28 พฤษภาคม 2556
เฮ้อ....ค่อยยังชั่ว.....ยิ้มออกแล่ะ....เร็วกว่าที่คิดเยอะ
โรงเรียนเปิดตั้งแต่ 14 พฤษภาคม สัปดาห์แรกแทบจะไม่ได้สอนกันซักเท่าไหร่ เพราะยังคงอยู่ในช่วงปฐมนิเทศ และทำความรู้จักกันกับเด็กชุดใหม่ที่เข้ามาสู่มือเรา สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเริ่มสอนและเรียนกันอย่างจริงจังมากขึ้น บางห้องก็ได้แค่สองคาบเพราะมีวันหยุดในสัปดาห์วันวิสาขบูชา แต่บางห้องก็ได้ครบสามคาบ
มาสัปดาห์นี้เด็กๆ เริ่มสนุกกับการเรียนมากขึ้น ค่อนข้างคุ้นเคยและกล้าพูดกล้าจากับครูมากขึ้น หลายคนกล้าที่จะสอบถามเรื่องที่เค้าไม่รู้และไม่เข้าใจมากขึ้น เป็นกันเองมากขึ้น.....ครูจึงเริ่มเห็นรอยยิ้มของพวกหนูแล้ว และครูก็เริ่มได้ยินเสียงหัวเราะที่เป็นธรรมชาติสุดๆ ......ใจเค้า....เริ่มมาแล้วครูแอนเอ๋ย.... ลุยต่อได้เลยเทอมนี้
ไม่มีความเห็น
18 พฤษภาคม 2556
วันนี้คนเป็นครูก็อด...อมยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ เพราะแม้มันจะเป็นเรื่องจิ๋วๆ ในชีวิตของคนเป็นครูสำหรับครูคนอื่น แต่มันก็สร้างพลังให้คนเป็นครูอย่างครูแอนได้อย่างอัศจรรย์เลยทีเดียว
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ครูแอนก็แอบแวะไปโรงเรียนในช่วงบ่าย เพื่อไปดูเด็กน้อย ม.1 และ ม.4 เข้าร่วมกิจกรรมกับรุ่นพี่คณะกรรมการนักเรียนในโครงการสร้างความสัมพันธ์ฉันน้องพี่
ครูแอนไม่ได้เข้าไปร่วมแจมในกิจกรรมแต่อย่างใด แต่แอบดูอยู่ห่างๆ หน้าร้านสหกรณ์โรงเรียนของครูป้าจิน
ระหว่างที่นั่งคุยอยู่กับครูป้าจินอยู่นั้น เจ้าก็อต หนุ่มน้อยวัย 16 ลูกศิษย์เก่าของครูแอนผู้ซึ่งเพิ่งจบ ม.3 ไปหมาดๆ ก้อตรงรี่เข้ามาสวัสดีครูทั้งสอง และนั่งคุยกับครูแอน (เจ๊จอมเฮี๊ยบ....ที่เจ้าตัวบอกเช่นนั้น อิอิอิ) เป็นพักใหญ่ และตอนนี้ก็อตก็เข้าเรียนสายอาชีพในวิทยาลัยเทคนิคในตัวเมืองหาดใหญ่ และวันนี้ก็อตก็กลับมาเยี่ยมโรงเรียนและเพื่อนๆ เมื่อได้ยินข่าวการรวมตัวของเพื่อนๆ เค้าที่เข้า ม. 4 และมาร่วมทำกิจกรรมกับรุ่นพี่คณะกรรมการฯ ในวันนี้ ว่าไปแล้วก็อตเค้าก็เคยเป็นเพื่อนกับหลานชายคนเล้กของครูแอนขณะที่เค้าสองคนอยู่ในโรงเรียนประถมฯ ด้วยกัน
เรานั่งคุยกันหลายเรื่อง.....โดยก็อตกับครุแอนนั่งที่ม้านั่งยาวหน้าสหกรณ์ และมีครูป้าจินนั่งตรงเคาเตอร์ขายของในร้าน ที่ห่างกันเพียงแค่กำแพงอิฐหน้าต่างคั่นกลาง เราจึงนั่งคุยกันสามคน แต่บทสนทนาส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ครูแอนและเจ้าก็อต
บางเรื่อง..........
"ครู น้อง ม.3 น้องแนนคนนั้น...นั๊นครู (พลางชี้ไปที่เด็กผู้หญิงชั้น ม 3/1 คนที่นั่งอยู่ใต้ถุนอาคารเรียนซึ่งไม่ไกลกับห้องสหกรณ์มากนัก) ถามผมล่ะครับว่า ตอนที่ผมเรียนกับครูนั้นยากมั๊ย"
"อ้าว....เหรอ....แล้วผมตอบน้องเค้าไปไงล่ะ"
"ผมก็บอกว่ายากนะ ตอนที่เรียนนั๊น แต่พอตอนที่ต้องไปทำข้อสอบโอเน็ตนั้นจะทำได้ เพราะเจอไปจากของที่ครูแอนสอนแล้วเพ"
โอ....นี่ก็อตแกคิดแบบนี้เองเหรอเนี่ย นี่เป็นอีกมุมความคิดหนึ่งในนักเรียนห้องที่ครูแอนเคยสอนมา เพิ่งทราบความคิดเจ้าก็อตก็ตอนนี้เอง ตอนที่เค้าจบจากเราไปเรียนต่อที่อื่นแล้ว
คุยกันไปพักใหญ่อีกหลากหลายเรื่องราว.....
เมื่อท้ายสุดก่อนที่บทสนทนาจะจบลงด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือของก็อตที่ดังขึ้น และก็อตก็ขอคุยโทรศัพท์กับเพื่อน และเมื่อเสร็จสิ้นการคุยโทรศัพท์แล้ว ก้อตหันมาบอกครูแอนว่า....
"ครูครับ ผมกลับก่อนนะครับ เพื่อนโทรมาตามแล้ว"
"อืม ตั้งใจเรียนนะก็อต ไปอยู่ในเมืองน่ะ เราไปเรียนนะ ไปหาความรู้ ไม่ใช่ไปทำเรื่องแย่ๆ นะ อย่าไปเล่นเรื่องยาและอย่าไปมีปัญหากับใครๆ นะ อยู่ให้เป็นนะลูกนะ อ้อ....แล้วอย่าลืมกลับมารายงานเกรดผมด้วยล่ะ ตั้งใจเรียนเน่าะ"
"ครูครับ ผมขอกอดครูทีน่ะครับ เมื่อวันปัจฉิมฯ ผมยังไม่ทันได้กอดครูเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เลย วันนั้น ผมหันมาอีกที ครูหายไปจากหอประชุมแล้ว นะครับครูครับ....(ว่าพลางก็อตก็กอดครูตัวเล็กกว่าแน่นไปแล้ว)....."
"หือ...." มีเสียงหัวเราะขำๆ เล็ดลอดออกมาจากครูป้าจินที่อยู่ในร้าน เมื่อมองเห็นภาพนั้นได้ถนัดกว่าใครๆ แม้กระทั่งเจ้าตัวต้นเรื่องและครูแอนเอง
ครูเองก็ไม่มีอะไรมากมาย......อายุที่เยอะขึ้นทำให้ครูกล้าที่จะแจกกอดให้กับลูกศิษย์มากขึ้น หากเป็นก่อนนี้ที่เพิ่งเริ่มบรรจุที่โรงเรียนแรกนั่น มิมีนักเรียนชายคนใดได้รับการแจกกอดจากครู ยกเว้นเสียแต่นักเรียนผู้หญิง นั่นอาจเป็นเพราะอายุที่ห่างกันไม่มากระหว่างครูกับลูกศิษย์ในสมัยนั้น หากแต่ในตอนนี้ครูกล้าแจกกอดให้ลูกศิษย์มากขึ้นทั้งหญิงและชาย อาจเป็นเพราะวัยที่ห่างกันมาก ซึ่งเด็กๆ อาจจะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของครูไปแล้ว
อีกอย่าง....อาจจะเพราะยังจำคำพูดที่พ่อครูบาสุทธินันท์ เคยบอกครูแอนเมื่อครั้งที่เราพบกันนานแล้วบอกครูแอนว่ากอดเค้าเถอะลูก ลูกศิษย์น่ะ บางคนเค้าอยากจะได้รับการกอดเพราะเค้าอาจจะไม่เคยมีพ่อหรือแม่ที่จะกอดเค้า บางคนมีพ่อแม่ แต่พ่อแม่ไม่เคยกอดเค้าเลยก็มี เราเป็นครูก็เป็นเหมือนพ่อเหมือนแม่เค้า ไม่เสียหลายหรอกลูก...ให้ความรักความอบอุ่นเค้าได้จากการกอดนะลูกนะ
และเมื่อวันปัจฉิมฯ ของโรงเรียนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เด็กผู้ชายม. 3 จอมป่วนหลายรายเข้ามากราบที่ตักครูแอน และมีคนแรกที่ขอกอดจากครูแอนคือเจ้าอ๊อฟ และนั่นเป็นเหตุให้ครูแอนต้องแจกกอดให้เด็กๆ อีกหลายรายในวันนั้นเอง จนเป็นเหตุให้เพื่อนเจ้าอ๊อฟแอบแชะภาพส่งมาทางเฟสให้ครูแอนเมื่อกิจกรรมปัจฉิมนิเทศเสร็จสิ้นลง
และวันนี้...เจ้าก็อต......ก็เลยขอเหมือนเพื่อนๆ เค้าบ้าง....
ไม่มีความเห็น
เริ่มทำงานก่อนเปิดเทอมอีกนะเนี่ย....
เตรียมตัวเดินทางอีกแล้ว....ชีพจรลงเท้าอีกแล้วเรา
แต่คราวนี้....นักเรียน 10 คน กับ โครงการสำนึกรักบ้านเกิด....และครูแอนอีกหนึ่ง
ลุยกันเลยลูก 6 - 10 พฤษภาคม 2556
พรุ่งนี้ล้อเลื่อน....เจ็ดโมงเช้า....นะจ๊ะ
ไม่มีความเห็น
4 เมษายน 2556
วันนี้ญาติพี่น้องและชาวบ้านต่างมาพร้อมกันที่ป่าช้าของหมู่บ้าน เพราะวันนี้เป็น.....วันว่าง...ที่ป่าช้า
เมื่อก่อนป่าช้าแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่เผาศพของปู่ย่าตายาย แต่ปัจจุบันย้ายไปเผาที่เมรุในวัด
ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน บรรดาลูกหลานต่างพากันมาทำความสะอาด, กวาด, ล้าง "บัว"--ที่เก็บกระดูกของปู่ย่าตายาย ให้สะอาดก่อนถึงวันว่าง
เราเชื่อว่าการได้มาทำบุญ ณ สถานที่นี้ปู่ย่าตายายของเราจะได้รับอานิสงส์แห่งผลบุญนั้นแล
ลูกหลานจึงต่างพากันมาจากทุกสารทิศเพื่อจุดหมายเดียวกันนั้นเอง....วันว่าง....ที่่าช้า....นั่นเอง
แม้แต่ครูแอนเอง........ยังต้องวางแผนการเดินทางต่างๆ เพื่อให้มาทันวันว่าง....ที่ป่าช้า...ของหมู่บ้านนั้นแล
ว้าว ...น้องแอน พักนี้เกาะติดหน้าจอ น๊า ดีจัง :)
อาจจะเป็นเพราะพี่กับพี่นายช่างฯ มังคะ....เลยทำให้หนูหวลคืนจอ อิอิอิ
.......หนูบอกพี่แล้วไงคะ ว่าหนูหายไปสองปีเลย มันไม่สามารถจริงๆ เรียกได้ว่า "จนด้วยเกล้า" ค่ะพี่หนูรี.....อิอิอิ
แต่ช่วงนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะถ่ายเทบันทึกออกมาสู่สาธารณะค่ะ
ให้เวลากับตัวเองอีกนิด...... เดี๋ยวก็คงมีบันทึกตามมานะคะ
ตอนนี้ก็เป็นแค่...อนุทิน...ไปก่อนนะคะ Diary ของหนูไงคะ
ขอบคุณค่ะพี่สาวคนเก่ง (แถมสวยด้วย)
3 เมษายน 2556
การตื่นนอนขึ้นมาท่ามกลางการปลุกของเจ้าตัวน้อยที่บินมาเกาะที่กอไผ่ไม่ไกลจากตัวบ้าน ต่างพากันส่งเสียงจิ๊บๆ มาแต่ไกลมันช่างน่าอภิรมย์ยิ่งนัก นี่สืถึงจะเหมาะสำหรับเป็นรางวัลให้กับชีวิตเหลือเกิน
นอนฟังเสียงเซ็งแซ่ราวกับพวกมันร่วมกันบรรเลงเพลงเป็นวงออเคสตร้าวงใหญ่ใกล้ตัวบ้านอยู่พักใหญ่ก่อนการเดินทางต่อไปตามใจอยากดู อยากเห็น ......
เริ่มต้นด้วย....ศูนย์หัตถกรรมกะลาลุงปลื้มที่ชัยบุรีสถาน ที่เคยเป็นเมืองเก่าในครั้งประวัตศาสตร์นั้น และจับจ่ายข้าวของเครื่องใช้จากฝีมือคนท้องถิ่นที่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ ทำรายได้เข้าประเทศได้เป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง
ครูแอนสังเกตเห็นป้ายชื่อเล็กๆ อันเป็นชื่อของเจ้าของผลงานที่ผลิตงานชิ้นนั้นๆ ออกมาติดอยู่ตามสินค้าแต่ละชิ้น เลยถามไถ่ได้ความว่าชาวบ้านเค้าทำมาส่งที่ศูนย์แล้วขายร่วมกัน เมื่องานชิ้นไหนของใครถูกจำหน่ายออกไปเจ้าของก็จะมารับเงินค่าตอบแทน แน่ล่ะ...จะต้องมีการพัฒนาฝีมือแรงงานของตนเองอยู่ตลอดเวลาเป็นแน่ อย่างนี้สิ....เค้าเรียกว่า เจ๋งจริง....
ออกจากศูนย์หัตถกรรมกะลาลุงปลื้มแล้ว ไกด์จำเป็นเจ้าถิ่นบอกว่าพี่จะพาไปชมเขตเมืองเก่าชัยบุรี......ขับรถเวียนรอบขอบเขตป้อมปราการเมืองเก่าจนทั่วแล้ว จึงขับเบี่ยงออกไปทางสันเขื่อนใหม่ที่ท่านเจ้าอาวาสเป็นคนริเริ่มพัฒนาให้เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรของชาวบ้าน แต่บรรยากาศบนสันเขื่อนสวยมากเหมาะแก่การส่งเสริมทางด้านการท่องเที่ยวของชุมชนด้วยเช่นกัน เพราะด้านหนึ่งมีภูเขาใหญ่เป็นฉากหลัง และเขื่อนอยู่หน้าภูเขาใหญ่ลูกนั้น
ในระหว่างที่เราชมเขื่อนอยู่ มีคณะทำงานจากทางเทศบาลตำบลชัยบุรีมาไถพรวนดินใกล้ๆ กันนั้น เราจึงเตร่เข้าไปสอบถามเกี่ยวกับแผนการพัฒนาสถานที่นี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะแอบเห็บเรือถีบสองสามลำลอยอยู่ขอบเขื่อนหน้าร้านอาหารเล็กๆ มุมหนึ่งของเขื่อน ทางทีมงานจากทางเทศบาลตำบลเล่าว่าที่เขากำลังไถพรวนดินอยู่นี้เพื่อปลูกดอกไม้ ให้บานสะพรั่งรอรับการเปิดเขื่อนเป็นแหล่งท่องเที่ยวในวันที่ 12 สิงหาคมที่จะถึงนี้ แถมยังมิวายชักชวนประชาสัมพันธ์ให้เรามาชมงานในวันดังกล่าวอีกแน่ะ
ใกล้ๆ ภูเขาใหญ่ มีถ้ำน้ำด้วย แต่....ทางคนทำงานไม่แนะนำให้เราไปชมเนื่องจากมีกันแค่สองสาว เราเลยต้องพับโครงการถ้ำน้ำไว้ก่อน รอโอกาสเหมาะกว่านี้คงได้ไปเยือน อิอิอิ
การเดินทางแห่งมิตรภาพ.....ก็คงต้องจบด้วยมิตรภาพ
เมื่อลาจากกับพี่สาวคนเดิมจากโรงเรียนเดียวกัน จึงส่งเสียงแจ้วๆ ไปยังเพื่อนรุ่นน้องที่เคยพบเจอกันเมื่อครั้งคราที่เรียนที่มหาลัยสงขลานครินทร์ฯ ด้วยกัน
และก็ไม่ผิดหวัง เมื่อพบกันและพบว่ามิตรภาพยังคงเหมือนเดิมแม้จะจากลากันมาสักระยะหนึ่งแล้ว
การได้พบเจอมิ่งมิตรที่ดีอีกกลุ่มหนึ่งระหว่างการเดินทางเพื่อชาร์ตแบตให้ตนเองในครั้งนี้ถือเป็นรางวัลและแรงใจให้มีพลังขับเคลื่อนในการทำงานภาคเรียนใหม่ กับลูกศิษย์กลุ่มใหม่ฉะนี้แล....
สู้ๆๆ นะคนดี
ไม่มีความเห็น
2 เมษายน 2556
หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้วเสร็จ คณะของนักเรียนและกลุ่มวิทยากรจากกองทัพเรือพร้อมกับสองครูผู้ร่วมสมทบในการทำกิจกรรมนี้ต่างพร้อมออกเดินทางไปยังแก่งหนานมดแดง.....ซึ่งสองครูก็ขับรถตามคณะนักเรียนไปเรื่อยๆ
เราต่างพบว่ามันคือเส้นทางผ่านหมู่บ้านเกาะร้าว (ซึ่งเป็นสถานที่ๆ เราเคยออกเยี่ยมบ้านเด็กๆ เมื่อครั้งที่เราสอนอยู่ที่โรงเรียนเก่า) ผ่านลานข่อย และสุดท้ายคือห้วยน้ำใส (สถานที่ๆ เราเคยนำนักเรียนในรุ่นที่เราสอนไปเข้าค่ายพักแรมลุกเสือเนตรนารี....แต่ ครั้งนั้นยังไม่มีใครเปิดธุรกิจล่องแก่ง)
จากเส้นทางที่ผ่านเราพบว่ามีการล่องแก่งหลายจุดทีเดียว ทั้งแก่งลานข่อย แก่งทุ่งส้าน และหนานมดแดง
เมื่อไปถึง....การจัดนักเรียนลงทำกิจกรรมโดยมีทหารเรือเป็นผู้ช่วยเหลือดูแลและร่วมรับผิดชอบในกิจกรรมต่างๆ เรียบร้อยลง การเดินทางอีกรุปแบบที่สนุกสนานไม่แพ้กันก็เริ่มต้นขึ้น
ระหว่างเส้นทางท่านวิทยากรจะสอนและบรรยายเกี่ยวกับพืชพรรณไม้ต่างๆ ที่ขึ้นอยู่ริมคลอง เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรักธรรมชาติและซึมซับความรู้สึกหวงแหนไม่คิดทำลายธรรมชาติ ในเชิงของการร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติตลอดระยะทาง 6 กิโลเมตร
สิ่งที่พบนอกจากความสนุกสนานที่นักเรียนจะได้รับแล้ว นักเรียนยังได้รับองค์ความรู้อันเกิดจากการทัศนศึกษาจากสถานที่จริง เป็นการเรียนรู้ที่สนกและสามารถสอดแทรกความรู้, ความรู้สกของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
นี่เองกระมัง....ที่เค้าเรียกว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น.....สองครูเลยพลอยพ่วงอานิสงส์จากเด็กนักเรียนไปด้วยแท้ๆ
เมื่อกิจกรรมแล้วเสร็จ.......คณะนักเรียนก็กลับมายังที่พักที่เรือนไทยเพื่อออกเดินทางกลับภูมิลำเนาซึ่งมีคณะนักเรียนมาจากหลายโรงเรียน ล้วนแล้วแต่มีโรงเรียนอยู่ในละแวกที่เป็นที่ตั้งของแหล่งต้นน้ำสำคัญๆ ในท้องที่นั้นๆ
แต่......สองครูยังไม่กลับ
สองครูจึงขอทำหน้าที่ทดสอบความอร่อยจากร้านกาแฟ กม. 52 ของหลานๆ ลูกของท่านหัวหน้าหมวดเก่าของเราก่อน และจึงร่ำลากันเพื่อเดินทางกลับไปพักค้างคืนที่บ้านครูพี่สาวที่ไปรับในตอนต้นของการเดินทางในครั้งนี้ตามคำร้องขอของพี่เค้าในตอนเย็น....นั่นเอง
หลังจากมื้อค่ำอันโอชะผ่านไป และความเงียบสงัดของยามค่ำคืนเข้ามาเยือน
เราจึงเริ่มสลบไสลอย่างหมดแรงด้วยความอ่อนแรงจากกิจกรรมเมื่อกลางวันที่เล่นเอาเราเมื่อยไหล่และกล้ามเนื้อแขนกันไปตามๆ กัน
เราเอ่ยลาราตรีสวัสดิ์....กับยามค่ำคืนในบ้านกลางทุ่งนา ใต้เงาจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาถึงห้องนอนของพี่เค้า
โอ...มันน่าอิจฉาพี่เค้าชะมัดกับการดื่มด่ำกับบรรยากาศสะอาดๆ ที่ช่างยวนใจแถมได้แนบชิดธรรมชาติกระไรเช่นนี้..........อิอิอิ
พี่แอน ตาร้อนๆๆ
มันเป็นการเดินทางที่ไม่เร่งรีบ เราเลยได้สัมผัสธรรมชาติแบบเต็มๆ ไปกอดธรรมชาติจนอิ่มแปล้ทีเดียว
แรกสุดก็ไม่ได้คิดว่าจะออกมารูปนี้ แค่หวลกลับหลังไปพบพานคนเก่าแก่ที่เคยรู้จัก
แค่ได้ไปเยี่ยมลุงน้อย-ป้าอ้อย และพี่ๆ อีกหลายคน
พอไปถึง เมื่อได้พบหน้า เลยสัมผัสได้ว่าอ้อมกอดอบอุ่นของคนเคยรู้จักยังอ้าแขนรับเราอยู่เสมอ
หลายคนบอกน้องแอนยังเหมือนเดิม ลุกแอนนี่กี่ปีๆๆ ก็ไม่เคยเปลี่ยน เสียงจากลุงเชียรนักการภารโรงที่คอยสอนวิธีการโรเนียวข้อสอบกับเครื่องที่ต้องหมุนๆๆ และก็หมุน ในสมัยก่อนโน้นที่ยืนอยู่ข้างๆ เมียแก-ป้ารวย บอกเช่นนั้น
เจอะ เจอชาวบ้านที่เคยรู้จัก เขายัยิ้มทักได้สนิทใจเช่นเคย
ท้ายสุด....ทุกครั้งของการไปไม้เสียบ
จะต้องขับรถไปเวียนรอบโรงเรียนเกาะขันธ์ประชาภิบาล แค่ให้ได้ไป ให้ได้เห็นโรงเรียน เห็นบ้านพักที่เคยอยู่ เห็นอาคารเรียน เห็นถนนภายในโรงเรียนที่เคยมาปูเสื่อนอนดูฝนดาวตกกับพี่ๆ
แค่นี้ก็สุข....สราญแล้ว ขจิตเอ๋ย
แต่ทั้งหมดนี้จักต้องไปเส้นทางรถยนต์ผ่านถนนเอเซีย....ซึ่งขจิตมิเคยได้ผ่านไปไงจ๊ะ....เพราะต้องอาศัยเครื่องตลอดนี่เนาะ
การเดินทางต่อใน...........ส่วนที่สอง........
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้ว สำหรับระยะทางที่เหลือ ด้วยระยะทางไม่ไกล ควนขนุน-ไม้เสียบ และพลขับเองก็คุ้นชินเส้นทางนี้เป็นอย่างดีเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาก่อนหน้าโน้น กับชีวิตบนรถประจำทางหาดใหญ่-นครศรีธรรมราช
เมื่อเลี้ยวเข้าสู่โฮมสเตย์เรือนไทยทักษิณา จอดรถปุ๊บเราสองคนก็เดินไปด้อมๆ มองๆ หาเจ้าของเรือนไทยที่ชื่อครูน้อยและครูอ้อยของอดีตเหล่าลูกศิษย์และชาวบ้านละแวกนี้
พอเดินไปทางหอประชุม เสียงตะโกนจากเด็กๆ เรียก "ครูแอนๆๆ" เอ....อดีตลูกศิษย์เราละแวกนี้ก็ไม่น่าจะเสียงใสขนาดนี้แล้วนะ น่าจะอายุเลยยี่สิบกันหมดแล้ว ไหงเสียงใสแปลกๆ หันไปมองทางต้นเสียงโหวกเหวกนั่น......
อ้าว.....นั่นมันเด็กๆ จากโรงเรียนเทพานี่นา แล้วเค้าก็วิ่งมาสวัสดีกันเจี๊ยวจ๊าวไปหมด บ้างก็ถามว่าครูตามหนูมาเหรอ ครูมาได้ไง......ซึ่งทั้งหมด ครูก็งงเหมือนกันลูก เฮ้ย....มาได้ไงเนี่ย.....ครูไม่รู้ว่าหนูมากันที่นี่ ครูมาจากมหาลัย และครูก็ไม่รู้ว่าหนูมากับโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกับทหารเรือในวันนี้และเค้าพากันมาที่นี่ เลยกลายเป็นว่า......มาเจอลูกศิษย์ปัจจุบันในละแวกถิ่นลูกศิษยเก่าซะงั้น
เสียงวิทยากรเรียกเด็กๆ แล้ว ........ สองครูเลยเดินตามหาเจ้าของเรือนไทยต่อไป จนมาเจอที่ครัวและเรือนมังคุด พี่น้องกอดรับกันด้วยความดีใจ ก่อนที่จะโทรบอกกล่าวถึงการมาของน้องๆ ไปยังเพื่อนครูท่านอื่นๆ ที่เออร์ลี่ไปแล้วบ้าง ที่ยังสอนอยู่บ้าง ไม่นานนักเหล่าพี่ๆ ครู ก็พากันมายังเรือนไทย
เมื่อเรารวมตัวกันนั่งพุดคุย ออกแนวย้อนรำลึกความหลังกับวีรกรรมของใครต่อใครที่เคยเป็นคนคุ้นเคยในครั้งเก่าก่อนที่เคยสอนอยู่โรงเรียนเดียวกัน จนเวลาล่วงเลยมามืดค่ำ
ในขณะที่เด็กๆ และวิทยากรทหารเรือ ก็กำลังทำกิจกรรมกันในหอประชุม
ไม่นานนัก....เสียงโทรศัพท์....จากลูกศิษย์เก่าคนหนึ่งดังขึ้น แจ้งว่ามีคนบอกว่าเห็นครูเข้ามาที่เรือนไทย ผมกำลังจะชวนเพื่อนไปเยี่ยมครู ด้วยไม่ได้เจอกันมายาวนาน
แล้วเจ้าศิษย์เก่าคนเดิม......ก็ขับรถพาเพื่อนมาอีกหนึ่งคน เพื่อมาเยี่ยมครูเก่าของเค้า
ชื่นใจ....เมื่อเห็นพวกเค้ายังระลึกนึกถึงเราอยู่ เลยแจกกอดของครูแห่งความรักศิษย์ให้ไปโดยมิหวงแหน
ชื่นใจ....เมื่อทราบว่าเค้ามีหน้าที่การงานที่มั่นคง
ชื่นใจ....เมื่อทราบว่า เค้าเป็นคนดี
ชื่นใจเข้าไปอีก....เมื่อทราบว่าหนึ่งในนั้นมีอาชีพเดียวกับครูเค้า
เด็กสองคนนั้นเลยเข้าร่วมวงสนทนาร่วมกับครูพักใหญ่ จนดึกพอประมาณจึงขอตัวร่ำลากลับบ้าน
ที่เหลือคือ.......วงสนทนาเดิมกับความคิดถึงและห่วงใยที่มีให้กันเสมอมา
แอบมีติดตลกจากพี่ชายคนเดิมคนหนึ่งว่า ....นี่ดีนะที่น้องแอนมา พวกพี่ๆ เลยได้มารวมตัวกันหล่าว....คงเหงาเพราะเออร์ลี่มาหลายปีแล้ว คงเริ่มคิดถึงเพื่อนเก่าๆ
ระหว่างนั้น.......กิจกรรมของเด็กๆ เสร็จสิ้นลง ป้าอ้อยเจ้าของเรือนไทยที่เดินไปพบแขกเดินเข้ามาบอกว่า "ลุงนัย ครูที่โรงเรียนหนูอยากเจอหนูน่ะ"
ครูแอนเลยเดินไปหาลุงนัย....
ลุงนัยบอกไม่มีอะไรหรอก ..... "แค่จะชวนไปล่องแก่งด้วยกันกับเด็กๆ ในวันพรุ่งนี้ สนใจไหม"
"สนซิคะลุง สุดๆ ไปเลย ไม่คิดแผนการนี้มาก่อนเลยนะคะ มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อนด้วยว่าจะไปล่องแก่ง แต่กลับเป็นสิ่งที่วิเศษสุดสำหรับโปรแกรมในวันพรุ่งนี้เลยล่ะค่ะลุง พรุ่งนี้เจอกันนะคะ.....ขอบคุณค่ะ......."
สนุกน่าดูทีเดียวค่ะ กับการล่องแก่งในวันรุ่งขึ้นของการเดินทางในครั้งนี้
ขอบคุณนะคะ คุณ Bright Lily
@....บันทึกการเดินทางแห่งห้วงเวลา....กับ....การคืนกลับถิ่นเก่า.....@
1 พฤษภาคม 56
ออกไปหาซื้อของฝากคนสนิทที่คิดถึง....บรรดาพี่ๆ แห่งเกาะขันธ์ประชาภิบาล....โรงเรียนแห่งแรกที่บ่มเพาะความเป็นครูให้ชีวิตครูแอนมาจวบจนบัดนี้
ในที่สุด...ครูแอนก็หอบหิ้วขนมจากตลาดกิมหยงออกมา 2 ถุงใหญ่ๆ (ใหญ่มากๆ)
และแล้ว.....การเดินทางตามใจตน.....ก็เริ่มต้นในตอนบ่ายแก่ๆ ด้วยเหตุผลที่ให้กับตนเองว่า "ไปชาร์ตแบตให้กับตัวเองเถอะนะเจ้า.....จะเปิดเทอมแล้ว....ไม่มีเวลามากนักนะ....ไปเถอะ ไปชาร์ตพลังให้ตัวเองเพื่อรับมือกับเทอมใหม่ กับเด็กๆ ชุดใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิตเรา"
โทรศัพท์นัดหมายพี่สาวคนควนขนุน จังหวัดพัทลุงอีกคนที่เคยอยู่ด้วยกันมาที่โรงเรียนแห่งนี้....ว่าน้องสาวจะไปรับนะคะ จะได้ไม่ต้องเอารถไปสองคัน มันเปลืองโดยใช่เหตุน่ะพี่....
เกือบ....ห้าโมงเย็นแล้ว.... เจ้าคนหลงตลอดยังมาไม่ถึงสักที พี่ที่นัดหมายคงเริ่มร้อนใจ มิวายส่งเสียงตามสายมาถามไถ่ว่า...แล้วหนูจะเข้ามาบ้านพี่ถูกหรือนี่ ขนาดพี่หนุ่ย(คนพัทลุง&เพื่อนสนิทพี่เอง)ยังหลงตลอดนะจ๊ะ
ไอ้ที่จะยอมถอยกลับไปหาความตั้งใจของพี่เค้าที่เธอจะเอารถออกมาเองนั้นคงยาก....อุตส่าห์มาไกลตั้งเก้าสิบกว่ากิโลฯ แล้วนะเนี่ย ลุยต่อเถอะ....
เมื่อความตั้งใจมุ่งมั่นมาถึงที่สุด....กับฉายา "หลงตลอด" ที่มีมาเก่าก่อน มันอาจจะดูดีขึ้นมาในนาทีนี้ก็เป็นได้ เลยแจ้งความจำนงในเจตนาที่จะไปรับด้วยตนเองดังเดิม และก่อเกิดเป็นพลังขับให้พลขับหลงตลอดขอทดลองดูสักตั้ง เพียงขอให้พี่เค้าบอกทางมาเรื่อยๆ ....
"หากหนูมาถึงป้ายบ้านสะพานไทร เลี้ยวขวาตรงตู้โทรศัพท์สาธารณะนะน้อง เข้ามาเรื่อยๆ ผ่านสะพานแรกห้ามเลี้ยวนะ ขับตรงมาเลย จนมาถึงสะพานที่สองตรงบ้านศาลาเณร จะมีทางแยกเล็กๆซ้ายมือที่เลยสะพานเลี้ยวเข้ามาเลยน้อง พี่จะไปรออยู่หน้าบ้าน.....อ้อ....เดี๋ยวพี่จะโทรหาเรื่อยๆ นะ ห้ามลงถามทางใครนะ โดยเฉพาะผู้ชายนะอีหนู ผู้หญิงไม่เป็นไร มันเริ่มมืดแล้ว พี่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าหนูเป็นคนต่างถิ่นน่ะ แต่เดี๋ยวพี่จะโทรบอกหนูเรื่อยๆ ละกัน ตามนี้นะ......."
แล้วการผจญภัยต่างถิ่นในชั่วโมงนี้ก็เริ่มอาการตื่นเต้นเล็กๆ ในทันที
ในที่สุดการส่งเสียงจากพี่สาวคนเดิมก็แว่วมาเรื่อยๆ เพื่อให้น้องสาวบอกตำแหน่งที่ขับผ่าน....
จนกระทั่ง....ปลายเสียงเจื้อยแจ้วมาว่า "พี่เห็นรถหนูแล้วนะ ขับตรงมาเลย บ้านพี่อยู่ก่อนถึงสะพานนะ หลังเดียวโดดๆ กลางทุ่งนาเนี่ย....
เย้.....ในที่สุด....ฉายา"หลงตลอด" ของฉันก็ถูกทำลาย ลบสถิติเก่าก่อนได้เป็นอย่างดี
บรรยากาศท้องทุ่งนาของบ้านพี่เค้าดีมากๆ อากาศสดชื๊น.....สดชื่น (เกือบจะบอกพี่เค้าไปแล้วว่า....ระหว่างทางมาบ้านพี่เนี่ย......ถ้าพี่เค้าไม่ห้ามไว้ก่อน ก็เกือบไปแล้วนะ เกือบแวะลงจอดข้างทางเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศเขียวขจีนี่แหละ ด้วยภาพต้นกล้าเขียวของต้นข้าวต้นเล็กๆ เต็มท้องทุ่งนี่แหละ มันช่าวยวนตายวนใจเหลือเกิน) แต่เราก็จอดได้ไม่นาน เพียงแค่รับพี่เค้า แล้วก็พากันขับรถต่อไปอีกไม่ไกล เพื่อไปบ้านพ่อและแม่ของพี่เค้าที่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง
แล้วเราก็ร่ำลาพ่อกับแม่เพื่อออกเดินทางต่อใน...........ส่วนที่สอง........
ก็โอเคแล้ว......ตอนนี้สำเร็จไปแล้ว.....เปลาะนึง อิอิอิ
แต่ครานี้มีคนร่วมเดินทางด้วยแล้ว......จุดมุ่งหมาย คือ เรือนไทยทักษิณา โฮมสเตย์ของอดีตหัวหน้าหมวดเรา (ที่เคยมีกันแค่สามคนนี้เท่านั้นแหละทั้งหมวด....อิอิอิ...) เธอช่างเป็นหัวหน้าหมวดที่เฝ้าเพียรโทรนัดหมายเรียกพวกเราน้องๆ ให้มาเยี่ยมโฮมสเตย์ของเธอบ้าง....เดี๋ยวเราจะไปหาเธอกัน.....
ไม่มีความเห็น
เมื่อวานนี้.....วันสุดท้ายของเดือนเมษาพาเพลิน
พี่นายช่างใหญ่ ส่งเสียงแว่วมาบอกฉันว่าพี่มาถึงหาดใหญ่แล้วครับน้อง
^_^ ดีใจจังหู้....คนบ้านเดียวกั๋น.....พ็อบกั๋นกะหายคิดถึงแล้วพี่บ่าวเห้อ ^_^
เมื่อพี่บ่าวเข้าประชุม.......
น้องสาวเห้อก็เริ่มออกเตร็ดเตร่ตะลอนหาดใหญ่ไปเรื่อยๆ ระหว่างรอ
ระหว่างนั้นโทรหาพี่นกทะเลแล้วนะคะ.....เสียดายนิดเดียวที่เราโทรกันแบบฉุกละหุกไปหน่อย ไม่งั้นได้เจอพี่นกทะเลอีกคน แต่ก็ไม่เป็นไร.....เพราะพี่นกติดธุระต้องนำพาคุณแม่ไปคลองแงะโน่น
เมื่อพี่บ่าวประชุมเสร็จ........
เราก็กำลังจะไปทานมื้อค่ำกัน พอดี๊....นึกถึงพี่หนูรี สาวคนเก่งด้านอาหารใน G2K ที่พี่บ่าวเล่าว่า.....มาครั้งก่อนพี่ได้เจอกับพี่หนูรีด้วย เลยแอบโทรส่งเสียงหาพี่หนูรีในทันทีทันใด
เธออยู่บ้านอีกต่างหาก...."จะมามั๊ยคะ .... จะได้รู้จักบ้านกันไว้" แล้วจะช้ากันอยู่ใย เร่งไปตามใจสั่งมา
ระหว่างทาง......สองพี่น้องขับคลำทางกันไปเรื่อยๆ ตามที่พี่หนูรีแจ้ง และแล้วเราก็ขับเลยไปจนได้...... เรียกได้ว่า "หลงตลอด"
"วกกลับมาน้อง" ..... นั่นแหละ....ถึงทางแยกแล้ว....เราจะไปทางไหนล่ะท่านพี่
เสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วมาอีก........."เห็นคนที่เดินกางร่มไหมคะ ตามเขาเข้ามาเลยค่ะ"
"พี่บ่าว....แล้วพี่หนูรีรู้ได้ไง".....!!!!???!!!!!....."ว่ามีคนกางร่มระหว่างทางนิ"......
ขับตามสาวที่เหลืออยู่น้อยเข้าไปจนหายสงสัย เธอออกมายืนรอรับอยู่หน้าถนน ตรงหน้าบ้านของเธอ
เห็นหน้าแต่ไกล....แม้ไม่เคยเห็นภาพในหน้า G2K ณ ปัจจุบัน แต่ภาพเก่าเมื่อตอนที่พี่เค้าเข้ามาใน G2K ใหม่ๆ ยังตรึงใจ....ใช้แล้ว หน้าตานี้เลย พี่บ่าวก็การันตี มิมีผิดคน
เมื่อมหัศจรรย์ G2K เกิด "วงสนทนาแห่งความเป็นมิตร" ก็เริ่มต้น ณ บัดนั้นจวบจนราตรีกาลเข้ามาเยือน ณ บ้านทรงไทยและสวนชื่นสุข
มหัศจรรย์ G2K อีกแล้วค่ะ........
มหัศจรรย์แห่งรัก...(ของน้องพี่)...ของ G2K
คิดๆ อยู่ ว่า จะประกาศ ขายบ้านด่วน และเปลี่ยนเบอร์ ...ฮา ..
ภาคเรียนนี้....
ฉันดีใจที่มีคาบโฮมรูมกลับมา มีเวลาตั้งหนึ่งคาบที่ฉันสามารถจะจัดการอบรมเด็กๆ ในที่ปรึกษาของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไหนๆ ตัวฉันก็ไม่มีโอกาสได้สอนห้องเค้าอยู่ด้วย พวกเค้าอยู่ ม.2 แล้ว เทอมสองด้วย หัวเลี้ยวหัวต่ออีกต่างหาก ถ้าเค้ามีปัญหา...เค้าจะยิ่งห่างพ่อแม่มากขึ้นในวัยนี้ เพื่อนคือคนสำคัญสำหรับเค้าทีเดียว
ดีจัง....เทอมนี้ฉันได้คาบนี้มาสอนเค้า....ทักษะชีวิต....นี่แหละที่ฉันอยากให้มันเกิดมีในตัวเด็กๆ พวกนี้
ดีจริงๆ ครับ อืมม... ที่จริงแล้วระดับมหาวิทยาลัยก็น่าจะมีชั่วโมงโฮมรูมครับ การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในระดับมหาวิทยาลัยได้ทำงานแค่เซ็นต์ใบลงทะเบียน ใบถอนวิชา และใบขอทุน เท่านั้นเองครับ
ที่ประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อ....มีเด็กน้อย ม.1/4 ตัวอ้วนๆ คนนึง ที่ครูแอนเองก็ไม่ใช่ที่ปรึกษาของเค้าชื่อ..เจ้าเวย์ คุยข้ามแถวมาที่ครูแอนในตอนเช้าว่า "แม่แอน..ของพี่เวิร์ล....ผมจะเรียกครูว่า...แม่แอน...ด้วยให้เหมือนที่พี่เวิร์ลเรียก" "อ้าว..." อะไรล่ะเนี่ย เลยถามไปถามมาได้ความว่าเป็นน้องชายคนสุดท้องของเจ้าเวิร์ลลูกศิษย์ตัวอ้วนที่สุดในชีวิตของครูแอน แถมเจ้าเวิร์ลนี่ก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ในที่ปรึกษาด้วยอีกต่างหาก แต่เราก็เป็นครู-ศิษย์กัน ครูแอนสอนภาษาอังกฤษเจ้าเวิร์ลมา 2 ปีเต็มๆ จนเค้าจบชั้น ม.3 นี่คงจะไปเล่าอะไรๆ ไว้เยอะให้พ่อน้องชายตัวอ้วนเกือบๆพอกันฟังเป็นแน่แล้ว เลยออกมารูปนี้แหง๋ๆ
แต่ก็เอาวะ " แม่แอนของพี่เวิร์ล" กับ "แม่แอน (ของไอ้เวย์)" เอาไงก็ว่ากันมา
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แต่ก็น่ารักดีแฮะ คิคิคิ
ถ้ายอมให้เรียกตั้งแต่สิบปีที่แล้วป่านนี้ก็ชินไปนานแล้วววววว อิอิ น่ารักดีออกเด็กนักเรียนเรียก "แม่" แสดงว่าอาจารย์ได้ใจเค้าไปเต็ม ๆ เลย มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายที่เราจะขอความร่วมมือจากเค้าในบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน+เรื่องกิจกรรม ^________^
ฮึ๊ย...ขืนให้เรียกตั้งแต่สิบปีที่แล้ว...ตั้งแต่ตอนที่ครูยังเป็นวัยรุ่นเนี่ยนะ....อึ๋ย...ไม่ได้ฟิลเลยว่ะ
อีกอย่าง...มันคงดู "แก่" ไปมั๊ง 55555 (เนี่ย...เหตุผลหลัก อิอิอิ)
อาจารย์สบายดีไหมค่ะ สอนอยู่ที่ไหนแล้ว น้องกาลตื่นเต้นมากเลยนะเนี่ยมือสั่นพิมพ์ไม่ถูกแล้วนิ
เมื่อเด็กๆ ม.5 ผ่านไป ครูแอนก็ยังเดินออกไปไหนไม่ได้ไกลนัก เจ้า ม.4 อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งก็เป็นลูกๆ ในที่ปรึกษาปีที่แล้วเหมือนเดิม เดินมากับพลพรรคอีกกลุ่มใหญ่ พร้อมดอกพุดมาลัยคล้องมือช่อใหญ่พอตัวที่เรียงร้อยมาอย่างน่าเอ็นดู พร้อมกับขอให้ครูหยุดนั่งลงอีกครั้งบนเก้าอี้ใต้ถุนอาคารตัวเดิม แล้วก็มอบพวงมาลัยคล้องมือพวงน่าเอ็นดูพวงนั้นให้แก่ครู ที่ประทับใจครูยิ่งกว่ามาลัยคล้องมือพวงนั้น...เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดบอกครูแอนว่า " ครูครับ...ผมร้อยเองเลยนะครับ....เมื่อวานนี้ "
แสดงถึงความตั้งใจจริงของเค้าเลย.....ขอบใจมากลูก ครูเลยแทนคำขอบใจด้วยคำอวยพรที่พรั่งพรูจากครูสู่ศิษย์...เหมือนกับที่ 2 กลุ่มก่อนหน้านี้ได้รับไปเฉกเช่นเดียวกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าพวกเค้า ขอบใจนะลูก...ที่ยังไม่ลืมครู
แอนคะ พี่รุ่งก็คือพี่แจ๋วไงคะ แอนเห็นภาพของพี่แล้วจำได้มั๋ยคะ
อ้าว....เหรอคะ....พี่แจ๋ว
หวัดดีค่ะ
แอนซื่อบื้อจังก่อนนี้แอนไม่ได้ดูเลยว่าพี่รุ่งก็คือพี่แจ๋ว
โทษทีค่ะพี่
พี่แจ๋ว...แอนน่ะเซฟเบอร์พี่แจ๋วไว้แล้วค่ะ ไว้ค่อนโทรคุยกับน้าเฉี้ยงน้าผันบ้างนะคะ
พี่แจ๋วสบายดีนะคะ
คงสนุกกับงานน่ะค่ะ
แอนกำลังมึนดีเลย....กับการเรียนต่อโทน่ะค่ะ....อิอิอิ....เพิ่งนึกได้....ว่าจะเรียนเลยเพิ่งเรียนน่ะค่ะ
หนำซ้ำโดนที่บ้านดังเรื่องให้เรียนก่อนนี้แล้วไม่เรียน อิอิอิ ทำไงได้ล่ะคะ ตะก่อนสนุกกับเด็ก กับชาวบ้านเพลินไปหน่อย
พี่แจ๋วสบายดีนะคะ
น้องแอน
9 มิ.ย. 54
วันนี้เป็นวันไหว้ครูที่โรงเรียน เด็กๆ ตั้งใจทำพานกันมาด้วยใจจดจ่อ
อย่าง ม.1/3 ห้องครูแอนที่แม่เค้าติดอบรม 2 วัน แต่เค้าก็ได้แม่เค้าอีกคนคือ น้องครูโต้งช่วยดูแลให้ ก็ออกมาเป็นรูปร่างที่สวยงามสร้างสรรค์เหมือนกันแฮะ...ไอ้ตัวกะเปี๊ยกของชั้น...ทำกันได้เหมือนกันนะเนี่ย...
เสร็จพิธี....ครูแอนมายืนคุยกับคุณครูอีก 2 ท่านเรื่องที่ไปอบรมมา เหลือบไปเห็นกลุ่มลูกศิษย์เก่าปีที่แล้วส่งสายตาให้ครูรีบๆ จบการสนทนาโดยไว ว่าแล้วครูแอนก็แพ้ภัยสายตาเหล่านั้น เดินเลี่ยงออกมาอย่างเสียมิได้ เจ้ากลุ่มลูกๆ ปีที่แล้วกลุ่มใหญ่ก็กรูกันเข้ามาไหว้ครูเก่าจนทำให้ครูปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น บ้างขอกอด... ก็ได้กอด กอดครู...ที่เป็นเหมือนแม่คนที่ 2 ในชีวิต เดินต่อมาอีกหน่อย เด็ก ม.5 กลุ่มลูกศิษย์เก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เข้ามาสกัดด่านเชิญครูนั่งก่อน แล้วพวกเค้าก็นั่งลงบนพื้นกราบครูจนทำเอาครูเองก็เกือบน้ำตาร่วงด้วยอาการดีใจที่เค้ายังไม่ลืมครูคนเก่าคนนี้
ไม่มีความเห็น
....เมื่อใจเค้ามา...เค้าเลยพาตัวเค้ามาหาครูแอนในวันนี้เลย ในคาบว่างที่ครูแอนนั่งทำงานไปเรื่อยใต้ถุนอาคารเรียน...ยกกันมาทั้งกลุ่มเลย 7 - 8 คนจากห้อง3/3 มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเกริ่นนำใดๆ อีกแล้ว ยิงคำถามไม่ยั้ง...ที่ตนเองอยากรู้ "ตอนครูเด็กๆ ครูทำยังไงถึงเรียนภาษาอังกฤษเก่งง่ะคะ" "ครูเรียนที่ไหนคะ...ตอน ม.ต้น" "ครูเริ่มชอบภาษาอังกฤษได้ยังไง" "....ฯลฯ...." สุดท้ายก็มาจบตรงที่เค้าระบายความในใจให้ครูฟังอย่างหมดเปลือก "ครูขา...หนูเป็นพวกเรียนรู้ช้าน่ะค่ะ เพื่อนมันยังว่าเลย เค้าเข้าใจกันไปหมดแล้ว หนูยังซื่อบื้ออยู่เลย หนูอยากอ่านอังกฤษออกแบบคล่องๆ น่ะค่ะ ...แล้วหนูจะเริ่มยังไงดีคะกับการที่จะทำให้หนูอ่านอังกฤษเก่งขึ้นบ้างคะ" เราเลยมาเริ่มกัน...ด้วย "คำศัพท์เพียงคำเดียว" ที่เจอในหนังสือตรงนั้นนั่นเอง ประกอบกับตารางเทียบเสียง สระ-พยัญชนะ ภาษาอังกฤษ-ภาษาไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้เค้าลองเทียบดูก่อน....เออ...เค้าก็เริ่มทำได้ ทีนี้ก็ชวนเค้ามาตรวจสอบคำอ่านที่ถูกต้องกับดิกชันนารี ฉบับ Oxford ทีมีบอกเสียง Phonetics
ไม่มีความเห็น
และแล้ว...วันนี้...เหตุการณ์ใกล้เคียงกับเมื่อวาน แต่เป็นเด็กผู้หญิงอีกห้องนึง...เดินมาหาครูแอนถามครูแอนว่า "คาบ 9 วันพุธครูว่างมั๊ยคะ" "ทำไมลูก" "หนูมีคาบซ่อมเสริมว่างคาบนี้แหละค่ะ...หนูอยากให้ครูช่วยสอนซ่อมเสริมให้หนูกับเพื่อนๆที่สนใจอยากอ่านอังกฤษออกน่ะค่ะ"....."โอ...เราว่างตรงกันเลย...งั้น...ได้เลยลูก...สบายมาก"
ใจมาแล้ว....เย้...สำเร็จ... ณ...วันนี้...หลังจากการสอบอ่านออกเสียงผ่านไป...
เด็กๆ เค้าค้นพบตัวตนของเค้าแล้ว(ในวิชาภาษาอังกฤษ)...เค้ารู้แล้วว่าเค้าต้องซ่อมจุดไหนในตัวเค้าที่เป็นปัญหาของตัวเค้าเอง....
ทีนี้...ก็ลุยได้เลย...ครูแอนเอ๋ย....เค้าเปิดใจแล้ว....
ไม่มีความเห็น
หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบสอบวัดพื้นฐานของนักเรียนปีการศึกษาใหม่ด้านการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษในห้องสอนที่รับผิดชอบก่อนทำการสอนบทเรียนจริงๆ (ศึกษานร.เป็นรายบุคคลทุกคนในชั้นเรียน) พบว่า นร.ส่วนใหญ่อ่านไม่ค่อยออก ในห้องหนึ่งๆ มีนร.ที่อ่านออกเสียงได้ถูกต้อง, คล่องประมาณไม่เกิน 10 คน แม้ว่าจะเป็นคำง่ายๆ กว่าระดับชั้นของเค้าเองก็ตาม คงเป็นปัญหาใหญ่ให้ครูคนนี้ต้องตามแก้ไข,ซ่อมแซมให้เค้าอย่างหนักหนาแล้วล่ะ..แต่แล้วก็...อดอมยิ้มกับตัวเองไม่ได้ เมื่อวานนี้มีเด็กผู้ชายคนนึงที่เค้าอ่านไม่ค่อยออกและดูเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยกล้าพูดซะด้วย แอบเดินหนีเพื่อนในกลุ่มและเดินมาหาครูเพื่อบอกครูในตอนหมดคาบเรียนว่า "ครูครับ...ครูไม่เปิดวิชาเพิ่มเติมที่สอนเกี่ยวกับการฝึกหัดสะกดคำและอ่านออกเสียงคำศัพท์ที่ถูกต้องบ้างเหรอครับ" "ทำไมล่ะลูกครับ" "ผมอยากอ่านออกครับ"....แค่นี้...ใจเค้าก็มาแล้ว...เย้....เต็มที่เลยลูก...."ครูไม่เปิดแล้วล่ะลูก...แต่...ถ้าผมอยากอ่านออกมาหาครูตอนที่ผมว่างและเห็นครูว่างเนาะ..เดี๋ยวครูสอนให้"..."ครับ"....(จ้า)
เป็นกำลังใจให้น้องแอนนะคะ เมื่อเด็กตั้งใจเต็มทีอย่างนี้แล้วย่อมง่ายกว่าบังคับให้เด็กมาเรียนซ่อมเสริมเพิ่มเติมนะคะ
เมื่อวานนี้ครูแอนและทีมงานในหมู่บ้านโดยการนำของท่านกำนันสุรพงษ์ เพชรจำรัส นำขบวนกองคาราวาน ขนของใช้ที่จำเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง เสื้อผ้าและอื่นๆ ขนกันไปกับรถของทหารพรานที่มาตั้งกองร้อยในหมู่บ้านลำไพลเพื่อไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ อ.ท่าศาลา ที่ อ.นบพิตำ รวม 3 จุด พวกเราโดยสารกันไปกับรถตู้ส่วนหนึ่งโดยไปมอบให้กับมือของเพื่อนชาวใต้ผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมแผ่นดินสไสด์ตัวเพื่อเป็นการส่งต่อกำลังใจช่วยเหลือเพื่อนชาวใต้ด้วยกัน
บางคนบ้านหายวับไปกับสายน้ำและดินโคลนที่ไหลผ่าน บ้างต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก พื้นที่หลายแห่งต้องซ่อมแซมกันเป็นการเร่งด่วนเพื่อให้มีโอกาสได้ติดต่อกับโลกภายนอก เพื่อการขนถ่ายความช่วยเหลือต่างๆให้เข้ามาได้อย่างสะดวกขึ้น จุดสุดท้ายที่ครูแอนจะไปนั้นพวกเราเข้ากันไปไม่ได้ เลยต้องโทรติดต่อท่านปลัด อบต.เพื่อออกมารับของกับรถโฟร์วีลเนื่องจากถนนกำลังซ่อมและมีรถไฟฟ้าที่จะเข้าไปช่วยเหลืออีกด้านหนึ่งติดหงึกอยู่ตรงกลางถนนนั้นเอง
พวกเราขอส่งกำลังใจให้เพื่อนชาวใต้ที่ประสบภัยมีกำลังใจที่เข้มแข็งนะคะ
ไม่มีความเห็น
ขณะที่สอบแก้ตัวก็จะประมาณเหมือนสอนพิเศษมากกว่า เรียกว่าสอนกันแบบตัวต่อตัวมากกว่า ตรงไหนไม่ได้ก็ซ่อมให้ว่างั้น เพราะทราบกันดีว่าในเวลาปกติความสนใจเค้าอาจจะมีน้อย ประกอบกับเพื่อนนักเรียนเยอะ คงไม่ทัน แต่เวลานี้มีแต่เค้ากับครูและเพื่อนอีกไม่หลายคนเลนสอนทุ่มทุนสร้างกันใหม่ ครูแอนเองเวลากลับ 5 โมงเย็นเสมอๆ พี่คนที่โดนเรื่องหนักกว่าเพราะเค้าบ้านอยู่ในพื้นที่โรงเรียนบางครั้งก็กลับเกือบทุ่ม เรียกว่าทุ่มเทอย่างมาก จนพี่คนเดียวกันนี้ บอกว่า "สอนลูกเอง ยังไม่ได้เท่านี้เลย สอนลูกชาวบ้านหนักกว่าหล่าว" เป็นอย่างนี้มาตลอดทุกวัน ครึ่งเดือนมาแแล้ว ขนาดวันที่ 2 เมษายนที่โรงเรียนปิดแล้ว แต่วันนี้ต้องมาทำงานครึ่งวันเช้าในการรับรายงานตัวนร.เข้าใหม่ พวกกลุ่มครูภาษาอังกฤษก็ยังอุตส่าห์นัดนร.ที่ยังค้างสอบหรือสอบยังไม่เสร็จมาสอบอ่าน สอบแก้ต่อ
และแล้ว...ในวันเดียวกันนี้เองก็เกิดเรื่องจนได้กับพี่ครูในกลุ่มสาระครูแอนเอง และเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่บั่นทอนกำลังใจของพวกเราไม่น้อย
ไม่มีความเห็น
หลังจากออกไปทานข้าวเที่ยงเสร็จกลับขึ้นมาคุมสอบต่อในภาคบ่าย ด้วยวิธีการใหม่ (แผนการสั่งสอนเจ้าตัวแสบ) ด้วยท่าทีนิ่ง, เงียบ, ไม่ยิ้ม,ไม่สดใส ไม่หัวเราะร่าเริงเฉกเช่นเคย เริ่มขึ้นแล้ว
ชั่วโมงสอบคาบแรกในภาคบ่ายผ่านไป คาบสองผ่านไป มีนร.หลายคนในห้อง 3/1 เริ่มสัมผัสและจับกลิ่นอายแห่งความแปลกไปของครูแอนได้ จนกระทั่งมีคุณครูข้างๆ ห้องมาขอช่วยให้ครูแอนไปคุมสอบอีกห้อง(3/2)แทนเนื่องจากคุณครูเค้าจะไปเข้าห้องน้ำ ครูแอนก็ไปคุมห้องให้ แต่แอบต่อยอดแผนการด้วยท่าทีเดิมที่วางแผนไว้ เด็กคนที่เคยวิ่งมาบอกมองครูแอนแล้ว..มองอีก คงงงว่าทำไมครูมาแปลก (เอ๊ะ) แต่หลังจากได้รับดอกไม้(...)ด้วย เล่นเอาห้อง 3/2 เงียบกริบตามไปด้วย 5555 เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในชั่วโมงหลังสอบเสร็จ จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น.........
ไม่มีความเห็น
นึกๆ แล้วก็ขำเหมือนกันนะเนี่ย กับลูกศิษย์ในที่ปรึกษาห้อง 3/1 รุ่นนี้ ดูรึ...ดูมันทำกันไปได้ ประสบการณ์แปลกๆ ที่ครูคนไหนๆอาจจะไม่เจอ
เอ..แล้วจะมีครูคนไหนเจอประสบการณ์แปลกๆ แบบเราบ้างมั๊ยหว่า....5555
ขนาดวันสอบปลายภาค...ใกล้จบกันแล้ว...ยังเจอวีรกรรมแสบๆ อีกจนได้….
ครูแอนลงมาที่รถยนต์กำลังจะออกไปทานอาหารเที่ยง “ตกใจ...เลย”เห็นดอกไม้จันทน์สีแดงสดวางอยู่ที่หน้ากระจกรถยนต์ บอกได้คำเดียวเลยว่า “ตกใจมาก...มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันเนี่ย” หลังจากเงอะๆงะๆ อยู่ด้วยความตกใจ, เครียด และอาการงงๆ จู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงอีกคนจากห้องอื่นวิ่งเข้ามาหาและก็บอกครูแอนว่า “ครูๆ ไอ้แม็คกะไอ้เอ็กซ์เด็กห้องครูน่ะแหละ มันจะแกล้งครู”
อ๋อ...ณ...วินาทีนั้น....แปลกเหมือนกันนะ...จากอาการตกใจ, เครียด, งง ในตอนแรกกลับมลายหายไปสิ้นเมื่อรู้ตัวเจ้าตัวแสบต้นตอคนนำดอกไม้จันทน์มาวางไว้หน้ากระจกรถยนต์เพื่อแกล้งครู ณ วินาทีนั้นคิดเลยต้องสั่งสอนมันใหม่ซะแล้ว!!...อิอิอิ
ไม่มีความเห็น
สรุปผลการรับถ้วยชนะเลิศในการแข่งขันกีฬาหน่วยสีโรงเรียนเทพา ของสีฟ้า...ปี 2553...ถ้วยกีฬาทั้งหมด................7 ถ้วย ถ้วยพาเหรดยอดเยี่ยม.........1 ถ้วย ถ้วยกองเชียร์ยอดเยี่ยม........1 ถ้วย รวม 9 ถ้วย
ได้มากกว่าทุกๆ สีนะเนี่ย...ด้วยความร่วมมือร่วมใจของเด็กๆ และสมาชิกเพื่อนครูทั้งทีม
ครูอ้อ...เดินมาบอกว่า "เราทำกันได้แล้วแอนเด็กๆ เค้าเต็มที่กับพวกเรา กีฬาเธอทำให้เด็กๆได้ถ้วยเยอะเลย ส่วนกองเชียร์ของฉันกับพี่รัชนีก็ไม่น้อยหน้า สุดๆ กันเต็มที่จนได้มาอีก 2 ถ้วย ฉันถือว่าสำเร็จนะ...เพราะครูสีฟ้าเรามีน้อยกว่าทุกๆ สี เพราะไปเป็นกรรมการกลางซะหลายคน แต่ครูทุกคนที่เหลือก็เต็มที่กับงานที่ตัวเองรับผิดชอบแล้วลุยกันสุดๆ...ฉันว่าปีหน้าเราขอให้เค้าอยู่สีเดิมกันอีก เธอเอาด้วยมั๊ยแอน" "...เอาสิอ้อ..."
ไม่มีความเห็น
งานกีฬาเครือข่ายและหน่วยสีโรงเรียนเทพาเสร็จสิ้นซะที หลังจากเรียนคาบละ 40 นาทีมาเป็นเดือน อ๊ะ...แต่หนักตรงที่เสร็จกีฬามาถึงก็สอบกลางภาคทันที
สงสารทั้งเด็กทั้งครู....กิจกรรมเยอะมาก....ไม่ค่อยได้เรียนเนื้อหาวิชาการซักเท่าไหร่เลย
แต่พวกเค้าคงได้ "ทักษะชีวิต" แทน ก็ O.K. ล่ะ
ไม่มีความเห็น
หนักเข้าไปกว่านั้น...เมื่อเป็นโค๊ชวอลเลย์เสร็จ...ครูแอนก็พุ่งไปสนามเซปัคตะกร้อด้วยจักรยานที่ยืมมาจากน้องครูชัย เพื่อขี่ไปหาเด็กๆ นักตะกร้อ (อิอิอิ...เด็กๆ ฮาเลยที่เห็นภาพเช่นนี้ของครูแอน) พอไปถึงสนามตะกร้อเพื่อไปเชียร์และให้กำลังใจเด็กๆ สีฟ้าตามหน้าที่โค๊ชกีฬาที่ดี ไอ้เจ้าบัลลังค์ที่กำลังหวดลูกหวายอยู่ในเกมการแข่งขันชิงชนะเลิศ...ดันหันมาเห็นครูแอน...แล้วตะโกนซะลั่นสนาม...เพื่อบอกเพื่อนอีกสองคนที่กำลังแข่งอยู่ด้วยกันว่า..."เฮ้ย...เจ๊แอนมา"--โอ๊ย...ดูมันทำกันไปได้ (ซะลั่นเลย) ครูแอนเลยต้องสวนไปว่า "มาเชียร์ๆ แล้วนะ...เล่นไปเลย ตั้งใจเล่นเลยลูก"-- อีกพักใหญ่จึงขอตัวออกมาจากสนามตะกร้อเพื่อมาเป็นโค๊ชวอลเลย์ฯ ต่อในรายการสุดท้ายสำหรับวันนี้ ไอ้เจ้าตัวเล็กนักกีฬาตะกร้อรุ่น 14 ปี ก็วิ่งมารายงานครูแอนถึงขอบสนามวอลเลย์ฯ ว่า --- "ครูครับๆ ได้ที่หนึ่งครับครูทั้งรุ่นผมทั้งรุ่นพี่เลยครู"--"โอ...เยี่ยมมาก...สุดยอดเลย" แล้ววอลเลยบอลในรายการสุดท้ายของวันก็ได้ที่หนึ่งอีก
มันเลยทำให้ครูรู้ว่า "เนี่ยแหละ...ผลของใจแลกใจ" ...มหัศจรรย์จริงๆ...
ไม่มีความเห็น
รึว่า...มันมีผลทางใจเหรอเนี่ย... วันแรกที่เราเริ่มแข่งกีฬา...ครูใส่เสื้อสีอื่นที่ไม่ใช่สีฟ้า มีแต่คนทักครูกันอื้อเลย แต่วันนั้นกลายเป็นสีฟ้าชนะหลายรายการเพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศ มาวันที่สองของการแข่งขันกีฬา......ครูใส่เสื้อสีฟ้าเพื่อสีตัวเอง แต่วันนั้น.....สีเราแพ้ไปหลายรายการเช่นกัน มาเช้าวันนี้.....เมื่อครูแกล้งใส่เสื้อสีอื่นที่ไม่ใช่สีฟ้า ไอ้ลิป(นักกีฬาวอลเลย์บอล) เดินมาทักครูก่อนใคร.... "ว้าว...ดีจังที่ครูไม่ใส่เสื้อสีฟ้า ครูๆ ผมว่าวันนี้สีฟ้าชนะอื้อแน่นอนเลยครู" ----อ้าว....เป็นงั้นไป---- เอาเข้าจริงๆ ....วันนี้....สีฟ้าผ่านเข้าชิงชนะเลิศหลายรายการมาก แถมชนะเลิศเกือบทุกรายการจนครูพละงงกันไปเหมือนกัน อิอิอิ (รึว่า...เพราะครูแอนไม่ได้ใส่เสื้อสีฟ้า 55555)
ไม่มีความเห็น
ยินดีและดีใจเป็นที่สุดที่วันนี้โค๊ชกีฬาสมัครเล่น...อย่างครูแอน...สามารถนำพานักกีฬาของสีฟ้าเข้าชิงรอบชิงชนะเลิศในหลายๆ รายการ และก็ชนะเลิศได้หลายรายการเยอะแยะมากๆ ทั้งๆ ที่สีของเราแทบจะไม่มีนักกีฬาเก่าของสีหลงเหลืออยู่เลยและไม่มีแม้กระทั่งนักกีฬาตัวแทนของโรงเรียนเลย
แต่ในที่สุด....ใจต่อใจ / ใจแลกใจ......ก็ปรากฎผลให้ครูเห็นแล้วลูก
ว่าพวกนี้ทำได้...เราร่วมกัน,และสามัคคีกันได้เป็นอย่างดีที่สุด (แม้ครูจะกรำแดดหนักไปหน่อยตอนตะลอนตามดูพวกแก 5555)
ขอบใจมากไอ้ตัวแสบทั้งหลายของครู
ไม่มีความเห็น