อนุทินล่าสุด


เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

....ระวังน้ำท่วมกันด้วยนะครับ....

ผมว่าที่ไหนที่ฝนตกอิ่มๆ หลายๆ วัน ซื้ออาหารตุนไว้ในบ้านบ้างก็ดีนะครับ เตรียมตัวให้พร้อมนะครัีบ....

เพราะว่า...เห็นเมฆแล้ว ลมแล้ว แถวๆพม่ารอยเดิม และในทะเลจีนใต้แบบกว้างใหญ่ไพศาลเหล่านั้นครับ... มีสตินะครับ...

รายงานภาพดาวเทียมล่าสุดใน SE-Asia

ภาพดาวเทียมจากกรมอุตุฯ ไทย
NOTE: หากมีเมฆตรงไหนติดต่อกันนานๆแล้วฝนก็ตกด้วยให้เตรียมตัวระวังน้ำท่วมด้วยครับ ให้ความเห็นเพิ่มได้ที่นี่

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

@5343 ขอบคุณอาจารย์มากๆ เลยครับ ไ้ว้ผมกลับไปจะไปหาอาจารย์คุยเรื่องนี้ด้วยครัีบ

อีกสองคำนะครับ

  • น้ำ  ทำไม อ่านว่า น้าม   ไ่ม่อ่านว่า นั้ม
  • เปล่า ทำไม่ อ่านว่า ปล่าว  ไ่่ม่อ่านว่า  เปล่า ตามที่ควรจะเป็นครัีบ

อิๆๆๆ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

คำถามง่ายๆ.....ภาษาไทย...แต่ทำผมมึน...เพราะเห็นต่างจากคนอื่น...

    คำว่า  คนยืน  กับ ยั่งยืน   ระดับเสียงของคำว่า ยืน เหมือนกันไหมครับ

หากเหมือนกัน.... ลองอ่าน ชื่อนี้ครับ  อ. ยืน   ภู่วรวรรณ

เสียงตรงกับสองคำก่อนหรือต่างกันหนอ??????

ข้อสังเกตส่วนตัว....(อาจจะผิดห้ามเชื่อโดยไม่ทดลองเองครัีบ)

  • อาจจะเพราะการเน้นก็ได้ครับ คนยืน ยั่งยืน เน้นเสียงกันคนละตัว
  • อาจจะเพราะว่าภาษาใต้ ระหว่าง คนยืน กับ ยั่งยืน ออกเสียงต่างกันมาก และทำให้ภาษากลางในการออกเสียงผมเพี้ยนเองในการ ออกเสียงแบบไทยกลางเพราะได้รับอิทธิพลจากภาษาใต้ อิๆๆ
  • ยั่งยืน ยืนยาว  เสียงยืนระดับเดียวกัน

    ยืนนั่ง ลุกยืน เสียงเหมือนกัน

    แต่สองชุดนี้เทียบกันคนละระดับ

    อาจจะรู้สึกไปเองครับ
  • ผมพบว่า คำว่า ยืน ในยั่งยืน เสียงจะอ่อนกว่า ใน คนยืน

  • ว่าแต่ว่า...จะหาำคำตอบไปทำอะหยัง???
  • ห้าๆๆๆๆ .... ก็จะบอกว่านี่ไง ความงามของภาษา มิใช่หรือ
  • วันนี้คุณบริหารสมองทั้งสองซีกแล้วยังครัีบ
  • อ.ยืนยืนอยู่อย่างยั่งยืนยาวนาน

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ใจคนเราอยู่ตรงไหน...จับคลำได้ไหมว่าอยู่ตรงไหน?

ใจของผมนั้น รวมกับสมอง
ได้เป็น สติปัญญา
ใจผมอยู่ตรงนั้นครับ
ใจของผมเป็นนามธรรม
สมองก็เป็นนามธรรม
สติ (ใจ)  ปัญญา (สมอง)
....แต่ตอนนี้....ทั้งสมองและใจยังต้องพัฒนาอีกมาก มีความรู้ไม่พอใช้ ไม่พอจะช่วยเหลือใครเท่าไหร่ .... ความรู้แบบพอเพียง สติปัญญาแบบพอเพียง จะลงตัวอย่างไร???

ในความเห็นของผม คิดว่า สติปัญญา นั้นสำคัญมาก เพราะมีการผสมทั้ง ใจและสมอง อยู่ด้วยกัน และต้องให้สมดุลกันเช่นกัน

ปกติรถทั้งหลาย จะมีคนขับเพียงคนเดียว....???

คำถามจึงมีอยู่ว่า รถยี่ห้ออะไรที่ใช้สองคนขับ???

ตอบ..... รถสติปัญญา (ต้องใช้ ใจและสมองขับไปพร้อมๆ กัน)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ช่วงนี้ทางใต้ของไทย ลมจะแรงหน่อยนะครับ พัดจากทิศตะวันตกไปทางตะวันออก ระวังพวกต้นไม้ล้มด้วยนะครับ ดูแลหลังคาบ้านเรือนกันด้วยนะครับ อีกอย่างฝนอาจจะตกบ่อยๆ ตกสะสม น้ำใต้ดินอิ่มส่งผลให้น้ำท่วมหรือพืชผักเสียหายได้นะครับ

เป็นห่วงครับ...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

Net ล่มอีกแล้ว

ครับ ไม่เป็นไรครับ

อย่าให้คน ใจล่ม สมองล่ม ครับ กู้ยาก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

@5146 อ.ธวัชชัยครัีบ ลองให้ยกมือดูนะครัีบ ว่ามีใครลงแดง ลงดำกันบ้างครับ โกฯ หาย ไปช่วงหนึ่ง ห้าๆๆๆๆๆ

สักวา โกทู โน Connect  ห้าๆๆๆๆ (จากคุณกวินฯ) ครัีบ

สบายดีนะครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับพี่ชาย

    สบายดีนะครัีบ เอาประโยคในเล่มวิจัยมาฝากครับ...

The root of knowledge is in nature; without root, it  is  fruitless.

Nature ที่่ว่านี้ ก็รวมๆทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง ตลอดจนป่าของพี่ไว้ด้วยครับ ป่านั้นนับว่าเป็นรากของความรู้เลยครับ หมดป่าเมื่อไหร่หมดชีิวิตเมื่อนั้น

ข้อคำถามจากป่า...

  • มีใครใส่ปุ๋ยกระสอบละพันกว่าให้ฉันไหม?
  • มีใครบำรุงฮอร์โมนให้ฉันไหม?
  • มีใครพ่นยาฆ่าแมลงที่จะมาทำลายฉันไหม?
  • แต่มีใครไม่รู้เข้ามาขออาหารจากฉัน
  • ใครไ่ม่รู้มองฉันเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต
  • ใครไ่่ม่รู้มาขอต้นไม้ไปทำสิ่งก่อสร้างต่างๆ
  • ใครไม่รู้มาหายารักษาโรค
  • ใครไม่รู้มาขโมยสัตว์ ธารน้ำจากฉันไป
  • ใครไ่ม่รู้กำลังจะเปลี่ยนพื้นที่ฉันเป็นสวนน้ำมัน สวนยางพารา สวนปาล์ม สวนไม้โตเร็ว สวนบ้าเงิน
  • แล้วใครจะป้องกันพายุให้เธอ?
  • แล้วใครจะป้องกันน้ำท่วมให้เธอ?
  • แล้วใครจะเรียกฝนฟ้าให้เธอ? นางแมวหรือฉัน?
  • แล้วใครหล่ะจะช่วยเธอซับน้ำตา....
  • แล้วเธอจะโหยหาฉัน...เมื่อฉันเหลือแต่ตอ...

นมัสการพระธรรมชาติ

จาก... 652204



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ฝนตกหนัก ซ้ำที่เดิม ที่พม่า... เวรซ้ำกรรมซาก

The image “http://www.sattmet.tmd.go.th/disk2/Olddata/remapdata/forweb/SEch2.jpg” cannot be displayed, because it contains errors.

    เป็นกำลังใจให้ทุกครัวเรือนนะครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

@4978 เพิ่งได้มีโอกาสทดสอบเมื่อสองสาัมวันนี้ล่ะครัีบ อาจารย์ ไม่่อยากเชื่อเลยว่าไปเน่าที่ตัวนับครัีบจาก sitemeter แปลกดีครับ ที่ของท่านอื่นไม่เป็นไรจากไซต์เดียวกัน แต่ของผมเน่าเฉยเลยครัีบ

ตอนนี้ปลดออกครัีบ ไม่งั้นนกแก๊กต้องบินๆ ตกๆ หล่นๆ แน่นอนครัีบ อิๆๆๆ แปลกดีแท้ครัีบ.... รู้สึกจะหริกับ Antivir ครัีบ

ขอบคุณมากครัีบ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

@4961 คุณมิมครัีบ รบกวนทดสอบอีกครั้งนะครัีบ ว่ามีปัญหาอีกหรือไม่ครับ เพราะผมลบทิ้งหมดเลยครัีบ ของขลังที่ใส่ไว้ในบล็อกนะครัีบ รบกวนแจ้งด้วยนะครัีบ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

โรคคอมระบาด

  1. โรค Comfort (รักความสะดวกสบาย)
  2. โรค Communication (โรคติดอุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร)
  3. โรค Competition (โรคชอบแข่งขัน เหนือว่า เป็นหนึ่ง)
  4. โรค Computer (โรคติดเกมส์ ติดคอมพ์)
  5. โรค Complaint (โรคขี้บ่น พิมพ์ไปบ่นไป)
  6. โรค Commodity (โรคซื้อขายทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นสินค้า)
  7. โรค Committee (โรคตั้งกรรมการ)
  8. โรค Command (โรคแห่งการสั่งการ)
  9. โรค อิอิ


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

เมื่อวานผมออกไปร้าน REAL (รีอัล) แถวๆ เมืองใกล้ๆ พอขึ้นไปได้สักป้าย มีคนขึ้นมาบนรถไฟเต็มเลย แต่ก็ไ่ม่แน่นอย่างรถเมล์บ้านเรานะครับ หรือว่ารถไฟช่วงสงกรานต์ ยังมีที่ให้ยืนได้ครับ พอไปอีกสถานี มีคนกลุ่มหนึ่งจะขึ้น เพื่อจะไปอีกเมืองแฟรงค์เฟิร์ทซึ่งไกลออกไป แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งในรถไฟยืนกางแขนจับที่ยึดเกาะอยู่และเธอบอกว่า แน่นแล้วล่ะนะ และผู้ชายอีกคนในรถไฟก็บอกว่ามันเต็มแล้วนะ จะไปได้อย่างไร (ผมนึกบ่นในใจว่า หากเค้าต้องไปพบญาติแบบเร่งด่วนจะทำไงหนอ) คนกลุ่มนั้นเลยต้องคอยรถขบวนหน้า  พอรถออกไปอีกสองสามสถานีคนในรถที่ดูว่าแน่นก็หายไปเกือบหมด ทำให้ยิ่งคิดไปอีกว่า อืมคนกลุ่มนั้น หากได้มาก็น่าจะีดี

    จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรครับ เพียงแต่คนต่างคนมองกันคนละมุมครับ เลยไปคุยกับน้องที่ไปด้วยกันว่า หากบ้านเรามีกระเป๋ารถคงบอกว่า แถวสองชิดสาม สามชิดห้าแล้วแน่ๆ เลยครัีบ

    น้องเลยส่งภาพข่าวมาให้ดู น่าสนใจดีครัีบ

>>>>>  คลิกดูVDO  ....  เทคนิคขั้นสุดยอดจากญี่ปุ่น ทำให้ผู้โดยสารขึ้นรถได้หมด

จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=28390&catid=89&catid=31



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

สวัสดีครัีบคุณรินทร์

   ขอเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนด้วยนะครับ  ผมเองยังนิยมการปลูกพืชพื้นเมืองและปลูกแบบผสมผสานครับ เพราะผมเชื่อว่าต้นอะไรที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้งอกตรงนั้น ธรรมชาติน่าจะมีคำตอบให้ไว้ด้วยอยู่แล้ว ในเรื่องของการพึ่งพาเกื้อกูลในระบบนิเวศนะครัีบ แต่เมื่อภาวะทางความคิดและระบบคิดของคนเปลี่ยน หลายๆ อย่างมีการโยกย้้ายตามความนึกคิดของคน จึงมีการจัดเปลี่ยนรูปแบบของสิ่งแวดล้อมให้ไปตามที่ตนคิดว่าดี แม้จะส่งผลในภายหลังอย่างไรก็ตาม

    ปัญหาใหญ่ในบ้านเราคือ การจัดการกับระบบคิดนะครับ ต้นยูคาฯ ไม่ได้มีความผิดใดๆ เลยครัีบ เค้าทำหน้าที่ของเค้า ได้อย่างเต็มที่ นั่นหมายถึงคุณปลูกเค้าที่ใด เค้าก็พร้อมที่จะต่อสู้และงอกลงตรงนั้น จนกว่าปัจจัยมันแร้นแค้นสุดๆ แล้วก็ค่อยๆ ตายไปทีละน้อย ต้นไม้วิ่งหนีเหมือนคนหรือสัตว์ไม่ได้

    การจัดการระบบการปลูก ระบบดิน ระบบน้ำ ฝน ฟ้าอากาศ นั้นสำคัญ ป่าไม้นั้นศักดิ์สิทธิ์ครัีบ สามารถเรียกฝนฟ้าได้ครับ เหมือนน้ำตกไงครับ ยอดน้ำตกเรียกฝนได้ ไม่งั้นจะมีน้ำที่ไหนไหลตลอดปี และผมก็เห็นว่า ป่าไม้ที่เกิดเองตามธรรมชาตินั้นไม่มีใครต้องเอาปุ๋ยสูตรต่างๆ ไปใส่ให้เลยครัีบ เพราะต้นไม้ฉลาดมากกว่าที่เราจะเอาปุ๋ยไปใ่ส่ให้นะครัีบ เพราะเค้ามีิวิธีการเติมปุ๋ยให้กับตัวเองต่างหาก เพราะครบวงจรในตัวเป็นทั้งผู้ผลิตและบริโภคในตัว ใบที่แห้งร่วงโรยปีนี้ อาจจะสะสมไว้ที่โคนต้นตามการร่วงโรยให้เป็นปุ๋ยในอีกสองสามปีข้างหน้า ต้นไม้อะไรก็ีมีใบเป็นปุ๋ยของมันเองในตัว

    ปัญหาที่ทำให้เป็นปัญหาคือ ความรู้ที่จะนำมาจัดการกับพื้นที่ที่มีอยู่ครัีบ ตรงนี้คนไทยเราจะขาดมากครัีบ มันอยู่ที่ว่าเราจะปลูกต้นไม้เพื่ออะไร

  • ปลูกเพื่อใช้หนี้ (ปลูกไปใช้หนี้ไป สร้างหนี้ไป ก่อหนี้เพิ่ม วนเีวียน)
  • ปลูกเพื่อลดภาวะโลกร้อน (ไอร้อนจากท่อไอเสียในเมือง จะขนถ่ายไปให้ป่าฟอกได้อย่างไร ในเมื่อไอร้อนในเมืองก็ต้องลอยไปปกคลุมบริเวณนั้น เราจะมีกระบวนการอย่างไรให้บอก CO2 ว่าเจ้าจงลอยไปที่ป่าห้วยขาแข้งก่อนนะจ๊ะคนดี จะบอกพระพายดีไหมครัีบ ให้ช่วยหอมลมเหล่านี้ไป อากาศเหล่านี้ มีน้ำหนักเบา จะลอยตัวสูงขึ้นสูงบรรยากาศเช่นกัน)
  • ปลูกเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ อีกมากมายครัีบ

    สิ่งที่น่ากลัวทีุ่สุดคือการรณรงค์ให้ชาวบ้านแห่กันปลูกตามราคาที่ทำให้ชาว บ้านหลงไหล โดยไม่ได้ศึกษาข้อดีข้อเสียอย่างแ้ท้จริง อันนี้นับว่าอันตรายที่สุด เลือกเอาแต่ข้อดีมาพูด ทำให้คนหลงไป พอหลังจากนั้น จะเกิดปัญหาอะไร คนพูดก็หมดวาระไปแล้ว นี่ล่ะปัญหาบ้านเรา  วันก่อนผมเห็นนักการเืมืองคนหนึ่งให้สัมภาษณ์เรื่องต้นกระถินยักษ์ บอกว่าเป็นพืชตระกูลถั่ว ไม่มีพิษภัยใดๆ ใบเลี้ยงสัตว์ได้ ไม้ขายได้ดี เพิ่มอาหารให้กับดิน โตเร็วราคาดี แต่เราไม่ได้คิดให้ดีว่า หากชาวบ้านปลูกแล้วเอาใบพืชนี้มาให้หมูกินทุกวันจะส่งผลอะไรบ้าง เช่นผมร่วง และอื่นๆ ส่วนดินไ่ม่ว่าพืชชนิดใด ก็ต้องดูดสารอาหารในดินเสมอครับ เพียงแต่ว่าจะดูดแค่ไหนแค่นั้น ใครรากลึกกว่ากัน หญ้ารากลึกแค่ไหน ยูคารากลึกแค่ไหน อัตราการดูดน้ำอาหารเป็นอย่างไร การคืนกลับให้กับสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องดินเป็นอย่างไร ศึกษากันให้ดีครัีบ บางทีจะมีรายงานที่ออกมาจากนักวิชาการ แต่เราศึกษาและยืนยันกันดีแล้วไหม ปลูกทดลองได้ครับ อยู่ที่การจัดการ

    เมื่อก่อนยางพารา เราเข้าไปกรีดในป่าครัีบ เพราะในป่ามีต้นยางขึ้นกับป่าอื่นๆ เราก็ำทำทางเดินไว้ในป่าในแนวเส้นทางที่เดินกรีดได้ทุกต้นครัีบ เราเรียกว่า ป่ายาง หรือป่าไม้ครัีบ  แต่ภายหลังเรานิยมการทำเกษตรแบบโกนหนวด หมายถึงว่า โค่นให้เรียบแบบโกนหนวด แล้วค่อยปลูกใหม่ นี่เป็นแนวทางเกษตร มีต้นอะไรที่ดี เป็นสมุนไพร ห้ามเอาไว้ ห้ามเหลือไว้ต้องโค่นหมด ไม่งั้นไม่ผ่าน  สิ่งที่เราเรียก เราจะเรียกว่า ป่ายางได้ไหมครัีบ ต้นยางถูกจัดเีรียงให้เป็นไปตามเกษตรแผนใหม่ ใช้ปุ๋ยบำรุง ทั้งๆที่ต้นยางก็ทิ้งใบในรอบปีเพื่อให้ปุ๋ยกันอยู่แล้ว ก็จะถูกจัดให้งอกเป็นแถวตามที่เราบัญชาครัีบ จัดการง่ายครับ เพราะต้นไม้เคลื่อนที่ไม่ได้ ต่างจากคนครัีบ จะเป็นว่าเราปลูกคนยากลำบากกว่าต้นไม้เยอะครัีบ มาระยะหลังเจ้าหน้าที่กองทุนยางเพิ่งเริ่มเห็นว่า ไม่น่าจะให้ต้องโค่นให้หมดทั้งป่า น่าจะเหลือต้นไม้เอาไว้บ้างในสวนยาง นี่คือกฏเกณฑ์... คนที่เป็นนักวิชาการก็รู้ทฤษฏีครับ ส่วนปฏิบัติอ่อนกว่าเกษตรกรครัีบ จริงๆ ต้องเรียนรู้ร่วมเดินกันไปด้วยกัน ถ่ายเทแลกเปลี่ยนให้ความรู้กันครัีบ คือทำให้คนมีกินได้ด้วยและมีธรรมชาติให้สมดุลไว้ด้วยครัีบ หากเราไม่เห็นเอาแก่ได้จากธรรมชาติมากจนเกินไป ผมเชื่อว่าปัญหาหนักๆ จะไม่เกิดกับบ้านเรา  ผมเป็นคนฝ่าเท้าเล็กครัีบ หากผมกินเยอะ น้ำหนักตัวมาก ฝ่าเท้าผมก็รับน้ำหนักไม่ไหวเช่นกันครัีบ ดังนั้นฝ่าเท้าของเมืองไทยเราเป็นอย่างไร เราควรจะยืนบนฝ่าเท้าของเราอย่างไรให้ยั่งยืนได้ครัีบ

    ผมนำบทความมาแลกเปลี่ยนด้วยครัีบ และเขียนตรงนี้เสียยาวครัีบ เข้ามาดูสองสามวันก่อนแล้วครับ และได้อ่านบทความเหล่านี้มาหลายครั้งแล้วครับ ผมคิดว่าเดินทางสายกลางในทางธุรกิจ และชาวบ้านมีรายได้ อย่าไปหลอกชาวบ้านให้เค้าคาดหวังไว้สูงมาก ไม่งั้นเราจะปิดถนนประท้วงกันทั่วประเทศครัีบ เพราะราคาตก ราคาลด ไม่เป็นตามที่นักพูดได้หลอกไว้เืมื่อก่อนปลูก ผมว่าบ้านเราเลิกได้แล้วที่จะทำให้เกษตรกรทำแบบนี้

  • โค่นสวนมังคุด ไปปลูกยางพารา (ผมเห็นมังคุดขายที่เยอรมัน สามผลราคาประมาณแปดสิบบาท)
  • โค่นยางพารา มาปลูกปาล์ม
  • เปลี่ยนนาข้าว เป็นนายางพารา หรือนาปาล์ม
  • ต่อไปอาจจะโค่นปาล์มมาปลูกข้าวอีกครัีบ หรือโค่นยางมาปลูกข้าวเพราะข้าวราคาดี ยางปลูกในนาต้นเล็ก ขายไม้ฟืนหรือเอาไปทำไ้ม้จิ้มฟัน
  • ทำลายป่า ไปปลูกอ้อย ให้นโยบายให้ชาวบ้านบุกรุกพื้นที่ป่า อะไรทำนองนี้ครัีบ เพราะอ้อยเป็นพืชพลังงาน เอาไปผลิตวัตถุดิบให้รถยนต์กินต่อไป
  • ทุกวันนี้เราปลูกต้นไ้ม้ปลูกพืชให้เครื่องยนต์กินด้วยนะครัีบ ไม่ใช่แค่คนสัตว์แค่นั้นครัีบ

    พอแค่นี้ก่อนนะครัีบ ขอบคุณมากครัีบ ฝากบทความไว้แลกเปลี่ยนต่อไปครัีบ

ขอบคุณมากครับผม

จาก... 648631



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

คุณจะโกรธผมไหม? หากผมจะบอกว่า

เราคนไทยกำลังเป็นโรคภูมิคุ้มกันทางระบบคิดบกพร่อง ร่วมกันอย่างรุนแรง (รวมทั้งตัวผมด้วยนะครับ)

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ขอบคุณพี่กมลวัลย์ @4256  มากๆ นะครับ สำหรัีบข้อมูลภาพเพิ่มเติมครับ เห็นแล้วทำให้รู้ว่าชาวพม่าควรจะต้องมีระบบที่เค้าควรจะได้รับการเตือนภัยที่รวดเร็วฉับไวนะครับ

เป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมชะตากรรมในพม่าและฟิลิปปินส์ตอนนี้ครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ก่อนจะหากินเป็น ต้องคิดเป็นก่อน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย (ภาษาเยอรมันเรียกว่า เมนซ่า Mensa ไม่ใช่เหม็นซ่าส์ นะครับ) ตอนทานอาหารเสร็จ จะเก็บทิชชูลงถังขยะแล้วเหลือจานช้อนวางบนถาดให้ไหลไปตามราง พอผ่านไปถึงปากทางเข้าแยกอุปกรณ์ จะมีระบบแม่เหล็กทำหน้าที่ดูดช้อน ส้อม มีด ขึ้นไปเข้าระบบล้าง ส่วนจานจะไปตามระบบ

จะบอกว่า.... ช้อน ส้อม มีด ได้มีโอกาสอยู่ใกล้แม่เหล็กบ่อยๆ ก็จะทำตัวเป็นแม่เหล็ก เมื่อฝึกบ่อยๆ อยู่ใกล้บ่อยๆ ก็จะมีการถ่ายเทพลัง ประจุ ให้กันและกัน

ดั่ง เด็กๆ ที่ได้อยู่กับครูดีๆ ปราชญ์ดีๆ พ่อแม่ดีๆ สังคมดีๆ เด็กคนนั้น ก็ย่อมเป็นคนดีต่อไปได้สูง เป็นพลังในการสร้างตัวเองให้เป็นแม่เหล็กต่อไปในภายภาคหน้า ทำนองเดียวกับประชาชนในสังคมที่มีผู้บริหารบ้านเมืองดีๆ มีธรรมในการบริหารประเทศ ประชาชนจะยึดเป็นแบบอย่าง

ส่วนปลาในคลองแสนแสบนั้น คงไม่ต้องอธิบายนะครับ ว่าจะสะสมอะไรไว้ในตัวบ้างครับ แม้จะมีระบบป้องกันและขจัดพิษออกจากร่างกายก็ตามครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ปลาทุกตัวในคลองแสนแสบนะครัีบ

ต้นแบบจึงสำคัญต่อการพัฒนาสังคม....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

การแก้ไขปัญหาพลังงานในระยะยาว...

  • จอดรถทุกคันที่มีในบ้าน หันไปใช้รถร่วม รถบริการ
  • เลี้ยงวัว ควาย ม้า ช้า หันมาใช้ล้อเลื่อนในระยะทางไม่ไกลมาก
  • บริเวณใกล้ๆ สองสาม กิโลเมตร หันมาเดิน หรือจักรยานแทน
  • สุขภาพคนไทยจะดีขึ้น เพราะออกกำลังกายตลอดเวลา
  • เรียนและทำงานกันในท้องถิ่นที่ใกล้ที่ทำงาน
  • ปรับสมดุลพลังงานในประเทศ
  • หันมาใช้และทุ่มเทในการวิจัยการนำไปใช้จากพลังงานสะอาด
  • อื่นๆ

ขอบคุณครัีบ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

สวัสดีครับ

    เอามาฝากนะครับ เข้าไปดูได้ที่ www.schuai.net/VirtualCloud3D/Nargis

ธรรมชาตินั้นสำคัญ การรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทางระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมจึงจำเป็นต่อมนุษย์ ในการอยู่ร่วมพึ่งพาเกื้อกูล แต่่ไม่ใช่การทำลายครับ

ขอบคุณมากครัีบ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

เ้ส้นทางพายุ....NARGIS

# Name Date Wind Pres Cat  
1 Cyclone-4 NARGIS 27 APR-03 MAY 115
4  

The image “http://weather.unisys.com/hurricane/n_indian/2008/track.gif” cannot be displayed, because it contains errors.

จาก... http://weather.unisys.com/hurricane/index.html



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

สวัสดีครัีบอาจารย์

    ขอบคุณมากครัีบ ครูมีบทบาทต่อการเรียนรู้ของศิษย์มากๆ นะครัีบ แต่การสร้างเด็กต้องสร้างตั้งแต่ครอบครัวครัีบ โดยเฉพาะการให้อิสระในการคิด และการสร้างแรงจูงใจให้เด็กอยากรู้อยากเห็น โดยปกติสิ่งที่อยู่ในสมองเด็กมีไม่เยอะมากในตอนต้น และสมองเค้าเจริญอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับการอยากรู้อยากเห็นของเด็กที่ต้องการรู้เพื่อเก็บข้อมูลเข้าไปไว้ในคลัง สมองครัีบ กระบวนการเรียนรู้ในช่วงนี้ สำคัญมากๆ ครับ ที่พ่อแม่ต้องสนับสนุนและเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามและร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆ กับลูกครัีบ ผมขอเรียกว่า การปลูกหน่อจินตนาการ ของเด็กครัีบ

    เมื่อหน่อจินตนาการเหล่านี้ของเด็กเตรียมไว้พร้อมที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษา ครูเองผู้ทำหน้าที่วิ่งผลัด ในการรับไม้ หรือรับหน่อจินตนาการของเด็กไปสานต่อ ให้เค้าเจริญเติบโตทางการเรียนรู้ ทางด้านความคิดของเด็ก ครูมีแนวทางในการใช้จิตวิทยาทางการสอน เพื่อนำไปสู่การจูนคลื่นสมองของเด็กให้เข้าหาสาระวิชาต่างๆ และเด็กแต่ละคนมีคลื่นสมองที่ต่างๆ กันไป ครูจึงมีความจำเป็นจะต้องศึกษาและเป็นเรื่องที่น่าท้าทายสำหรับครูครัีบ

    อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจในการเรียนรู้นั้นสำคัญยิ่งครัีบ เพราะหนึ่งประโยคของครู หรือของพ่อแม่นั้นส่งผลให้ลูกได้ประจุบวกหรือลบต่างๆ กันครัีบ และประจุเหล่านี้จะเป็นตัวชาร์จและเติมพลังให้กับเด็กเยอะเลยครัีบ

    มีหลายๆ ประโยคที่ผมจำได้จากการสร้างแรงจูงใจของคุณครู ผมเพิ่งสะท้อนให้คุณครูผมฟังเืมื่อวาน สามชั่วโมงครัีบ สมัย ม.ต้น ครัีบ เป็นเรื่องที่ำสำคัญมากๆ นะครับ และอีกนัยหนึ่ง คุณครูเองก็ควรจะมีคนสร้างแรงจูงใจให้ครูในการทำงานเช่นกันครัีบ ไม่ว่าจะกำลังใจจากเพื่อนร่วมงาน หรือจากศิษย์ หรือจากผู้ปกครองครัีบ เอาเป็นว่า การเกื้อกูลกันในกระบวนการเรียนรู้ครัีบ

ขอบพระคุณมากๆ นะครัีบ

จาก...เล่าประสบการณ์ตรง ... ครูดี "ครูเพื่อศิษย์" แบบนี้ดีไหม ?



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์
เขียนเมื่อ

ผิวน้ำ และเหนือผิวน้ำ ไม่มีกำแพงกั้น ฉันใด

มหาวิทยาลัย ไม่ควรมีรั้วกั้นเช่นกัน ฉันนั้น

....ว่าด้วย การไหลผ่านของความรู้....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท