การปฏิรูปอุดมศึกษาของประเทศมาเลเซีย
โดย รศ.วราภรณ์ บวรศิริ
การปฏิรูปอุดมศึกษาของประเทศมาเลเซียมีพื้นฐานมาจาก VISION 2020 โดยการดําเนินงานที่สําคัญเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ซึ่งได้มีกฎหมายที่สําคัญ ได้แก่
สาระของพระราชบัญญัติดังกล่าว ส่งผลให้มีการปฏิรูปอุดมศึกษาใน หลายเรื่อง สรุปได้ดังนี้
พระราชบัญญัติการศึกษา ค.ศ. 1996 นี้เป็นส่วนสําคัญส่วนหนึ่งของการปฏิรูปรูปการศึกษาที่เกิดจากรัฐบาล เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาให้มีมาตรฐานสูงสำหรับประชาชนของประเทศ อันจะช่วยให้สังคมมาเลเซียอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความรู้ความเชี่ยวชาญและค่านิยมที่จําเป็น เพื่อเผชิญกับการท้าทายในยุคโลกาภิวัตน์ และเพื่อความเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต
รัฐบาลมาเลเซียได้เน้นความสําคัญของภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมเป็นผู้จัดการศึกษาร่วมกับภาครัฐ ในการผลิตกําลังคนวิชาชีพและกึ่งวิชาชีพต่าง ๆ ในระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้นโยบายที่รัฐบาลมาเลเซียได้นํามาใช้เพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง กับด้านการศึกษา ตลอดจนการควบคุมคุณภาพการศึกษาของเอกชน ได้แก่ นโยบายทางการศึกษาที่อิสระและคล่องตัว เพิ่มการเจริญเติบโตทางการศึกษาในทิศทางที่ดี และให้ ความมั่นใจว่าการศึกษาที่จัดโดยภาคเอกชนที่มีคุณภาพ และได้มีการออกพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ค.ศ. 1996 ขึ้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มีการจัดตั้ง จดทะเบียนสถาบันอุดมศึกษาเอกชน บริหารและจัดการ ตลอดจนควบคุมคุณภาพของการศึกษาที่จัดโดยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
จากพระราชบัญญัติคณะกรรมาการรับรองวิทยฐานะแห่งชาติ ค.ศ. 1996 นี้ ก่อให้เกิดการจัดตั้งคณะกรรมการรับรองวิทยฐานแห่งชาติขึ้น โดยเป็นองค์กรควบคุมคุณภาพเพื่อรองรับวิทยฐานะของโปรแกรมและวิชาที่จัดสอน เป็นการสร้างความมั่นใจว่าวิชาที่สอนในสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนนั้นมีคุณภาพอย่างแท้จริง คณะกรรมการรับรองวิทยฐานะแห่งชาตินี้ ยังช่วยให้คําแนะนําและปรึกษาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการด้วยเกี่ยวกับการอนุมัติวิชาที่เรียนโดยคํานึงถึงความเหมาะสมของอุปกรณ์การศึกษาต่าง ๆ และการประกันคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา
ได้มีการปรับ ปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ค.ศ. 1996 ซึ่งใช้มาเป็นเวลาถึง 25 ปีแล้ว เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐมีการบริหารและการจัดการที่คล่องตัวขึ้น สามารถพึ่งตนเองได้เพิ่มขึ้นและมีความสามารถที่จะทําธุรกิจได้
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมีแผนการทํางานที่ชัดเจนขึ้น และไม่มีการปลดอาจารย์และบุคลากรอื่นๆ ของมหาวิทยาลัยออก ถ้าไม่เต็มใจที่จะลาออกเอง มีจุดเน้นเพิ่มขึ้น เน้นประสิทธิภาพ มหาวิทยาลัยจะมีการดําเนินการที่โปร่งใส มีการตรวจสอบได้เพิ่มมากขึ้น (accountability) ทั้งจากภาครัฐและประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยของรัฐของประเทศมาเลเซีย มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบทบาทและอํานาจหน้าที่ทางการบริหาร(governance) เป็นส่วนใหญ่ ด้านเงินเดือนของอาจารย์และบุคลากร มหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีการขึ้นเงินเดือนประมาณร้อยละ 17 นั้นยังทำไม่ได้ เนื่องจากประเทศอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกตํ่า
การเปลี่ยนแปลงทางด้านการบริหารและจัดการ (governance) นั้น ได้แก่ การเปลี่ยนสภามหาวิทยาลัย (council) เป็น Board of Director และลดจํานวนให้มีน้อยลง มีผู้ที่มาจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้น มีอิสระมากขึ้น มีการร่วมมือกับชุมชนและภาคเอกชนมากขึ้น และยังทําหน้าที่ทางด้านนโยบายของมหาวิทยาลัยและทางด้านการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการลดจํานวนสภาวิชาการลงเช่นกัน
การประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ ส่งผลให้มีการจัดตั้งกองทุนอุดมศึกษาเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านเงินยืมทางการศึกษา เพื่อนักศึกษาได้มีโอกาสศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศมาเลเซีย เงินยืมนี้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การศึกษาและค่ากินอยู่ระหว่างศึกษา พระราชบัญญัตินี้ ยังก่อให้เกิดโครงการเงินออมเพื่อกระตุ้นให้เด็กเริ่มการออมเงินตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงระดับอุดมศึกษา ด้วยการก่อตั้งกองทุนนี้ นักศึกษาที่มีความสามารถเรียนได้ จะมีที่ศึกษาในระดับอุดมศึกษาโดยไม่มีปัญหาทางด้านการเงิน
กล่าวได้ว่า สถาบันอุดมศึกษาของประเทศมาเลเซีย มีความคล่องตัว และ มีความเป็นอิสระเพิ่มมากขึ้นจากการปฏิรูปการอุดมศึกษาของประเทศ ในปี ค.ศ. 1996 ซึ่งมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติต่าง ๆ จำนวนมากดังกล่าว เพื่อเอื้อต่อการเป็นมหาวิทยาลัยอิสระ แต่ยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล มีการปรับเปลี่ยนภายในของสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐ สามารถก่อตั้งบริษัททําธุรกิจเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เคลื่อนที่ได้และเคลื่อนที่ไม่ได้ มีความคล่องตัวในการแสวงหารายได้ เพิ่มบทบาทของการเป็นที่ปรึกษาและข้อค้นพบทางการวิจัยที่เป็นการพาณิชย์มากขึ้น ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการระดับมหาวิทยาลัยให้มีจํานวนลดลงมีผู้มาจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นมีการร่วมมือกับชุมชนและภาคเอกชนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผลจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอก ชน ค.ศ. 1996 ทําให้มีการขยายตัวของการจัดการตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนอย่างรวดเร็ว โดยในปี ค.ศ. 1997 มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรก คือ Universiti Telekom และในระยะเวลาเพียงสองปีมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเอกชนจํานวน 7 แห่ง มีวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยต่างประเทศ 1 แห่ง และมีวิทยาลัยเอกชนเกิดขึ้นประมาณ 450 แห่ง โปรแกรมที่เปิดสอนมีความหลากหลายและเน้นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่าง ประเทศเช่น Twinning Degree Programme, Credit Transfer Degree Programme, Advanced Standing Programme (Validation), External Programme, Distance Learning Programme และ Franchised Programme ส่งผลให้มีการขยายการรับนักศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศมาเลเซีย เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีมาตรฐานทั้งนี้เพราะมี คณะกรรมการรับรองวิทยฐานะแห่งชาติเป็นองค์กรควบคุมดูแลคุณภาพ เพื่อรับรองวิทยฐานะของโปรแกรมและวิชาที่จัดสอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนให้มีคุณภาพอย่างแท้จริง และนอกจากรับนักศึกษาชาวมาเลเซียแล้ว ยังรับนักศึกษาจากต่างประเทศได้เป็นจํานวนมาก จัดเป็น education industry ที่ทํารายได้ให้ประเทศมาเลเซีย โดยได้มีการระบุไว้อย่างเป็นทางการในวัตถุประสงค์ของ Private Education Department ที่ขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการว่าการศึกษาถือเป็นแหล่งรายได้ของการส่ง ออก (to make education as a source of export)
มีข้อสังเกตคือภายหลังการปฏิรูประบบอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยในมาเลเซีย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐจะมีการแข่งขันในด้านการรับนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น เพื่อได้รับเงินจากค่าลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น ทดแทนรายได้ที่ได้จากรัฐบาลในสัดส่วนที่ลดลง นอกจากนี้ จะมีการบริหารและดําเนินการทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ร่วมมือกับภาคเอกชนและบุคคลภายนอกเพิ่มขึ้น และมีการจัดการเชิงธุรกิจหารายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีการเน้นทางด้านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทันสมัย เช่น การจัดตั้งสถาบันทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เป็นต้นไม่มีความเห็น