krutoo' s habitat


อาจารย์ไม่มีระดับ
คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
Username
krutoo
สมาชิกเลขที่
56810
เป็นสมาชิกเมื่อ
เข้าระบบเมื่อ
-
(ไม่มีตั้งแต่ พ.ศ. 2564)
ประวัติย่อ

จบมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายที่ ร.ร. ปทุมพิทยาคม จ.อุบลฯ

จบปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต(เกษตรศาสตร์) เกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2536

จบปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต(สัตวศาสตร์) จากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2542 ได้รับทุนคุรุทายาทระดับอุดมศึกษาจาก สถาบันราชภัฏมหาสารคาม(ชื่อเดิม)

จบปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต(สัตวศาสตร์) จากคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2551 ได้รับทุนโครงการเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร และ ทุนพัฒนาอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

                              ขอดเกล็ดชีวิต

                      ผมสะดุ้งตื่นพร้อมความเจ็บปวดจากการเผลอตบหน้าตัวเองอย่างจัง!!!!  มองดูนาฬิกาเป็นเวลาตีสาม ค่ำคืนที่ร้อนอบอ้าวมักมาพร้อมกับยุงเสมอ การนอนคลุมโปงหลบหนียุงทำไม่ได้เหมือนฤดูหนาว งานวิสามัญฆาตกรรมยุงจึงเริ่มขึ้นแต่เช้าแทนการทำบุญตักบาตร

                       นั่งหอบ ปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ไม่สามารถข่มตาให้หลับ นั่งเหม่อลอยไปนอกหน้าต่าง เสียงแอร์ห้องอื่น ครางหึ่ง หึ่ง หลายคืนแล้วสินะที่ผมต้องตื่นมากลางดึกแบบนี้ กับคำถามเดิมที่วนเวียนอยู่ในหัว

                       ณ. เวลาเดียวกันนี้เมื่อสามสิบปีก่อน ชายคนหนึ่งคงจะนอนไม่หลับเหมือนผม เขาต้องลุกออกมาทำภารกิจที่สำคัญเพื่อครอบครัว ท่ามกลางความอบอ้าวของอากาศ

                       เป็นเพราะเขาแบ่งพันธุกรรมครึ่งหนึ่งให้กับผม เงื่อนไขต่าง ต่างในชีวิตจึงเกิดเหมือนกับคู่แฝด คืนนี้ เวลานี้ ความทุกข์ยากลำบากกายของเราจึงแบ่งปันกัน เพียงแต่เป็นคนละ พ.ศ.

                       จาก ป.3 ครึ่ง เงินสินสอด 400 บาทพร้อมแม่ไก่หนึ่งตัวได้เปลี่ยนเป็นวัวอีกหนึ่งแม่จนผันแปรเป็นนาอีกมากหลายด้วยแรงกายของชายผู้นี้ ในที่สุดดอกเหงื่อได้ผลิบานสร้างความชุ่มชื้นให้แก่จิตใจเขายิ่งนัก ภารกิจบรรลุ ลูก เมียคงสบายเสียที

                       “เจ้าสิเฮ็ดนาไปจนตายซั่นติ ! หิฟ้าวไปอยู่ในเมืองพู้น ลูก ๆจะได้เฮียนสูง สูง เป็นเจ้าคนนายคน เหมือนผู้แทนที่เพิ่นมาแจกเงิน แจกงานเราทุกปี บ่แน่ ลูกเจ้าสิได้เป็นผู้แทน มาช่วยหมู่บ้านเราก็ดั้ยเด้อ !! ” หลายคนในหมู่บ้านกระตุ้นแล้ว กระตุ้นอีก

                    ไม่นานนักเขาได้เปลี่ยนแนวคิด วิถีชีวิต จาก “ทำมาหากิน” เป็น “ทำมาค้าขาย” แล้วต่อจากนั้น................

                     ทุก ทุกตอนเช้า ผมไม่เคยเห็นหน้าพ่อสักครั้ง พ่อต้องทำมาค้าขายก่อนไก่ตื่นทุกวัน ผมได้แต่ไปโรงเรียน เรียน เรียน เรียน แล้วก็เรียน จนกระทั่งทุกวันนี้ผมก็ยังเรียน เรียน แล้วก็เรียน เป็นชีวิตที่เน้นการเรียนรู้อยู่ตลอด

                      การละเล่น ของเล่น เป็นสิ่งที่อยากทำ อยากได้มาก แต่ก็ไม่เคยง้างปากขอ เพราะต้องรอภารกิจพ่อให้สำเร็จก่อน ลำพังการส่งเสียให้ผมเรียนก็สาหัสสากรรฉ์อยู่แล้ว  

                      แม้ผมจะไม่ค่อยได้เล่นเหมือนคนอื่น อื่น แต่ลึก ลึก ผมก็เป็นคนขี้เล่นนะ.....เพียงแต่ไม่ชอบเล่นขี้เท่านั้น(ยกเว้นตอน 3 ขวบ)

                         “เฮียนให่มันสูง สูงเด้อ ! กูอยากให้สูซำบาย บ่ ทุ๊ก บ่ยากคือกู”  พ่อมักย้ำประโยคนี้กับผมและพี่สาวเสมอ

                           บรรดาพ่อของเพื่อนที่เรียนด้วยกันหลายคนบากบั่นทำงานหนักจนได้เป็น “เจ้าสัว”

                             แต่พ่อผมยังเป็น “เจ้าสุม” อยู่กับปัญหาที่รุมเร้าเฝ้าสุมอยู่มิได้ขาด กว่าจะประคับประคองครอบครัวฝ่ามรสุมชีวิตที่มาเป็นระลอก ระลอกอย่างรุนแรง ทำให้กายและใจของพ่อชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก

                        ปัจจุบันสองสิ่งนี้ยากที่จะซ่อมแซมเสียแล้ว

                        จากวุฒิ ป.โท  3 ปีครึ่งเหมือนพ่อ ต่างจากพ่อคือ ไม่มี เงิน  แม่ไก่ โค และผืนนาเหมือนพ่อ จะมีก็เพียงกระดาษใบหนึ่งเท่านั้นที่นำมาแลกเอางาน

                        ผมได้งานมีเงินเดือนประจำ พ่อแม่ไม่ต้องทำงานหนักส่งเสียอีก

                              ภารกิจผมบรรลุผลเหมือนพ่อ......... ครอบครัวผมคงจะสบายแล้วหล่ะ..............

 “เป็นครูบาอาจารย์ จะมีวุฒิแค่นี้ได้อย่างไรกันทั่น!!!   อีกหน่อยสถาบันก็จะเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัย ต้องเป็นด๊อกเตอร์ตั๊วะ!!อาจารย์ มันจั๊งสิคือ” หลายคนกระตุ้นแล้ว กระตุ้นอีก

                        พี่แจ้ครับ..และแล้ว..ผมก็ได้เปลี่ยนแนวคิด การดำเนินชีวิตเหมือนพ่ออีกครั้ง

                        จากนั้น ทุก ทุกเช้า   ลูกก็ไม่เคยได้เห็นหน้าผมสักครั้ง “พ่อไปเรียนหนังสือ วันศุกร์จะกลับมา” เป็นประโยคที่ลูกชายตอบเมื่อมีคนถาม แต่ก็แปลกมักมีคนถามทุกวัน...

 “ที่พ่อต้องไปเรียนก็เพราะว่าพ่ออยากให้ลูกสบาย ไม่ทุกข์ไม่ยากเหมือนพ่อเหมือนทุกวันนี้” เป็นประโยคคุ้น ๆ ที่ผมย้ำกับลูกชายเพื่ออธิบายถึงเหตุผล

                           ทำไมผมถึงไม่ได้อยู่กับเขาและแม่ทุกวันเหมือนพ่อแม่คนอื่น  อื่น

 “พ่อน้องปิ๊กไม่เห็นต้องไปเรียนเหมือนพ่อ ปิ๊กยังสบายมีเงินซื้อขนมแบ่งผม มีรถมารับไม่ซ้ำคัน และปิ๊กยังได้ไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี” ปิ๊กคือลูกเพื่อนผมซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น

                เงินส่งเสียผมเรียน แม้กระทั่งลูกป่วย รถยนต์ บ้าน ก็ได้พึ่งปู่และพ่อของปิ๊กนี่แหล่ะช่วย เพียงแต่เอาดอกเหงื่อไปลดดอกเบี้ยให้ทั่นทันเท่านั้นเอง
 
                 พ่อปิ๊กยังเป็นบุคคลที่หลายมหาวิทยาลัยมอบปริญญาให้กับเขาทุกปี เพราะคุณประโยชน์ที่เขามอบให้ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล ร้านขายรถยนต์เอื้ออาทร โครงการบ้านจัดสรรราคาถูกให้กับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย...

ทุก ทุกครั้งที่ลูกถาม ผมไม่มีคำตอบได้แต่ฝืนยิ้ม ครุ่นคิดจนหัวแทบแตกกับคำถามที่ไม่มีคำตอบมาหลายชั่วอายุคน...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท