การแสดงความคิดเห็น


ควรเสนอแนวปฏิบัติด้วย

    เมื่อกี่นี้ค้างเอาไว้ว่าพวกเรา (นักวิจัย และประธานเครือข่ายฯ)  ควรเป็นผู้เสนอแนะหรือแสดงความคิดเห็นจะดีกว่า  เมื่อพูดถึงตรงนี้ทำให้ผู้วิจัยคิดถึงคำพูดของอาจารย์ ดร.ชาติชาย  ซึ่งเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับผู้วิจัย  ท่านได้เคยคุยกับผู้วิจัยและบอกว่า  เมื่อเราจะเสนอความคิดเห็น  ข้อเท็จจริง  หรือสภาพปัญหาต่างๆไปยังผู้บังคับบัญชานั้น  จริงอยู่ว่าข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เราควรนำเสนอ  แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ  เราต้องเสนอทางออกหรือวิธีการแก้ไขให้กับท่านเหล่านั้นด้วย   ส่วนท่านจะรับฟังหรือไม่รับฟังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราคาดเดาไม่ได้  แต่ถ้าเราได้ทำไปแล้ว  ผลจะออกมาอย่างไรเราก็ไม่ต้องเสียใจหรือเสียความรู้สึก  เพราะเราได้ทำดีที่สุดแล้ว

    การที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพราะผู้วิจัยเห็นว่ามีความสำคัญสำหรับการพัฒนาเครือข่ายฯเป็นอย่างมาก  เพราะ  ที่ผ่านมาเราพูดถึงแต่ปัญหา  เอาปัญหาออกมากางแผ่ให้ทุกคนได้รับทราบ  แต่บางทีเราอาจลืมไปว่า  การที่เรารู้ปัญหาและยอมรับความจริงเป็นสิ่งที่ดี  แต่ถ้าเราไม่แสวงหาวิธีการแก้ไข  ปัญหาก็จะไม่มีวันจบสิ้น  แล้วในที่สุดปัญหานั้นก็จะย้อนมาทำร้ายเรา  สิ่งที่ผู้วิจัยเห็นชัดที่สุดก็คือ  อย่างน้อยปัญหาเหล่านี้ก็ทำให้เราเครียด  ดังนั้น  จึงขอสรุปว่า  การสะท้อนข้อเท็จจริงนั้นเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็น  แต่ที่ดีและจำเป็นมากไปกว่านั้นก็คือ  เราต้องเสนอแนวทางในการแก้ไขด้วย  และถ้าจะให้ดียิ่งๆขึ้นไปก็ควรที่จะต้องลงมือปฏิบัติด้วย

    ที่ผ่านมาสังคมไทยของเราที่มีปัญหาส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มีแต่คนพูดแต่ไม่ทำ  เมื่อไม่ทำแล้วจะทราบได้อย่างไรว่าผลจะออกมาอย่างไร  เปรียบเสมือนการจัดการความรู้ก็เช่นเดียวกัน  เชื่อไหมคะว่าจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา  (ของการเริ่มทำโครงการ)  และกว่าปีที่ผ่านมาที่ได้มีการประชุม  อบรม  สนทนาในเรื่องการจัดการความรู้  แต่ผู้วิจัยก็ยอมรับว่ายังไม่เข้าใจเกี่ยวกับการจัดการความรู้ที่ดีพอ  แม้กระทั่งในวันที่มีรายงานความก้าวหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา  ผู้วิจัยยังปรารภกับนักวิจัยทีมอื่นๆว่าไม่รู้ที่ทำมา 6 เดือนเป็นการจัดการความรู้หรือเปล่า  รู้สึกเครียดและกลุ้มใจมาก 

   กัลยาณมิตรที่แสนดี  ผู้เป็นทั้งเพื่อน  ทั้งพี่  ทั้งอาจารย์  และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างในเวลาเดียวกันอย่างอาจารย์สุกัญญาก็ได้บอกกับผู้วิจัยว่า  อย่าไปคิดมากเลย  ที่ผ่านมาทำอะไรก็เป็นการจัดการความรู้ทั้งนั้นแหละ  เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ให้เราได้เรียนรู้  ทำให้ชุมชนได้เรียนรู้  และอีกอย่างหนึ่ง  คือ  การจัดการความรู้นั้นถ้าจะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งต้องลงมือปฏิบัติ  ไม่ใช่นั่งคิด  นั่งวาดภาพอย่างเดียว  ก็คงเหมือนกับที่ผู้วิจัยได้รับความรู้จากอาจารย์ประพนธ์  ผู้วิจัยจำได้ว่าอาจารย์เคยบอกว่าการจัดการความรู้นั้นต้องลงมือทำ

   ขอกลับเข้าสู่ประเด็นสนทนาระหว่างผู้วิจัยกับคุรสามารถต่อนะคะ  นอกจากเรื่องที่ทำการเครือข่ายแล้ว  เราได้มีการพูดคุยในเรื่องค่าเฉลี่ยศพด้วย  โดยผู้วิจัยเป็นผู้เปิดประเด็นในเรื่องนี้ว่าจากข้อมูลที่ได้จากการลงภาคสนามในแต่ละกลุ่ม  เสียงสะท้อนที่ออกมา  คือ  ตอนนี้บางกลุ่มเงินไม่พอที่จะจ่ายสวัสดิการและค่าเฉลี่ยศพ  เนื่องจากค่าเฉลี่ยศพสูง  ทำให้ต้องไปยืมเงินจากกองทุนธุรกิจชุมชนมาจ่าย  เราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร  จริงอยู่ที่ว่าตอนนี้สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เงินไม่พอ  เพราะเครือข่ายฯผิดพลาดไม่ได้เก็บเงินค่าเฉลี่ยศพตั้งแต่ศพที่ 7-100  ทำให้ต้องเก็บย้อนหลัง  ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่เรียบร้อย  แต่ถ้าปล่อยให้มีสภาพนี้ต่อไป  เครือข่ายฯจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น  เพราะ  คณะกรรมการยังไม่เข้าใจว่าถ้าเงินไม่พอสามารถมาเอาจากกองทุนกลางที่แต่ละกลุ่มส่งให้เครือข่าย 20% ในแต่ละเดือนได้  ขณะนี้พอเงินไม่พอ  บางกลุ่มก็เริ่มไมสบายใจ  เครือข่ายฯจะแก้ไขอย่างไรที่จะทำให้บัญชีกองทุนต่างๆเป็นปัจจุบันจะได้ทราบสถานะการเงินที่แน่นอน  คุณสามารถไม่ตอบในเรื่องนี้  แกคงเครียด  ผู้วิจัยจึงได้เสนอว่า  ถ้าเราใช้เวทีการประชุมประจำเดือนมาแก้ไขปัญหาโดยการพูดถึงปัญหาไปเรื่อยๆ  เรื่องก็คงไม่จบ  ทำไมเราจึงไม่ใช้เวทีนี้สัก 1 เดือน  เคลียร์บัญชีทั้งหมด  เรียกทุกกลุ่มมา  ให้ทุกกลุ่มเคลียร์  ถ้ากลุ่มไหนไม่พร้อมก็ให้เขานัดวันเวลาที่พร้อมมาเลย  ฝ่ายตรวจสอบ  และรองประธานที่ดูแลแต่ละกองทุนจะได้เข้าไปเคลียร์บัญชีให้เรียบร้อย  เมื่อพูดถึงตรงนี้คุรสามารถก็ยังไม่ออกความเห็นอะไร  ผู้วิจัยจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุม  ให้คณะกรรมการเป็นผู้ตัดสิน  และหาทางออกจะดีที่สุด

     เกือบลืมค่ะ  เรื่องค่าเฉลี่ยศพยังไม่จบ  ตอนนี้ความเห็น (เท่าที่ได้รับทราบมาจากเครือข่ายฯ) สะท้อนออกมา 2 แนวทาง ได้แก่  ควรมีการเก็บค่าเฉลี่ยศพแบบเดิม  คือ  กลุ่มไหนที่เข้ามาเป็นสมาชิกของเครือข่ายครบ 180 วันให้เก็บค่าเฉลี่ยศพส่งมาที่เครือข่ายฯ  สำหรับสมาชิกที่เข้ามาใหม่ในแต่ละกลุ่มถ้าเข้ามาต้องเก็บเงินค่าเฉลี่ยศพส่งมาที่เครือข่ายเลย ข้อดีของแบบนี้  คือ  คิดค่าเฉลี่ยศพง่าย  และค่าเฉลี่ยศพจะลดลงถ้าแต่ละเดือนมีสมาชิกใหม่มากขึ้น  แต่ก็มีข้อเสีย (ในความเห็นของผู้วิจัย) คือ  ทำให้แต่ละกลุ่มไม่มีเงินอยู่ในมือ  เพราะแม้แต่คนเข้าใหม่ก็ต้องเอามาเฉลี่ยด้วย   หรือเป็นแบบใหม่  คือ  กลุ่มไหนที่เข้ามาเป็นสมาชิกครบ 180 วันให้เก็บค่าเฉลี่ยศพส่งมาที่เครือข่ายฯ  ส่วนคนที่มาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ในแต่ละกลุ่มถ้ายังไม่ครบ 180 วันก็ยังไม่ต้องนำเงินของคนเหล่านั้นมาจ่ายเฉลี่ยด้วย  ซึ่งมีข้อดี  คือ  ทำให้กลุ่มที่มีสมาชิกใหม่มีเงินอยู่ในมือ  ส่วนข้อเสีย  คือ  การคิดคำนวณจะยากกว่าแบบแรก  และสมาชิกต้องเสียค่าเฉลี่ยศพสูง  เพราะไม่นับรวมสมาชิกใหม่  

     ในประเด็นเรื่องค่าเฉลี่ยศพนี้เราถกเถียงกันอยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบ  เพราะต่างคนต่างก็มีมุมมองของตนเอง  สำหรับผู้วิจัยเห็นว่า  เมื่อเป็นกองทุนสวัสดิการชุมชนก็ควรให้เงินส่วนใหญ่อยู่ในชุมชน  แต่สภาพปัจจุบันเงินส่วนใหญ่ถูกส่งมาที่เครือข่ายฯ กลุ่มไม่มีเงินอยู่ในมือ  ทำให้คณะกรรมการเกิดความกังวลใจ  และไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม  ผู้วิจัยเปรียบเทียบให้เห็นว่า  เหมือนกับเราทำงาน  ทำมาแทบตาย  แต่ไม่ได้ใช้เงิน  เอาไปให้คนอื่นใช้หมด  เราก็ไม่มีกำลังใจ  ไม่รู้จะทำไปทำไม  เปรียบเทียบกับกลุ่มก็เช่นเดียวกัน  ถ้าเขาเก็บเงินมาซึ่งเป็นเงินของชุมชน  แต่ส่งมาที่เครือข่ายฯเกือบหมด  เขาไม่มีเงินในหน้าตักหรือมีน้อย  เขาก็อาจไม่มีกำลังใจในการทำงาน  แต่ผู้วิจัยก็ยอมรับว่าในความเป็นจริงแล้วเราต้องใช้หลักการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข  กลุ่มใหญ่ต้องช่วยกลุ่มเล็ก  กลุ่มเล็กต้องพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งไม่เป็นภาระของกลุ่มใหญ่  การส่งเงินมาที่เครือข่ายฯเป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข

    ขณะที่คุณสามารถบอกว่าผู้วิจัยยังไม่เข้าใจหลักการเรื่องวันละบาทดีพอ  หลักการนี้ต้องการให้คนมาช่วยเหลือกัน  มาเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขกัน  เงินเพียงวันละ 1 บาท/คนไม่สามารถนำมาจัดสวัสดิการได้เพียงพอถ้าไม่นำเงินมารวมกัน  แล้วช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  ซึ่งผู้วิจัยเห็นด้วยในข้อนี้  แต่มีคำถามอยู่นิดหนึ่งว่าจะมีวิธีการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขวิธีอื่นไหมที่จะทำให้ชุมชนได้บริหารจัดการเงินของตนเองให้ได้มากที่สุด  ให้เงินอยู่ในชุมชนมากที่สุด  เพราะ  กองทุนนี้เป็นกองทุนของชุมชน

 

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 9966เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2005 14:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2012 23:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)
อ่านเพลินเลยคะ..ไหนบอกว่าไม่ถนัดเรื่องขีด ๆ เขียน ๆ ไงคะอาจารย์...

ประเด็นหลังสุดนี้ สงขลาน่าจะเป็นตัวอย่างได้ ครูชบเสนอว่าสมาชิก100คนก็ทำได้แล้ว พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์เลวร้ายสุดๆ คือสมาชิกเสียชีวิตพร้อม ๆกันหลายคน 3 เดือนติดต่อกันถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยุบกลุ่มได้แล้ว แต่ที่ผ่านมา 50 กว่ากลุ่มของสงขลาซึ่งมีฐานจัดการระดับตำบลล้วนดูแลตัวเองทั้งนั้น(นี่คือข้อพิสูจน์)

 กองทุนระดับจังหวัดเป็นแนวทางเพิ่มสวัสดิการให้กับผู้นำอีกชั้นหนึ่ง ไม่ใช่การรวมจัดการตรงกลางระดับเครือข่ายเหมือนกับลำปาง

ในประเด็นนี้ลำปางน่าจะเรียนรู้จากสงขลาแม้ว่าลำปางจะเป็นต้นแบบเริ่มก่อนก็ตาม

การเรียนรู้พัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพ ประสบผลสำเร็จยิ่งๆขึ้น คือการจัดการความรู้

แต่การทำตามอุดมการณ์หรือความเชื่อที่ดีเพียงอย่างเดียว อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงก็ได้

คู่นี้น่าจะเรียนจากประสบการณ์ของกันให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น ไม่น่าจะยึดแบบตามความเชื่อของตนเอง แต่การจัดการความรู้ยากที่สุดก็ตรงนี้แหละครับ

แวะมาทักพี่ข้าวฟ่าง

เป็นกำลังใจให้ครับ...

เพื่อประเทศชาติ...

รักเธอ...........ประเทศไทย

ประเทศไทยดำรงความเป็นชาติมาช้านาน ด้วยพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่ทรงมีพระวิริยะ อุตสาหะ และทรงแก้ไขวิกกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความชาญฉลาด ทำให้ชาติไทยดำรงความเป็นชาติ ตราบเท่าทุกวันนี้

พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย

จากคนเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใด

- อยากให้เมืองไทยมีแต่ความสงบและความสามัคคีกัน

- การสามัคคีกันจะทำให้ประเทศมีแต่ความสงบ

- การไม่สามัคคีกันจะทำให้ประเทศชาติล้มลายได้

- ถ้าสมัยอยุธยาถึงตอนนั้นการไม่สามัคคีกัน ทำให้ข้าศึกยึดเมืองตอนนั้นพวกเราทั้งประเทศตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศนั้นแล้วไม่แน่อาจเป็นทาสของประเทศนั้นด้วย

- อย่าทำให้ประเทศล้มละลายสมัยเราเลยรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังเถอะครับ

- ผมขอร้องเถอะครับถ้ารักในหลวงจริงอย่าพูดแต่ปากแต่การกระทำไม่ใช่

แฟ้ม อยู่บ้านปะ เดี๋ยวเราเมลหา เมลกับด้วยนะที่รัก เอออันนี้เราใช้เว็บโรงเรียน เมลเข้าเว็บเรานะ เเล้วก็รู้ที่อยู่เมลไช่ป่ะ

ขอโทดนะ ไม่ได้ตั้งใจ อ่านแล้ว อย่าหยุด กรุณาอ่านต่อ เพราะคุนได้โดนคำสาปนี้ไปแล้ว…. อ่านต่อเลย เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงในจ. พิษณุโลก เด็กคนนี้ชื่อนิ้งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สาม วันนั้นเป็นวันสอบซ่อม นิ้งได้มาที่ รร เพื่อที่จะสอบซ่อม ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อยู่นั้น นิ้ง ก้อเหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนี่ง เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับสิ่ง ๆ นั้น มันคือกล่องใส่กระดาษกล่องหนึ่ง นิ้งนั้นไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่เขาก้อได้เก็บกล่องนั้นไป หลังจากที่เขาสอบซ่อมเสร็จแล้ว นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อกลับบ้านทันที พวกเขาอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ตกกลางคืนนิ้งและเพื่อน ๆ ก้อไปสนาม เตะเล่นและเปิดกล่อง ๆ นั้น ข้างในกล่องมีกระดาษสีดำเขียนอยู่หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า * สวัสดี เราชื่อ”เปลวเทียน”เป็นเด็กนักเรียนคนนึง เราถูกฆาตกรโรคจิด ข่มขืนและค่าหมกอยู่ในป่าแห่งหนี่ง ที่นั่นหนาวเหน็บไม่มีแม้แต่เสียงหายใจของมนุษย์ เราพยายามร้องให้คนมาช่วยแต่ก้อไม่มีใครมา ตอนนี้เราเหงาเหลือเกิน จะมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไหม ถ้าเทอไม่อยากให้เราลากเทอมาอยู่เป็นเพื่อนกับเรา จากนี้ไปเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ขอให้เทอก็อปข้อความข้างบนนี้ ส่งต่อให้สื่ออะไรก้อได้ เป็นจำนวน 10 coppy แต่ถ้าเธอไม่ทำตาม อีก 7 ชั่วโมงนี้ฉันจะไปตามเทอมาอยู่เป็นเพื่อน * หลังจากที่นิ้งได้อ่านนั้น เทอก้อไม่เชื่อ และคิดว่ามีคนมาแกล้งเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ และไม่ยอมทำตาม 7 ชั่วโมงให้หลัง นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อตาย โดยที่ไม่มีสาเหตุ **** เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ หมอและตำรวจยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็กเหล่านั้นตายได้เช่นไร _ ตอนนี้พวกเทอได้อ่านกระทู้นี้ ก้อคงได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด นั่นคือ เทอจะต้อง copy ข้อความนี้เป็นจำนวน 10 copy แต่ถ้าเทอไม่ทำตามที่เด็กคนนั้นขอ เทอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อกับเด็กคนนั้น อีก 7 ชั่วโมงให้หลัง ขอให้พวกเทอทุกคนโชค

เจ๋งมาก

เมื่อลมคิดหวน:

^/^ สักวาหน้าร้อนนอนเล่นว่าว ลมไม่เป่าว่าวไม่ขึ้นชักมึนหัว ':[ o_o' o_o'

123:

อ่านแล้ว อย่าหยุด กรุณาอ่านต่อ เพราะคุนได้โดนคำสาปนี้ไปแล้ว.... อ่านต่อเลย

เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงในเทศบาล.ท่าเรือ เด็กคนนี้ชื่อนิ้งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สาม วันนั้นเป็นวันสอบซ่อม นิ้งได้มาที่ รร เพื่อที่จะสอบซ่อม ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อยู่นั้น นิ้ง ก้อเหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนี่ง เขาเดินเข้ไปใกล้ ๆ กับสิ่ง ๆ นั้น มันคือกล่องใส่กระดาษกล่องหนึ่ง นิ้งนั้นไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร แต่เขาก้อได้เก็บกล่องนั้นไป หลังจากที่เขาสอบซ่อมเสร็จแล้ว นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อกลับบ้านทันที พวกเขาอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ตกกลางคืนนิ้งและเพื่อน ๆ ก้อไปสนาม เดะเล่นและเปิดกล่อง ๆ นั้น ข้างในกล่องมีกระดาษสีดำเขียนอยู่หนึ่งแผ่น ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า * สวัสดี เราชื่อ"เปลวเทียน"เป็นเด็กนักเรียนคนนึง เราถูกฆาตกรโรคจิด ข่มขืนและค่าหมกอยู่ในป่าแห่งหนี่ง ที่นั่นหนาวเหน็บไม่มีแม้แต่เสียงหายใจของมนุษย์ เราพยายามร้องให้คนมาช่วยแต่ก้อไม่มีคายมา ตอนนี้เราเหงาเหลือเกิน จะมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไหม ถ้าเทอไม่อยากให้เราลากเทอมาอยู่เป็นเพื่อนกันเรา จากนี้ไปเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ขอให้เทอก็อปข้อความข้างบนนี้ ส่งต่อให้สื่ออะไรก้อได้ เป็นจำนวน 10 coppy แต่ถ้าเธอไม่ทำตาม อีก 7 ชั่วโมงนี้ฉันจะไปตามเทอมอยู่เป็นเพื่อน * หลังจากที่นิ้งได้อ่านนั้น เอก้อไม่เชื่อ และคิดว่ามีคนมาแกล้งเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ และไม่ยอมทำตาม 7 ชั่วโมงให้หลัง นิ้งและเพื่อน ๆ ก้อตาย โดยที่ไม่มีสาเหตุ ***********************************- เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้ หมอและตำรวจยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็กเหล่านั้นตายได้เช่นไร __________ ตอนนี้พวกเทอได้อ่านกระทู้นี้ ก้อคงได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด นั่นคือ เทอจะต้อง copy ข้อความนี้เป็นจำนวน 10 copy แต่ถ้าเทอไม่ทำตามที่เด็กคนนั้นขอ เทอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อกับเด็กคนนั้น อีก 7 ชั่วโมงให้หลัง ขอให้พวกเทอทุกคนโชคดี

(ปล ห้ามส่งมายังคนเดิมที่ส่งมาอีก ไม่งั้นจะรับโทษฐานคืน ตาย!!!!!

การถอดร่าง

1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น

2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก

3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี

4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก

5.กลั้นหายใจ10วินาที

6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ

7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป

8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย

9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน

ใครที่อ่านแล้วคิดดูให้ดีน่ะถ้าอยากจะสนุกก้อต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนและนั่นก้อหมายถึงชีวิตของคุณเองนั้นแหละได้มาจากคัมภีย์เขมรโบราณ

คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็นไปมีเรื่องของการถอดวิญญาณเพื่อออกจากร่างและคุณจะไปได้ทุกที่ๆต้องการ

....ขอโทษนะ คือเราไปอ่านกระทู้มา เจอแล้วกลัวอ่ะ

ใครที่อ่านก็ขอโทษด้วยนะ ขอโทษจริงๆ

การถอดร่าง

1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น

2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก

3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี

4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก

5.กลั้นหายใจ10วินาที

6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ

7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป

8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย

9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน

คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็นไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ มีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งหรืออุทกภัย และเนื่องจากทรงตระหนักว่าสัตว์น้ำเป็นอาหารโปรตีนที่สำคัญของราษฎรในท้องถิ่น จึงโปรดเกล้าฯให้มีการพัฒนาการประมงในแหล่งน้ำควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ แห่ง โดยดำเนินการพัฒนาทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการจัดการทางด้านการประมงควบคู่กันไป ในแหล่งน้ำธรรมชาติก็ได้มีพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาการประมงให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาและส่งเสริมให้ราษฎรใช้ประโยชน์และดำเนินการจัดการการประมงเพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์จากปลาในแหล่งน้ำ

พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย

โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้การอุปถัมป์ในด้านต่างๆ เช่น ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนและพระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจแก่ครูและนักเรียนของโรงเรียน โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน

พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย

พระองค์ทรงเสียสละเพื่อความสุขของประชาชนชาวไทยทุกคนเสมอมา

โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้การอุปถัมป์ในด้านต่างๆ เช่น ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ รวมทั้งเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนและพระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจแก่ครูและนักเรียนของโรงเรียน โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ มีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งหรืออุทกภัย และเนื่องจากทรงตระหนักว่าสัตว์น้ำเป็นอาหารโปรตีนที่สำคัญของราษฎรในท้องถิ่น จึงโปรดเกล้าฯให้มีการพัฒนาการประมงในแหล่งน้ำควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ แห่ง โดยดำเนินการพัฒนาทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการจัดการทางด้านการประมงควบคู่กันไป ในแหล่งน้ำธรรมชาติก็ได้มีพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาการประมงให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาและส่งเสริมให้ราษฎรใช้ประโยชน์และดำเนินการจัดการการประมงเพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์จากปลาในแหล่งน้ำ

ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน

 

ในทุกๆ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา แม้พระราชกรณียกิจนี้จะเป็นภาระแก่พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์มาก แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชกระแสรับสั่งให้คงพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยเอกชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชทานแทนพระองค์

อยากให้เมืองไทยมีแต่ความสงบและความสามัคคีกัน

- การสามัคคีกันจะทำให้ประเทศมีแต่ความสงบ

- การไม่สามัคคีกันจะทำให้ประเทศชาติล้มลายได้

- ถ้าสมัยอยุธยาถึงตอนนั้นการไม่สามัคคีกัน ทำให้ข้าศึกยึดเมืองตอนนั้นพวกเราทั้งประเทศตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศนั้นแล้วไม่แน่อาจเป็นทาสของประเทศนั้นด้วย

- อย่าทำให้ประเทศล้มละลายสมัยเราเลยรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังเถอะครับ

- ผมขอร้องเถอะครับถ้ารักในหลวงจริงอย่าพูดแต่ปากแต่การกระทำไม่ใช่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ มีพระราชดำริให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายในพื้นที่ที่ประสบปัญหาความแห้งแล้งหรืออุทกภัย และเนื่องจากทรงตระหนักว่าสัตว์น้ำเป็นอาหารโปรตีนที่สำคัญของราษฎรในท้องถิ่น จึงโปรดเกล้าฯให้มีการพัฒนาการประมงในแหล่งน้ำควบคู่ไปด้วยในทุก ๆ แห่ง โดยดำเนินการพัฒนาทรัพยากรสัตว์น้ำในแหล่งน้ำด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และการจัดการทางด้านการประมงควบคู่กันไป ในแหล่งน้ำธรรมชาติก็ได้มีพระราชดำริให้ดำเนินการพัฒนาการประมงให้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลาและส่งเสริมให้ราษฎรใช้ประโยชน์และดำเนินการจัดการการประมงเพื่อให้ราษฎรได้รับประโยชน์จากปลาในแหล่งน้ำ

ร้อย.บก.พล.ร.๙

๑ ขอให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร

๒ ขอพระองค์ทรงสถาพร เป็นมิ่งขัวญให้แก่ปวงชนชาวไทยตราบกัลปวสาน พระบารมีแผ่ไพศาล

๓ ปกป้องคุ้มครองไทยและปวงชนให้อยู่เย็นสงบสุขและรุ่งเรืองด้วยเทอญด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

๔ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พลานามัยสมบูรณ์ มีพระวรกายแข็งแรงปราสจากโรคร้ายและ

๕ และทรงเป็นมิ่งขวัญ ร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงประชาชนชาวไทย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงปกป้องบ้านเมืองตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าหากประเทศไทยเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ประเทศไทยคงหมดสิ้น เผ่าพงษ์ไทย

ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน

๑ ขอให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร

๒ ขอพระองค์ทรงสถาพร เป็นมิ่งขัวญให้แก่ปวงชนชาวไทยตราบกัลปวสาน พระบารมีแผ่ไพศาล

๓ ปกป้องคุ้มครองไทยและปวงชนให้อยู่เย็นสงบสุขและรุ่งเรืองด้วยเทอญด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

๔ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พลานามัยสมบูรณ์ มีพระวรกายแข็งแรงปราสจากโรคร้ายและ

๕ และทรงเป็นมิ่งขวัญ ร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงประชาชนชาวไทย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท