เรียนคุณภาพจากแดจังกึม


ช่วงนี้ขออนุญาตเป็น knowledge broker เอาเรื่องที่ทีมงานของ พรพ.เรียบเรียงไว้มาเล่าสู่กันฟัง


คุณปิยพร ปิยะจันทร์ ผู้ช่วย ผอ.ด้านปฏิบัติการของผม ดูหนังเรื่องแดจังกึมแล้วก็สรุปบทเรียนมาให้ฟังว่า ภาพยนตร์ตอนนี้ แสดงให้เห็นว่าแดจังกึมทำงานคุณภาพ โดยทำงานประจำของตนเองให้ดี มีคุณค่า และใช้ Core Value  ต่อไปนี้ ยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง, กล้านำเสนอในสิ่งที่ถูกต้อง, รับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ, มีหลักการและจริยธรรมในวิชาชีพ (โภชนาการ), มีความอดทน  โดยสอดแทรกเรื่องการ Empowerment ให้ตระหนักในเรื่องสร้างเสริมสุขภาพเข้าไปด้วย


 ในเอกสารต้นฉบับ คุณปิยพรได้กรุณาระบายสีมาให้ด้วยว่า ตอนไหนแสดง core value อะไร

 

แดจังกึมและหัวหน้า (ชอซังกุง) ถูกกลั่นแกล้งส่งตัวไปดูแลท่านฑูตจากเมืองจีนอีกตำหนักหนึ่ง  ในการทำอาหารเพื่อต้อนรับท่านฑูตในมื้อแรก เผอิญมีคนนำยาแก้ร้อนในจากหมอหลวงมาให้จังกึมจัดให้ท่านฑูตด้วย


เมื่อพี่เลี้ยงและจังกึมทราบจึงจัดอาหารประเภทผักและสมุนไพรล้วนๆ ที่มีรสชาติจืดๆ แทนที่จะจัดอาหารจากเนื้อสัตว์ประเภททอด ๆ ให้เพื่อเป็นการรักษาอาการร้อนใน  แต่เมื่อนำไปเสริฟ ท่านฑูตยังไม่ทันได้รับประทานก็ไม่พอใจ  หัวหน้าของจังกึมที่เป็นคนปรุงอาหารถูกสั่งกักบริเวณ โทษฐานที่ทำให้ฑูตไม่พอใจ 


ดังนั้นจังกืมจึงตัดสินใจอธิบายเหตุผลที่จัดอาหารลักษณะนี้ให้ เพื่อเป็นการรักษาโรคร้อนใน และเป็นการดูแลสุขภาพให้  โดยหากได้รับประทานอาหารลักษณะนี้เป็นเวลาติดต่อกัน ๕ วัน อาการร้อนในจะดีขึ้น ซึ่งเพิ่มความไม่พึงพอใจแก่ฑูตคนดังกล่าว หาว่าอวดรู้ แต่ก็ให้โอกาสจะทดลองกินอาหารที่จังกึมจัดให้ในระยะเวลาที่บอก  หากอาการของโรคไม่ดีขึ้น จังกึมจะถูกทำโทษซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้  


ตลอด ๕ วัน จังกึมพยายามใช้ความรู้ที่มีอยู่จัดเตรียมอาหารประเภทผักและสมุมไพรให้ท่านฑูตรับประทานทุกมื้อ  ท่านฑูตก็ไม่เคยพอใจในประเภทและรสชาติของอาหารที่จัดให้เลย แต่ก็ได้รับประทาน   สร้างความลำบากใจและวิตกกังวลแก่จังกึมอย่างมาก เธอก็ไม่ย่อท้อ  ถึงแม้ว่าระหว่างนั้นจะมีหัวหน้าห้องเครื่อง (แชซังกุง) เสนอตัวเข้ามาทำอาหารให้ท่านฑูตแทน เพื่อมิให้จังกึมถูกทำโทษ และสร้างความพึงพอใจแก่ท่านทูต แต่จังกึมไม่ยอม เพราะท่านฑูตสั่งว่าให้จังกึมทำตามที่บอกเป็นเวลา ๕ วันแล้วจะตัดสินอีกครั้ง         


จนเข้าสู่วันที่ ๖ หลังจากที่ได้ได้รับประทานอาหารที่จังกึมจัดให้จนครบแล้ว  ห้องเครื่องจัดอาหารฮ่องแต้ชุดใหญ่ที่ประกอบด้วยหมู เป็ด ไก่ ห่าน หูฉลาม ล้วนเป็นอาหารรสเลิศที่จัดเตรียมสำหรับฮ่องแต้เท่านั้นเพื่อเป็นการขอโทษที่ตลอด ๕ วันต้องรับประทานแต่อาหารที่ไม่ถูกปาก  ซึ่งท่านฑูตพึงพอใจในรสชาติอาหารที่จัดเตรียมให้ใหม่เป็นอย่างมาก ว่าเป็นอาหารที่รสชาติเลิศ และถูกปากมาก          


เมื่อขุนนางสอบถามถึงการลงโทษจังกึม  ท่านฑูตกลับถามถึงเหตุผลที่จังกึมกล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำให้ฑูตไม่พอใจ ซึ่งจังกึมให้เหตุผลว่า ตนเองได้รับการสอนและฝึกฝนจากหัวหน้าตลอดเวลาว่าการทำอาหารจะต้องคำนึงถึงสุขภาพของผู้รับประทานเป็นหลัก อาหารที่ทำต้องยึดหลักการสมดุลของร่างกายของผู้รับประทาน และได้ยึดเป็นหลักประจำใจในการทำอาหารมาตลอด 


ท่านฑูตได้ตอบกลับขุนนางที่สอบถามการลงโทษจังกึมว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเองทานแต่อาหารที่ถูกปากและพอใจ โดยไม่คำนึงถึงสุขภาพ แต่จังกึมกลับเป็นห่วงในสุขภาพของตนเอง ถึงแม้ว่าอาหารที่จัดให้จะเป็นเพียงผัก และจืด แต่เมื่อทานไปนานๆ กลับรู้สึกได้ถึงรสชาติที่ดี และรู้สึกว่าตนเองมีสุขภาพดีขึ้น จึงขอบใจจังกึม ที่ทำให้รู้ถึงคุณค่าของอาหารและวิธีการดูแลสุขภาพว่าควรคำนึงถึงประโยชน์มากกว่าความอร่อยถูกปากเท่านั้น โดยขอให้จังกึมเป็นผู้ที่ทำอาหารที่ดูแลสุขภาพให้ตนตลอดที่อยู่ในวัง”  ซึ่งทำให้จังกึมยิ้มออกได้

 

ของแถมคือการสอน KM ให้ลูก

ลูกชาย :    คุณแม่ทำอะไรครับ มานอนดูหนังเป็นเพื่อนนนท์หน่อยซิ

คุณแม่ :     ได้ครับ  แต่ขอเวลาแม่สรุปบทเรียนจากแดจังกึมสักแป๊ปหนึ่งก่อนนะ

ลูกชาย :      อะไรนะครับ

              คุณแม่ก็เลยต้องวางมือจากงานที่ทำ และหันมาพูดคุยกับลูกต่อ

คุณแม่ :     ก็เวลาเราดูหนัง นอกจากความสนุกที่ได้ จะมีสิ่งที่ดีๆ และความรู้ที่เราจะได้ด้วย เช่น วันก่อนที่เราไปดูเรื่อง Chicken Little แม่สรุปให้ฟังว่าอะไรนะ

              เจ้าลูกชายตัวน้อย  ทำท่าคิดอยู่สักพัก เพราะผ่านมาประมาณา 1 อาทิตย์แล้ว

ลูกชาย :    ถ้า....... เราพูดเรื่องที่ไม่จริง   ที่หลังเจอเรื่องจริงเข้า  จะไม่มีใครเชื่อ เหมือนเด็กเลี้ยงแกะที่แม่เคยเล่าให้ฟัง ใช่มั้ยครับ

คุณแม่:      ถูกต้องแล้วค่ะ   เก่งมากที่จำได้  (ต้อง Empowerหน่อย)  

              แล้ววันนี้นนท์ดูเรื่องนี้ ได้อะไรบ้างล่ะ  (อังกอร์ 2)

ลูกชาย :       ก้อ.... ก้อ... (คิดอยู่นานเหมือนกัน)  .............. รู้แล้ว ได้เรื่องวัฒนธรรมการเดินป่าว่าเวลาเดินป่าจะต้องไม่พูดสิ่งที่ไม่ดี   ต้องมีความสามัคคีกัน  ใช่มั้ย

             

              ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเด็กผู้ชายอายุเพียง 5 ขวบเศษจะคิดได้ และพูดประโยควัฒนธรรมการเดินป่าออกมาได้
 
              ดังนั้นแม้แต่การดูแลลูก การพูดคุยกับเด็กในทุกกิจกรรม ทุกเวลาเราสามารถสอดแทรกเรื่องของการเรียนรู้ ซึ่งจะถือว่าเป็นการจัดการความรู้ได้
 
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 9458เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2005 16:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 18:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เห็นด้วยที่ดูหนังดูละีครแล้วมองย้อนดูตัวเราเอง เพราะในการทำคุณภาพก็คือการทำงานประจำให้ดีที่สุด ซึ่งต้องทำต้วยใจ มีจริยธรรม มีความอดทน มีเป้าหมาย ซึ่้งในหนังแดจังกึมมีคุณภาพอยู่ครบถ้วน ที่สำคัญอีกอันหนึ่งคือแรงจูงใจในการทำงาน  ส่วนผู้บริหาร (ฮ่องเต้ ฮองเฮา มเหสี) ก็มีความสำคัญเพราะการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ดี สุดท้ายก็วกมาที่ ธรรมะ ย่อม ชนะ อธรรม  ความรัก ความซื่อสัตย์ ความอดทน เป็นสิ่งสวยงามที่จะทำให้คนมีคุณธรรม มีคุณภาพ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท