บังรอน


อยากให้ลูกมีภาพที่ดีของแม่อยู่ในใจและความรู้สึกที่ดีต่อแม่เขาตลอดไป

           ได้เห็นชื่อเรื่องหลายคนคงคิดไปถึงชื่อของราชายาเสพติดที่เคยปรากฏเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ แต่บันทึกของผมไม่ใช่คนๆนั้น เป็นคนอีกคนหนึ่งที่เป็นคนเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในความเป็นตัวเขาและในความรู้สึกของผม บังรอนในที่นี้เป็นชื่อร้านตัดผมที่มีลูกค้ามากหน้าหลายตาในเขตอำเภอบ้านตากที่มีนายรอนเป็นเจ้าของและพนักงาน

            ร้านบังรอนหรือร้านตัดผมของนายรอน เป็นร้านเล็กๆคุหาเดียว ชั้นเดียว มีเก้าอี้ตัดผม 2 ตัว เดิมเป็นร้านพัดลมแต่ปัจจุบันเป็นร้านติดแอร์เย็นสบาย  มีการตกแต่งร้านเป็นแนวเพื่อชีวิตหรือสไตล์คันทรี่  มีหัววัว หัวควายและรูปวาดของนักร้องเพลงเพื่อชีวิตหลายคน มีของเก่าหลายชิ้นวางเป็นเครื่องประดับ เคาน์เตอร์ตัดผมทำจากเปลือกไม้เนื้อแข็ง การตกแต่งติดตั้งเป็นฝีมือของนายรอนเอง  รอนย้ายร้านมา 2-3 ครั้ง ผมก็ตามไปตัดกับเขาตลอด เขาอายุน้อยกว่าผม 1 ปี และเป็นคนเดียวที่เรียกผมว่าพี่ ไม่เรียกว่าหมอ เหมือนที่คนอื่นๆเขาเรียกกัน ที่เรียกอย่างนั้นเพราะเขาติดปากมาตั้งแต่แรกที่ผมไปตัดผมกับเขาโดยที่เขาไม่รู้ว่าผมเป็นหมอ

                ฝีมือการตัดผมก็เป็นที่ยอมรับของลูกค้า รวมทั้งผมและลูกๆอีก 2 คนก็เลือกที่มาตัดร้านนี้ เวลานั่งตัดผม ผมจะรู้สึกว่าเป็นเวลาผ่อนคลายมากๆจนหลับไปเกือบทุกครั้ง  ผมตัดผมกับรอนมาตั้งแต่มาทำงานที่โรงพยาบาลบ้านตากก็เกือบ 9 ปีแล้ว จนถือได้ว่าเขาเป็นช่างตัดผมประจำตัวของผมไปแล้ว ทุกครั้งที่มาตัดผมเราก็จะพูดคุยกันในหลายๆเรื่องพูดกันไปเรื่อยๆจนผมหลับ  การตัดผมน้องขลุ่ยลูกชายคนเล็กซึ่งตัดยากเพราะไม่ค่อยอยู่นิ่งก็ได้ช่างรอนนี่แหละตัดให้อย่างดี ไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บเลย

                เมื่อ 8 ปีก่อน รอนอยู่กับภรรยาที่รักกันมาก มีลูกชาย 1 คน ผมก็รู้จักภรรยาเขา ต่อมาภรรยาเขาขอไปทำงานที่ญี่ปุ่นแล้วก็เงียบหายไปไม่ติดต่อกลับมา ตอนหลังเขาทราบว่าภรรยามีสามีใหม่และไม่ได้ส่งเงินมาให้ลูกเลย รอนเสียใจมาก รอนเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด เป็นทั้งพ่อและแม่ ลูกชายเขาก็รุ่นเดียวกับลุกชายผมแต่เรียนคนละโรงเรียน  แม้ภรรยาจะทำให้เขาผิดหวังแต่เขาก็ไม่เอาอารมณ์มาลงกับลูก เขากลับทะนุถนอมเลี้ยงดูลูกอย่างดีเท่าที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ในอาชีพการเป็นช่างตัดผมของเขา สิ่งที่ผมประทับใจมากอย่างหนึ่งก็คือเขาบอกว่า เขาไม่ได้บอกลูกว่าแม่มีสามีใหม่ เขาบอกแต่ว่าแม่ทำงานหนักอยู่ที่ญี่ปุ่นจึงไม่มีเวลากลับมาเยี่ยมเยียนลูก เขาบอกอย่างนี้เพราะอยากให้ลูกมีภาพที่ดีของแม่อยู่ในใจและความรู้สึกที่ดีต่อแม่เขาตลอดไป  ซึ่งผมคิดว่าเขาเป็นลูกผู้ชายที่ดี แม้ไม่ได้มีฐานะที่ดีนัก และก็เป็นธรรมดาของคนวัยเขาที่มีเพื่อนฝูงมากและตั้งวงเฮฮาดื่มสุรากันทุกเย็นแต่เขาก็ไม่เคยทอดทิ้งลูกไว้ให้ใครเป็นภาระดูแลแทน  
หมายเลขบันทึก: 9403เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2005 15:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท