ความเมตตาคือใจที่มีความปราถนาดีต่อผู้อื่น
ปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
เมตตาและกรุณาต่างกันอย่างไร
อ่านหนังสือเล่มไหนๆ ก็ให้ความหมายที่คล้ายคลึงกันจนแยกกันไม่ออก
ท่านทราบไหมว่า เมตตาอยู่ที่จิตใจ
กรุณาอยู่ที่กาย กริยา
ลองคิดดูถ้าต่างกันเช่นนี้จริง เราต้องเคยมีเมตตาโดยขาดกรุณา
และในทางตรงกันข้าม เราต้องเคยมีกรุณาโดยขาดเมตตา
ถ้าท่านนั่งรถเมล์ประจําทางอยู่ เห็นหญิงวัยชราข้ามถนนด้วยท่าทางงกๆเงิ่นๆ
ท่านนั่งภาวนาให้หญิงวัยชราข้ามถนนโดยปลอดภัย ตนเองไม่สามารถลงไปแสดงความกรูณา
พาข้ามถนนไปได้ นี่คือเมตตาโดยขาดกรุณา เพราะขาดโอกาศที่จะแสดงความกรุณา
ถ้าท่านอยู่ในออฟฟิสทํางานมีคนเอาผ้าป่าเพื่อรวบรวมเงินสร้างถนนเข้าวัด
ท่านก็ใส่เงินลงไปพร้อมกับบ่นว่า "หนี้สังคม"
ท่านได้แสดงความกรุณาโดยการกระทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและผู้อื่น
แต่ท่านไม่ได้ทําไปด้วยจิตเมตาที่จะทําให้พระท่านได้รับความสะดวก ในการเขัาออกวัด
ท่านทําไปเพราะเป็นหนี้สังคม
เมื่อท่านเห็นความแตกต่างเช่นนี้แล้ว ทุกครั้งที่ทําบุญจงตั้งใจทําด้วยเมตตาและกรุณา
ความแตกต่างนี้ท่านได้เห็นเด่นชัดขึ้นว่า ทําไมพรหมวิหารสี่ จึงประกอบด้วย
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
เมตตามีความสําคัญกว่ากรุณา ถ้าจิตของท่านมีเมตตาแล้วทําอะไรก็เป็นกุศล
กรุณาโดยขาดเมมตานั้นอันตราย
ท่านจะเห็นคนในปัจจุบันมากมายที่ให้ความกรุณาต่อสังคมโดยขาดเมตตา
เพราะเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนโดยขาดเมตตา
พระพุทธองค์ตรัสว่า เมตตาเป็นเครื่องคํ้าจุนโลก