ใช่หรือไม่ว่า โรงพยาบาลคือที่ที่ลูกค้าของเรา หรือก็คือผู้ป่วยจะได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ ตามสิทธิที่มนุษย์พึงได้รับ โดยอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่น้อยที่สุด
การจะเป็นตรงนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก และเชื่อว่าถึงขณะนี้ ตัวช่วยที่จะนำพาให้เราไปถึงจุดมุ่งหมายนี่ได้ดีที่สุด เร็วที่สุด อย่างเป็นระบบที่สุด ก็คือ พรพ. ที่คอยกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ กำหนดวิธีการต่าง ๆ แนวทางต่าง ๆ รวมทั้งเป็นพี่เลี้ยงให้เราอีกด้วย
และก็อีกเช่นกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ที่จะเดินไปตามเส้นทางนั้นเพียงลำพัง
เครือข่ายโรงพยาบาลทั้ง 7 และคงจะมากขึ้นเรื่อย ๆ เรามีอะไรคล้าย ๆ กัน
ในฐานะที่เป็นธุรกิจเอกชน เราต้องทำกำไรสูงสุด เราต้องมีการตลาด เราต้องมีการบริหารการเงิน เราต้องมีการบริหาร brand และเราก็มีคู่แข่ง ซึ่งบางทีก็กลายมาเป็นพันธมิตรของเราในหลาย ๆ เรื่อง
และในฐานะที่เป็นโรงพยาบาล อันมีปรัชญาที่สำคัญคือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นทุกข์ และไม่อาจหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ที่มากเกินพอดีจากผู้ป่วย
กลายเป็นว่าเรายืนอยู่บน 2 ขา คือ ธุรกิจบริการที่ต้องการต้นทุนที่ต่ำ income ที่สูง และโรงพยาบาลที่ต้องคำนึงถึงคุณภาพการรักษาพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และกำกับด้วยคุณธรรม
มันคือ ขาซ้าย ขาขวาที่ต้องเดินไปอย่างประสานกัน ส่งเสริมซึ่งกันและกัน มิเช่นนั้นมันจะล้มอย่างไม่เป็นท่า
พรพ. ย้ำเสมอว่า จุดชี้เป็นชี้ตายของความสำเร็จในเรื่องกระบวนการคุณภาพนี้ คือ
ความมุ่งมั่นของทุก ๆ คนในองค์กร ทุกคนจะต้องมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน ทุกคนจะต้องมีความร่วมไม้ร่วมมือกัน ทุกคนต้องเสียสละเรื่องราวส่วนตนให้กับองค์กรในสัดส่วนที่มากขึ้น ทุกคนต้อง “ฟัง” ซึ่งกันและกัน
ไม่มีประโยชน์อะไรที่หัวขบวนจะเร่งเครื่องเต็มที่ ขณะที่ตู้รถไฟที่พ่วงอยู่ยังติดเบรก
ไม่มีประโยชน์อะไรที่หางแถวจะตะโกนบอกทาง ขณะที่หัวแถวไม่คิดที่จะรับฟังสิ่งใด
ถึงตอนนี้ เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่า
เป้าหมายของเราชัดเจนหรือไม่
คนในทีมของเราเข้าใจหน้าที่ บทบาทของตัวเองมากน้อยแค่ไหน
คนในทีม มีใจ ให้องค์กรมากเพียงใด
คนในทีมมีการประสานงานกันดีแค่ไหน เพียงใด คุยกันรู้เรื่องหรือไม่
ฯ ล ฯ เหล่านี้ แต่ละโรงพยาบาลต้องหาคำตอบกันเอง
ภายใต้การแข่งขันที่สูงขึ้นมาก ๆ ในภาคเอกชน เราต้องอยู่รอดให้ได้
ภายใต้เงื่อนไขใหม่ ๆ จาก พรพ. เราต้องเรียนรู้ และต้องนำไปปฎิบัติให้ได้
สุภาษิตไทยกล่าวไว้ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
แต่ก็มีสุภาษิตจีนเตือนไว้เช่นเดียวกันว่า “ความพยายามเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จเป็นของฟ้าดิน”
ในสภาพจริงของชีวิตที่เห็นและเป็นอยู่ ประโยคหลังน่าจะเข้ากับสถานการณ์ที่เราพบเจออยู่มากกว่า
ปัจจัยหลาย ๆ อย่าง บางครั้งก็อยู่เหนือการควบคุมของเรา
อันที่จริง บางช่วงเวลา เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรอยู่เบื้องหลังปัญหา หรือความผิดพลาดอันนั้น
หากเป็นเช่นนี้แล้ว จุดหมายปลายทาง หรือกระดาษแผ่นนั้นที่ พรพ. จะมอบให้เรา อาจจะไม่สำคัญเท่ากับเส้นทางที่เราเลือกเดิน และวิธีที่เราอยู่กับเส้นทางของเรา
อันดับแรก เรามั่นใจแล้วว่าเส้นทางนี้เราเป็นผู้เลือกอย่างแท้จริง ไม่ใช่แรงฉุด ผลัก จากใคร
อันดับสอง ยามที่อยู่บนเส้นทางที่เลือก ต้องพร้อมที่เจอกับปัญหา พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พร้อมที่จะจดจำบทเรียนซึ่งบางทีก็เจ็บปวด แต่เราก็ยืนยันว่าไม่มีทางที่จะผละออกจากเส้นทางนี้
เราท้อแท้ได้ เราอาจจะหยุดพักข้างทางในบางครั้งบางคราว แต่เราจะไม่ยอมท้อถอย หรือก้าวถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว
ถ้าทำได้เช่นนี้แล้ว แม้ไปไม่ถึงจุดหมาย ก็ไม่มีเรื่องที่เราต้องเศร้าโศกเสียใจอีกแล้ว
และเราจะก้าวไปพร้อม ๆ กันในเส้นทางคุณภาพสายนี้
ไม่มีความเห็น