“ไข่เยี่ยวม้า” ความเป็นมาเหนือคำบรรยาย


"ตอนนี้มันมีพวกหัวใสชอบผสมสารตะกั่วลงไปในดินพอกไข่ด้วย เพื่อเร่งความเป็นกรด ทำให้ได้ผลผลิตที่เร็วขึ้น ก่อนจะซื้อมากินก็ระวังกันหน่อยนะครับ..."

เอ้า...  ตามประสาคนไม่มีอะไรทำในวันหยุดอีกหละ...  เน็ตก็ช้าเป็นเต่าคลาน...  เลยไม่พ้นหาอะไรกินตามเคย  แต่วันนี้ลาภปากแฮะ...  ไปบ้านญาติพอดีเลยได้ซัดอาหารมื้อเที่ยงฟรีอีกหนึ่งมื้อ  รู้งี้ไปเยี่ยมทุกวันก็คงจะดี  ฮิ  ฮิ...

พอถึงร้านอาหารก็...  สั่ง สั่ง  และสั่ง  อ๊ะ...  แน่นอนของฟรีนี่  เอ๊ะ !!!  แล้วนี่อะไร  “ไขดำอาชา”  อ๋อ...  มันคงไม่พ้น  “ไข่เยี่ยวม้า”  แน่นอน  สั่ง ๆ ๆ ๆ  ของแพงเอาไว้ก่อน อิ  อิ

แล้ว...  มื้อพิเศษก็ผ่านพ้นไป  แต่ในใจมันไม่หมดแค่นั้นดิ  พอกลับถึงบ้านก็เกิดความสงสัย  เอ...  ไอ้ไข่เยี่ยวม้านี่ที่เรารู้มา  มันก็แค่เอาใบชา  ปูนขาว  เกลือป่น  ขี้เถ้า  มาผสมกับน้ำนวดให้เข้ากันแล้วเอามาพอกที่ไข่  ใส่ไว้ในโอ่งปิดฝาไม่ใช่เหรอ  (ใช่หรือเปล่าไม่แน่ใจว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง)  แล้วมันชื่อ  “ไข่เยี่ยวม้า”  ได้ไง  ไม่มี...  เยี่ยว  ไม่มีม้าซะหน่อย...

ไม่รอช้าหละ....  เปิดอินเทอร์เน็ตหานี่แหละ  อยากรู้....  มาก  ประมาณว่าวิกลจริต  อยากรู้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น...  ฮ่า

และแล้วก็เจอจนได้...  มันเป็นเยี่ยวม้าจริง ๆ  ด้วยอ่ะ...  ดีแต่ว่ามันเป็นสมัยก่อน  ถ้าสมัยนี้คงได้  อี๋  อี๋...

เรื่องมันมีอยู่ว่า....

เมื่อสมัยก่อน...  ทางตอนใต้ของจีน  ในหมู่บ้านเกษตรกรแห่งหนึ่ง  ในหมู่บ้านนี้จะเลี้ยงม้าเป็นพาหนะแทบทุกบ้าน  ซึ่งสมัยก่อนการเลี้ยงสัตว์ก็มักจะเลี้ยงแบบไว้ด้วยกัน  เลยทำให้เป็ด  ไก่  และม้ามันอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา  เอ้ย....  แบบเพื่อนบ้านกันโดยปริยาย  (ชักนอกเรื่อง...)

และ...  ก็มีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่งต้องการที่จะทำความสะอาดคอกม้าให้สะอาด  โดยใช้แกลบและฟางมากลบขี้และเยี่ยวม้าให้หายมีกลิ่นเหม็น  เพราะด้วยเหตุที่ว่าสมัยนั้นน้ำมันหายากก็เลยต้องใช้วิธีนี่แทน  ต่อมาเวลาล่วงเลยไปหลายเดือนเข้าก็เกิดการหมักหมมจนเกิดเป็นแบคทีเรียธรรมชาติ  (ภูมิชาวบ้านโดยแท้)  ที่มีความสามารถฆ่าเชื่อโรคนั้นได้  ทำให้ไม่เกิดกลิ่นเหม็นต่อไป...

และแล้ว...  พอถึงเวลาที่ชายคนนี้ต้องเอาแกลบและฟางออก  เพื่อเปลี่ยนของใหม่เข้าไปแทน  ก็ดันไปเจอไข่เป็ดที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครเห็นตั้งแต่แรก  (คาดว่าคงเก็บไม่หมดเนื่องจากเมาขี้ม้า)  ที่น่าแปลกก็คือไข่เป็ดมันไม่เน่า  ทั้ง ๆ  ที่เวลาผ่านไปหลายเดือน  เขาก็เลยลองปอกเปลือกไข่ออกดู  ก็เห็นเป็นเนื้อใส ๆ  ดูน่ากิน  สุท้ายเข้าก็เลยเจี๊ยะซะเลย  (อึ๋ย....)  ผลสุดท้ายเกิดติดอกติดใจขึ้นมาก็เลยบอกปากต่อปากกันไป  ถึงเมนูไข่พิสดาร....

และนี่...  ก็เป็นที่มาของไข่เยี่ยวม้าหละ...  (จริงหรือเท็จไม่รู้นะ  ฟังเขามาอีกที)  สงสัยสมัยนั้น  เยี่ยวม้าคงหมดสต๊อกแน่เลย  ฮ่า.... 

และก็อยากฝากไว้...  ว่าตอนนี้มันมีพวกหัวใสชอบผสมสารตะกั่วลงไปในดินพอกไข่ด้วย  เพื่อเร่งความเป็นกรด  ทำให้ได้ผลผลิตที่เร็วขึ้น  ก่อนจะซื้อมากินก็ระวังกันหน่อยนะครับ... 

คำสำคัญ (Tags): #ไข่เยี่ยวม้า
หมายเลขบันทึก: 95409เขียนเมื่อ 10 พฤษภาคม 2007 16:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อี๋ แหวะ น่ากินนะครับผมว่า

(กินลงได้ยังไง)

ไม่มีรูป
สหัสดี
ที่  "แหวะ"  นี้  แต่ก็กินใช่ไหมครับ...  5 5 5
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท