อนุทินล่าสุด


น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

คืนนี้ใจฉันว้าวุ่น(จริงๆ) ได้อย่างต้องเสียอย่าง หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ14.40น. ข้าวยังไม่ทันเรียงเม็ด ต้องรีบบึ่งไปรพ.น้ำพองเพื่อขอรับยาพ่นละลายเสมหะสำหรับท่านพระครูสุพล เจอพี่นางฟ้าทักทายปราศัยถามไถ่อาการพระอาพาธ ยื่นใบได้ยา 

นำsd cardกล้องถ่ายรูปไปให้ร้านคอมนำภาพลงไว้ในแฟลตไดรว์ เพื่อนำมาเก็บไว้ในเครื่องอีกทีนึง กลับมาถึงบ้านยังไม่มีเวลาได้เช็คดู ภาระกิจประจำวันรออยู่ กะไว้ทานข้าวเย็น21.00น.เสร็จค่อยมานั่งชมภาพแบบชิวๆ แต่อารมณ์ชิวๆที่วาดไว้เปลี่ยนใจให้วิ่งวุ่นขุ่นข้องขึ้นมาทันใด ภาพที่บันทึกไว้ในsdกว่า40ภาพหายเกลี้ยง(ภาพระบบรากต้นกล้าผักหวานป่าและภาพวิธีปลูกผักหวานป่าโดยต้นกล้าที่บันทึกสดๆร้อนๆภาพของรากคงถ่ายใหม่ไม่ได้อีกเพราะปลูกลงหลุมถมดินรดปุ๋ยเรียบร้อยโรงเรียนอุฑยานผักหวานป่า ค่ำคืนนี้ก่อนจะนอนได้แต่ภาวนาลึกๆในใจให้พี่ที่ร้านคอมได้เซฟข้อมูลภาพไว้ที่เครื่องของร้านด้วยเถิด อีกด้านหนึ่งของจิตก็ได้แต่เผื่อใจไว้เจ็บหากไม่เป็นไปแบบที่คิด คงจะได้ภาพที่ดียิ่งกว่าภาพที่ถูกลบไป(กล่อมใจตัวเองให้หลับ   กับค่ำคืนนี้ที่แสนยาวนาน)



ความเห็น (2)

โอววว คงเรียบร้อยโรงเรียนรากผักหวานไปแล้วหละ

เพาะใหม่ เก็บภาพใหม่ อาจได้รากผักหวานเจ๋งกว่าเดิม...ก็ได้นะ

ลุ้นๆ อ้าว...เอ๊ะ...แฟล็ตไดรฟ์ ที่ไปถ่ายข้อมูล ไม่ได้เก็บทุกไฟล์นิ

สาธุ ขอให้ยังอยู่เน้อ 

และ...ถ้าเสีย...ก็ขอให้รักษาใจได้ดีเนาะ สาธุอีกที ^___^

สวัสดีค่ะพี่แสนฝน(ใกล้กันเข้ามาอีก จากคุณมาเป็นพี่ หากจะเอ่ยเรียกคงไม่ว่ากันนะจ๊ะ) เรียบร้อยโรงเรียนผักหวานซะแล้ว

ไวรัสกินเรียบ (ว่าจะจะไปแจ้งตำรวจแต่ผู้หมวดคงไปตั้งด่านตรวจน้ำ (คงจะไม่ว่าง) แต่คราวนี้ก็ได้ตำราเรียนตรงที่ว่า การหวังน้ำบ่อหน้า ไปหน้าแต่ไม่ดูหลัง(ละเอียดแต่ยังไม่รอบคอบ ของตัวเอง) ก็เลยเซ็งตัวเองแทน....ทั้งปี!

แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่แสนฝน ต้นกล้ายังเหลืออยู่หลายร้อย (ปีนี้หมดแค่นี้ไม่ขายแล้วปลูกเองกับถวายวัด) หากไม่มีเจ้าประจำ คอเดียวกันมาขอแบ่ง(คอสีเขียว หัวใจต้นไม้)

เพราะมัวคิดถึงตอนที่ถ่ายรูปของราก มันช่างงาม สมบูรณ์ก็เลยผูกจิตคิดว่าคงหาไม่ได้อีกแล้ว แต่เมื่อมาค้นหาเหตุผลเพื่อดับจิตใจที่จดจ่อว้าวุ่นให้ได้แล้ว (หนึ่งเดียวในโลกไม่มี ) ก็หลับได้ทั้งตัวและหัวใจ ปล่อยวาง(ยอมรับความจริง) ขอบคุณค่ะ

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

6:30 น.วันนี้อุณหภูมิที่สวน 21องศา พ่นยาละลายเสมหะถวายท่านพระครู1หลอด ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านสภาพอากาศ เวลา12:12 น.เพิ่มเป็น32องศา ตกเย็นดิ่งลงมาเกือบเท่าเดิมเช่นตอนเช้า คนธรรมดายังลำบาก เกือบได้กระชากใจอีกครั้งใหญ่ กับอาการที่เกือบน็อคของท่านพระครูสุพล โชคดีที่พ่นยาได้ทันไม่งั้นคงต้องถึงเหล่าเทวดา-นางฟ้ารพ.น้ำพองแบบฉุกเฉิน แต่เหตุการวันนี้ทำให้ย้อนนึกถึงช่วงฟื้นฟูวันที่ย้ายออกจากเหล่านางฟ้า(ใจดี)ที่วชิรพยาบาล พระนอนกับพระนั่งยืนไม่ได้พูดไม่ออกซักคำ รอบคอดำคล้ำตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าลอก ราวดักแด้(ออกจากคีโม-ฉายรังสี ร่างกายทรุดจิตใจทดท้อท่านบอกตัวเองว่าไม่รอด-บวชตั้งแต่อายุ15)อาจเป็นเพราะบุญเคยเกื้อหนุนกัน ได้มาอยู่สวนให้คนปลูกต้นไม้อุปัฎฐากรักษา ครบ1ปี 15วัน เดินจงกรมทุกวัน เข้าห้องน้ำ-เช็ดตัวได้เอง พูดจาอารมณ์จิตแจ่มใส ถวายอาหารนั่งฉัน(ไม่ต้องชิมแต่อิ่ม สายตรง) ดั่งเทพไทยบอกไว้ในนิมิตต้องอดทนต้องฟันฝ่า(ศึกหนัก)ถวายการดูแลรักษา..หนักๆอีกวันพึ่งข้ามพ้นผ่าน/ทั้งวันปลูกต้นไม้(ผักหวาน) ตาอยากจะหลับ แต่ใจกลับสว่างจ้า..



ความเห็น (1)

สาธุ อนุโมทนาบุญ

กับกุศลกรรมที่กำลังบำเพ็ญนะคะ

เป็นกำลังใจให้กันคะ ^___^

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

1,11,2011 (พระจันทร์ยิ้มแต่คนยิ้มไม่ออก)ในยามยากได้เข้าใจ ได้รู้ใจให้อภัย ร่วมแรงร่วมใจ ทั่วทั้งไทยช่วยเหลือเจือจุนเป็นหนึ่งเดียวคือไทย ขอส่งกำลังใจช่วยเติมใจคนชาวไทยด้วยกัน.   หนึ่งใจเดียวกันเพื่อแผ่นดินไทยในวันนี้ กี่ปีๆสิ่งดีๆเหล่านี้ขอให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป ขอให้ประเพณีสิ่งดีงามที่คนรุ่นเก่าฝากเอาไว้ ขอคนรุ่นใหม่-รุ่นแก่(ใกล้จะแก่) หันกลับมาตระหนักคุณค่า.แผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์พูนสุข เพราะเหตุใดคนไทยจึงมองข้าม มุ่งไปข้างหน้าแต่ทิ้งข้างหลังหากไม่มีของเก่า ของใหม่คงไม่เกิดได้ในวันนี้.

     ข้าพเจ้าขอน้อมนำบททำ(ธรรม)คำสอนของพ่อ...เศรษกิจพอเพียง เป็นเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็มที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั่นเอง สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็ม และลืมเสาเข็มซะด้วยซ้ำไป..."พระบรมราโชวาทจากวารสารชัยพัฒนา"

หลังพ้นภัยขอคนไทยเทิดทูนไว้นำไปสร้างสุขให้ยั่งยืน...เพื่อผืนแผ่นดินของเราชาวไทย.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

วันนี้อากาศที่หนาวเย็นกับการเข้าสู่ฤดูหนาว บรรยากาศภายในสวนต้นไม้ทั่วๆไปเริ่มปรับสภาพการเตรียมตัวนอนหลับ(ใบร่วงหล่น)แต่สำหรับผักหวานป่าคือเวลาที่รอคอยมาทั้งปีที่จะได้เห็นยอดแรกดอกแรกและใบสีเขียวมันวาววับท่ามกลางต้นไม้ทั่วไปที่ผลัดใบ อีกด้านหนึ่งในแผ่นดินเดียวกันน้ำในเมืองกรุงยังเต็มแทบทุกพื้นที่ แต่ที่นี่ดินเริ่มแห้งอีกไม่นานงานประจำฤดูแล้งกับการจับสายยางรดน้ำต้นไม้และผักหวานป่าคงเริ่มขึ้น สำรวจตรวจตราสวนหลังน้ำลดงานที่ต้องทำตามมาเพียบ สิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้ทันกาลเวลาคือการปลูกต้นกล้าผักหวานป่า1,300ต้น เพื่อเป้าหมายที่วางไว้ต้องไปให้ถึง แต่มันก็หนักหนาเอาการกับงานหลักและงานเสริมสำหรับคนเพียง2คน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อชีวิตลิขิตเองมีสิทธิได้แค่ท้อ-หยุดพัก แต่หมดสิทธิที่จะถอย   ปัญหาที่ว่าหนักหนาใจเริ่มอ่อนล้า แต่ก็มีความจริงอีกด้านหนึ่งให้เห็นว่าเรายังโชคดีกว่าคนอีกหมื่นแสน (พลิกใจให้ฮึกเฮิมสู้กับอุปสรรคภายในใจตัวเอง.....นี่เอง)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

21ต.ค.54 อีกหนึ่งขั้นที่พ้นผ่านกับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์(พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น 16ต.ค.2550)เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่5ปีแต่ถ้านับจากเหตุเกิดมาแล้วกว่า20ปีก็ไม่รู้เท่าไหร่จึงเปรียบได้กับคำว่าช้าหรือเร็ว แม้จะเป็นฝ่ายชนะอีกชั้นแต่สำหรับชีวิตและจิตใจที่ใช้กับการขับเคี่ยวจดจ่ออยู่กับการวิ่งสู้ฟัดกันเช่นนี้(แลกกับไหปลาร้าร้าว) หากเลือกได้ให้เอาจิตใจวางไว้กับการปลูกต้นไม้แม้ปลูกแล้วตายๆๆๆมันยังคุ้มค่ากว่ากัน.(คำว่าแพ้หรือชนะก็เป็นสิ่งที่มนุษย์เราสมติขึ้นแต่กลับยึดติดมันเอง-เดือดร้อนกันเอง เวลาชีวิต(จิต)หมดไปเปล่าๆไม่ได้(แก่นสาร)อะไรเลยได้แต่เปลือกกะพี้) ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือว่าฟ้าลิขิตแต่ที่ฉันรู้คือสิ่งเหล่านี้คือโจทก์ชีวิตที่ลิขิตให้ได้พบกับคุณโอภาส(สามี)ที่ต้องเป็นคนทำคำตอบเพื่อตอบแทนบุญคุณกับคำว่าพ่อแม่ สำหรับคนที่เป็นลูกแต่โจทก์ชีวิตที่มาพร้อมๆกันกับการหาตำรา(ธรรมชาติ)สูตรปลูกผักหวานป่าช่างโหดจริงๆเดิมด้วยพันชีวิตกับการพิสูจน์สัจธรรมด้วยการทำ"ความจริงคือสิ่งไม่ตาย ความลับไม่มีในโลก"(ยังมีอีก2เรื่อง2รสชาติกำลังตามมาติดๆ) สิ้นสุดกันทีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนฯ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

     เช้านี้อาการอาพาธของท่านพระครูสุพล ระบบการหายใจดีขึ้นแต่ยังไม่ขับถ่ายตั้งแต่เมื่อวาน(ปกติระบบขับถ่ายท่านดีมากวันละครั้งตอนเช้า สำหรับอาหารเหลวทางสายยาง) หลังจากพิเคราะห์ดูอาการแล้ว หมอน้อยกับหมอใหญ่(ดิฉันและคุณโอภาส-หมอจำเป็น)ได้ถวายไฟล์เบอร์+น้ำผลไม้ตามด้วยาคลายกรดกระเพาะ และพ่นยา-ละลายเสมหะ  1หลอด(สูตรธรรมชาติบำบัดจากหมอจำเป็น กับหน้าที่ดูแลอุปัฎฐากให้ดี เท่าที่จะทำได้ ให้รพ.เป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะไม่ได้มีแค่เรา)อาหารเช้าเลื่อนมาตอนสายๆ.     10โมงเช้าไปดูอีกรอบ ไม่เหลือ!ขับถ่ายเรียบร้อย หมอน้อยทำการจัดเก็บตรวจสภาพ อสุภะ ลำไส้กระเพาะเริ่มทำงานปกติ (ของเก่าออกของใหม่ต้องเข้าไปแทน) เคยผ่านจุดที่หนักกว่านี้มาแล้วทำให้เข้าใจแนวทางการปฎิบัต ได้เห็นสภาพจิตที่แจ่มใสอารมณ์ดี มีรอยยิ้มให้เห็นแค่นี้ก็มากมายสำหรับอานิสงส์ที่ตอบแทนคืนมาสำหรับคนดูแลเพราะ "พระสงฆ์คือเนื้อนาบุญของโลก"



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

หลากหลายรสชาติชีวิต ในหนึ่งวันกับสถานที่แห่งนี้ เช้านี้กับอากาศที่เข้าสู่ฤดูหนาวสายลมโยกปลายไผ่สะบัดไหว(มาพร้อมกับไข้หัวลม) ทานดอกแคกันไว้เยอะๆจะได้ผ่านลมพิษช่วงต่อฤดูกาล(ปลายฝนต้นหนาว)อีกหนึ่งภูมิปัญาง่ายๆแต่ได้ผล.จะไปปลูกผักหวานป่า(150ต้น) แต่อาการอาพาธวันนี้ผิดปกติหายใจแรงเสียงดังพร้อมกับถามหาที่สำหรับนั่งขับถ่าย(เก็บเข้าตู้หลายเดือนแล้ว)คนดูแลรู้สึกกังวลใจนิดๆเพราะอาการเช่นนี้กับสภาพอากาศลม-ครึ้ม-อบอ้าว ถือเป็นปัญหาอย่างมากกับสังขารท่าน(ปอด-เสลดที่ปิดช่องลมหายใจ) ถ้าเป็นเช่นที่ผ่านๆมาคงได้เรียก1669เข้ามารับ แต่คราวนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านๆมาเพราะวันนี้ ความหวังและกำลังใจท่านมีเต็มร้อย

ปลูกต้นไม้กว่าจะเสร็จ(ข้าวเช้า14.30ตามเคย เหนื่อยมากกก!) บ่าย อากาศอบอ้าวอาการหายใจไม่ออกกำเริบจึงได้ทำการพ่นยาละลายเสมหะตามด้วยออกซิเจน(มีเครื่องที่บ้าน-เรียนรู้วิธีจากพี่ๆพยาบาลนางฟ้าใจดีช่วยสอน) ผ่านคืนนี้ไปรู้ผลจะถึงรพ.หรือไม่ ตกเย็นได้รับสำเนาคัดคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์!



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

ค่ำคืนฤดูหนาว เสียงจิ้งหรีดเรไรและเสียงนกฮูกปลุกก้องเสียงนกเป็ดบินผ่านม่านฟ้าเป็นเสียงที่อยู่ภายใน อุฑยานผักหวานป่า'๔๔ ที่ฉันชอบฟังและเรียกมันว่าเสียงธรรมชาติแห่งความสุข-สงบ./ปรับแผน-วิถีชีวิตใหม่หลังน้ำลด ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรแต่ทุกภาคส่วนล้วนได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันหมดทั้งแผ่นดินไทย พื้นที่ๆน้ำเคยท่วมต้องรองรับให้ธรรมชาติ(น้ำ)มีที่อยู่เมื่อวันนี้เคยเกิดอนาคตก็ต้องมีอีกเพียงแต่เราไม่รู้ว่าอีกซักกี่ปี.นี่คือเสียงของธรรมชาติที่มาเตือนสติมนุษย์เรา. แลกกับคำว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการ(แล้วเท่าไหร่ที่ใช้กับคำว่าเพียงพอ-พอเพียงของมนุษย์เรา)ปลาในน้ำใช้ไฟช็อต ยาเบื่อตายทั้งเบือ น้ำเหนือดินทรุดป่าสุดดอยไม่มีอุ้มดินอุ้มน้ำ โรงงานยักษ์ยังอายไม่มีหลับไหลกินตลอด24ชม.คายของเสียลงดิน-น้ำ-อากาศ ด้วยเหตุนี้น้ำจึงมาช่วยล้างใจคนไทยที่มุ่งไปit จนลืมว่าเราคือแผ่นดินเกษตรกรรม(ดิน น้ำ ลม ไฟ)ฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน โชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดบนแผ่นดินไทย ที่บรรพบุรุษหลั่งเลือดรักษาเอาไว้ให้เราได้มีที่ยืน.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

   ขึ้น 1ค่ำ(เดือน12น้ำยังนองเต็มเมืองกรุง) เป็นบันทึกประวัติศาสต์อีกช่วงชีวิตที่ได้สัมผัสชีวิตในหลากหลายมุมมิติ สิ่งที่หลายคนได้ประสบโดยตรงอยู่ในขณะนี้ที่มีหลากหลายอารมณ์ที่แตกต่างกันไปตามใจที่หวัง(ยึด)มากน้อย ซึ่งมันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาตราบใดที่เรายังเป็นแค่คนธรรมดา ที่มีอารมณ์ โลภ โกรธ หลง แต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปก็สำคัญยิ่งก็คือการปรับสภาพของใจตัวเอง ที่พุ่งแรงเกินไปในความกังวลกับความสูญเสียและอนาคต ให้อยู่กับความเป็นจริงและยอมรับมันให้ได้ ขอให้มองออกไปนอกกายมองความทุกข์ที่หลากหลาย แล้วจะมองเห็นที่เราบอกตัวเองว่ามีความทุกข์หนักหนาสาหัสนั้นยังมีคนที่ทนทุกข์กว่าที่เราเป็นอยู่อีกมากมายหลายล้านเท่า เขายังทนได้แล้วเราทำไมจะทนไม่ได้(การสร้างพลังใจให้กับตัวเอง) อย่าโทษใคร อย่าโทษธรรมชาติ เพราะสิ่งเหล่านี้มันคือ วัฎจักรที่ต้องหมุนไปไม่มีใครสามารถหยุดได้ เปรียบเหมือนเข็มนาฬิกาที่ไม่มีวันเดินกลับถอยหลัง นอกจากหยุดเดิน(ตาย)

.จงใช้สติทุกเมื่อ.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

    กลับบ้านเรารักรออยู่..! ดูภาพข่าว น้ำในเมืองหลวงวันไหนก็ชวนให้รู้สึกสะท้อนใจยิ่งนักกับสิ่งที่เป็นไปและเป็นอยู่ คำถามที่ดังขึ้นในใจบ่อยๆสิ่งที่มนุษย์เราทำอยู่เพื่อใครเพื่ออะไรกันแน่...แต่ในโอกาสดีๆจากวิกฤติการณ์จากน้ำท่วมใหญ่คราวนี้ ที่ทำให้คนมากมายได้เดินทางกลับบ้านเกิด.ได้พบกับลูกๆรวมถึงพ่อและแม่ได้อยู่กันพร้อมครอบครัว ซึ่งดิฉันเชื่อว่าคงมีอีกหลายๆคนเช่นกันที่จะได้ค้นพบความสุข(ที่แท้จริงของชีวิต)ในยามทุกข์ยากเช่นนี้. ได้เห็นคุณค่าของดิน(ของแพง) ไม่ใช่เฉพาะในยามน้ำท่วมเพราะคนเราต้องกินทุกวัน.ปลูกพริก ข่า ตะไคร้ พริก มะเขือฯลฯจำหน่ายยังรายได้ดีกว่าทำงานในเมืองกรุง.    แต่สิ่งที่คุ้มค่าและมีค่ากว่าสิ่งใดๆ คือการได้ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯค่ะ



ความเห็น (1)

ข้าผู้น้อย! ( มิกล้าสอน "สังฆราช" ) แต่อยากขอจะกราบขอบพระคุณอย่างยิ่ง สำหรับทุกๆท่านที่สละเวลาอันมีค่าอ่าน

( อนุทิน-ไดอารีชีวิต ) ความรู้สึกจากหัวใจของเด็กบ้านนอกคอกนาอยู่แต่ในป่าคนนึง ( ไม่ได้อยู่หลังเขานะคะ แต่อยู่บนโคกมหัศจรรย์ค่ะ ทุกสิ่งของชีวิตที่ได้มาคือเรียนรู้จากป่า-ผูกพันธ์จากธรรมชาติ ) ขอบพระคุณอย่างสูงยิ่ง! สำหรับกำลังใจ

และความอบอุ่น.

(แบตเตอรี่ชีวิตได้เติมพลังชาร์จอีกแล้ว. ไชโยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

          วันนี้น้ำที่ท่วมในสวน ลดลงเข้าสู่ปกติ ผักหวานป่าที่ถูกน้ำขัง 7วัน(คงเน่า)ประมาณ 2,000-3,000ต้น โดยเฉพาะที่ปลูกในปีนี้(หยอดเมล็ด)กับต้นตะขบที่ปลูกไว้ และโคนต้นไม้ต่างๆที่อยู่ใต้ร่มเงาของตะขบ. แต่ในมุมดีของน้ำฝนที่เยอะ(ในสวน)ก็ทำให้ต้นไม้ที่เพียรปลูก สู้กับความแห้งแล้งจากปี2547-2553ที่ผ่านมา(แค่จะปลูกต้นตะขบยังยากกว่าปลูกผักหวาน) ดินอุดมสมบูรณ์ มีหน้าดินขึ้นมากกว่าเดิม ผลจากไส้เดือนและจุลินทรีย์ที่อยู่ในดินได้รับความชุ่มชื้นจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในปีนี้  และคงคิดว่าต่อจากนี้ไปคงจะถึงรอบของฝนประจำสวน ที่จะกลับมาดี(แต่ไม่ท่วม)ต่อไปอีก5-6ปีข้างหน้า(จากการจดบันทึก) จากต้นผักหวานป่าที่ปลูกคู่กับตะขบ อีก3ปีข้างหน้าได้เก็บผลผลิต ต้นโตๆรุ่นแรกไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์(เก็บเมล็ดไม่เก็บยอด) ถึงเวลาถึงฝั่งฝันที่ทำมานานแสนนานซะที.



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

    วันนี้ตั้งใจไปกะปิถวายจังหันเช้าที่ วัดป่าสว่างพร อ.เขาสวนกวาง ลงมือปรุงอาหารจากปลาที่วางข่าย ดักลอบ ในสวนตัวเอง จากน้ำที่เอ่อล้นข้ามคันบ่อปลาเข้ามาท่วม(ได้ปลาช่อนตัวละ 1กก.และ5-8ขีด 5ตัว ต้มยำสมุนไพรข่า ตะไคร ใบมะกรูด ผักขะแยง พริกขี้หนู กระเพราป่า มะขามอ่อน (ชีฝรั่ง หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ ชีหอม จากตลาด)  ทุกอย่างในสวนไร้สาร+ข้าวกล้องหอมมะลิอุ่นๆ ทำบุญเผื่อบุญได้อานิสงฆ์ถ้วนหน้าทั้งปลาและคน) นำต้นกล้าผักหวานป่าไปปลูกเพิ่มจำนวน 60ต้น (เดือนพฤษภาคมปลูกตะขบ และนำเมล็ดผักหวานป่าไปหยอด 100เมล็ด)

เพราะศรัทธาในเมตตาธรรมของ หลวงพ่อยูวิน ภูริปัญโญ  จากการเห็นชาวบ้าน(กองทัพธรรม)ที่ต่างหลั่งไหลมุ่งหน้ามาจากที่ต่างๆเพื่อมุ่งหวังให้ความทุกข์ที่มี ทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ (ต่างจางหาย) นานาจิตตังแตกต่างกันไป จึงตั้งนำผักหวานป่าไปปลูกและดูแลต้นไม้ถวายวัดสุดกำลังสุดใจเท่าที่ทำได้ ตามอัตภาพ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

ปรับพื้ที่หัวใจ ปรับพื้นที่สวน วันนี้แสงทองส่องจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เมฆหมอกจางๆฟ้าสูงลิบลิ่วเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูหนาวมาเยืยนแล้ว วันนี้ได้เวลาเริ่มตื่นนอนของผักหวานป่าที่หลับไหลมานานกับฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำพิเศษในปีนี้ วันนี้เลยถือโอกาสชวนกันปลูกต้นกล้าผักหวานป่าที่เพาะไว้ ส่วนมากลูกค้าที่สั่งจองไว้มารับไปปลูกตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา(ระยะถั่วงอก) ที่เหลือคิดว่าจะปลูกเองชดเชยส่วนที่หายไปกับน้ำ (ตาย100ปลูก1,000) จำนวน 12หลุม(48ต้น)ภายใต้ร่มเงาของตะขบ ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป(ทุกคนเกิดมาล้วนมีหนี้) มีสิทธิ์ท้อแท้ แต่ไม่มีสิทธิ์ถอย สำคัญที่ใจ  ส่วนพื้นที่ๆน้ำท่วมขังในปีนี้ ก็วางแผนกันไว้จะหาพันธุ์ไม้ที่อยู่ได้กับสภาพน้ำท่วมขัง ปรับพื้นที่ให้สอดรับกับความเป็นจริงปีนี้น้ำเคยท่วมในอนาคตน้ำก็ต้องมาอีกไม่ช้าก็เร็วเพราะเป็นทางของน้ำ ที่น้ำเลือกเองโดยกฎของธรรมชาติ (น้ำไม่ใช่รถยนต์ที่จะสร้างถนนให้วิ่งไปตามหนทาง)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

7วัน กับน้ำที่เอ่อล้นเข้ามาท่วมขัง(ลูกๆ)ผักหวานป่าประมาณ2,500-3,000ต้นรวมทั้งต้นตะขบและต้นไม้อื่นๆบางส่วน ภายในอุฑยานผักหวานป่า'๔๔  จากการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์(รอบที่3) ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์จากน้ำที่เข้าสวนถึงระดับนี้ในรอบ33ปี(โซนอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น) เพียงข้ามคืนหลังคณะผู้อบรมศึกษาดูงานจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนามและไทย ที่จัดโดยกรมป่าไม้  (การอบรมความรู้ด้านการส่งเสริมการปลูกป่า โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อสนับสนุนงานด้านการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน)โดย อ.เรณู สุวรรณรัตน์ และคุณธาณี พันแสง นับว่าโชคดีที่ได้ชมสวนผักหวานป่าสร้างป่าในวันที่อากาศสบายๆก่อนน้ำจะมา การได้รับเกียติเยี่ยมเยียน เยี่ยมชมถือเป็นอีก1กำลังใจให้กับคนปลูกต้นไม้)ดีและไม่ดี สุขกับทุกข์ มันมาด้วยกันอยู่คู่กัน เราไม่มีสิทธิ์เลือกเพียงอย่างเดียว ได้สิทธิ์เพียงแค่การเลือกเสวยสุขหรือเสวยทุกข์ก่อนหรือหลัง น้ำคือชีวิตธรรมชาติคือครูผู้ยิ่งใหญ่

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

       วันนี้ครบรอบ 1 ปีเต็มที่รับ(นิมนต์)หลวงลุง พระครูใบฎีกาสุพล มหาหิง(พลธัมโม)(ภูเขาทอง คณะ16) จากวชิรพยาบาลมารักษาอาการอาพาธที่ขอนแก่น(อุฑยานผักหวานป่า'๔๔)

จากอาการอาพาธ วันที่ไปรับหนักมาก(มะเร็ง)ผ่านการฉายแสงรังษี  เดือนที่ 3ถือว่าสาหัสที่สุด หลังจากเข้ารับการรักษาเกือบเดือนที่โรงพยาบาลน้ำพอง ซึ่งได้เข้าใจบุคคลที่อยู่เมืองสวรรค์ (รพ.) จิตสาธารณะใจเกินร้อยจริงๆ(จากการผลัดกันไปนอนเฝ้าไข้) อาการทรุดหนัก(น็อค)หยุดหายใจกระทันหันต้องส่งเข้ารพ.ในตัวจังหวัด(ถึงขนาดปรึกษาเลือกวัด)

     แต่วันนี้อาการอาพาธของท่านกลับดีวันดีคืน(ใจที่ปราถนาดีและธรรมชาติบำบัด) เหลือเพียงถอดสายอาหารเหลวจากท้องฉันทางปากตามปกติ

  แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากดูแลต้นไม้และผักหวานป่าที่ปลูกก็คุ้มค่ากับการทำโดยไม่หวัง แต่สิ่งมีค่าสูงสุดที่ได้คือสัจจะธรรมชีวิต กับคำว่า

    ความไม่แน่นอนแน่นอนที่สุด เวลาชีวิตที่ผ่านมาและกำลังจะหมดไป เพื่ออะไร



ความเห็น (1)

ขอบพระคุณค่ะสำหรับดอกไม้ไมตรีจิต และกำลังใจ

น้อย น้ำพอง
เขียนเมื่อ

ต้นฤดูฝนที่ผ่านมาจนถึงออกพรรษาฝนตกฟ้าแทบจะไม่มีเสียงร้องคำราม (เป็นสิ่งที่ผิดปกติธรรมชาติของฤดูฝนได้แต่ตั้งคำถามในใจเกิดอะไรขึ้น) เวลาฝนตกก็ตกเอาดื้อๆราวกับเปิดก๊อกประปา.  13 ต.ค.54  ตอนเช้าฟ้าฝนจัดหนักเทกระหน่ำ(2 ช.ม เต็มๆ)  ฟ้าร้องคำรามราวกับจะเข้าฤดูฝนใหม่อีกรอบ 14 ต.ค. วันนี้เทลงมาเพิ่มให้อีกเกือบชั่วโมง

/คนใต้ฟ้า....อย่าทำซ่ามากนัก!



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท