เป็นได้..และกอปรกับตัวของหนูนิดต้องอยู่ห่างพ่อแม่..ไม่ค่อยมีเพื่อน..และหนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุด..ทำให้ซึบซับแนวคิด และอุดมการณ์ อันแรงกล้า ในตัวตนของวิทยากร เชียงกูล อย่างเต็มความรู้สึกของเด็กคนนึง...ที่อยากจะคิดและอยากจะฝัน..อยากจะทำ..
เมื่อได้อ่านหนังสือในแนวสร้างสรรค์สังคม..แนวอุดมการณ์...ก็จะยึดติดและผูกขาด อยู่กับการอ่านหนังสือในแนวนี้มาตลอดทุกครั้ง ..ที่เดินเข้าร้านหนังสือ..จนร้านหนังสือเค้าจำเอกลักษณ์การอ่านประจำตัวได้แล้ว..
แต่..เมื่อกาลเวลาผ่านไป..เริ่มเข้าสู่วัยของการทำงาน การเข้าสังคมการดำเนินชีวิต..วิถีความคิด ที่อยาก...จะคิด..จะฝัน..หรือจะบ้า..ก็ทำไม่ได้เต็มความรู้สึก..ได้แต่เก็บงำความรู้สึกไว้ในใจ
วันเวลา..ของชีวิต สอนให้..เริ่มเรียนรู้ที่จะอ่านหนังสือหลากหลาย..ทั้งเรื่องสั้น..นวนิยาย..บทกวี..หรือแม้แต่ กรุกลอนร้อยรัก..เพราะเริ่มรู้จักเรียนรู้ชีวิตทั้งของผู้อื่น..และของตนเองมากขึ้นนั่นเอง..และเริ่มที่จะมีเพื่อน คู่ใจเป็นความเหงา..และอ้างว้าง
แต่ความคิดฝันและอุดมการณ์ยังอยู่ในใจเสมอมามิลืมเลือน
ท่อนที่หนูนิดประทับใจใน จะอยู่ไยเยี่ยงคนขลาด ในท่อนหนึ่งของหนังสือ"ฉันจึงมาหาความหมาย" และจะทำให้คิดถึงพ่อกับแม่มากและถึงแม้ว่างานเขียนเล่มนี้จะผ่านมาหลายยุคสมัยแล้ว..การดำเนินชีวิตในสังคม..ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามเลยแม้แต่น้อย...
"จำได้ครั้งเป็นเด็กตัวเล็กจ้อย โดนเพื่อนต่อยร้องจ้าวิ่งมาบ้าน
เรียกหาแม่วุ่นไปใส่เล่ห์พาล แต่ป่วยการแม่กลับสอนสั่งย้อนมา
จะอยู่เยี่ยงคนขลาดหวาดเขาหรือ เรามีมือมีเท้าเท่าเขาหน้า
หากเจ้าไม่คิดสู้ผู้บีฑา จะมีค่าใดให้เห็นว่าเป็นคน
ก็เคยเชื่อคำแม่แต่ครั้งนั้น เฝ้ากัดฟันสู้ตายมาหลายหน
หัดเรียนรู้เกมต่าง ๆ อย่างอดทน กระทั่งจนเติบใหญ่ได้แค่นี้
ครั้นมาถึงปัจจุบันจะฟันผ่า กลับพบว่ากล้าอย่างนั้นมันผิดที่
ใครคิดเอาตัวรอดเป็นยอดดี คนต่างหนีความจริงความหยิ่งไป
อยู่อย่างคนตาบอดไม่สอดเห็น หูทำเป็นหนวกสิ้นหายินไม่
ปากไม่กล้าท้วงติงต่อสิ่งใด ทั้งที่ไร้ความชอบธรรมประจำมา
"จะอยู่เยี่ยงคนขลาดหวาดเขาหรือ เรามีมือมีเท้าเท่าเขาหนา
หากเจ้าไม่คิดสู้ผู้บีฑา จะมีค่าใดให้เห็นว่าเป็นคน"
และอีกท่อนที่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้เมื่อตอนกำลังเรียนหนักเป็นท่อนที่อยู่ในร้อยกรอง เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน
"ฉันเยาว์ฉันเขลาฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว"
เป็นหนังสือ ดี 1 ในร้อยเล่มที่คนไทยควรอ่าน..
เดิมทีปกนี้พี่เคยมี แต่ครูในโรงเรียนเดียวกันขอยืมอ่าน, อ่านแล้วก็ไม่คืน เสียดายมาก เลยต้องมาซื้อปกใหม่เก็บไว้แทน
เป็นไงครับ...ชีวิตและความฝันในช่วงนี้ พี่เข้าระบบไม่ได้หลายวัน เลยไม่มีโอกาสได้มาท่องเที่ยวในบันทึกของหนูนิด
....
คุณพ่อเป็นไงครับ...
พี่แผ่นดิน