AAR การประชุมวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 6 (2)
ดังได้เล่าแล้ว (click) ว่าผมจะไปร่วมประชุมนี้ในวันที่ 7 ธ.ค.48 และได้ส่งการบ้านวิจารณ์ผลงานทางวิชาการในหัวข้อ "โลก รัฐ ท้องถิ่น ในศตวรรษที่ 21 : การบริหารจัดการในยุคสังคมฐานความรู้" รวม 3 เรื่องไปแล้ว ต่อไปนี้เป็น AAR การไปร่วมประชุมดังกล่าว
สิ่งที่ได้เกินคาด
ได้แก่
(1) ได้ฟังปาฐกถาพิเศษเรื่อง
"การเมืองการบริหารของไทยในศตวรรษที่ 21" โดย ศ. ดร. นิธิ
เอียวศรีวงศ์
เป็นการประเทืองปัญญาของผมอย่างยิ่ง
ประเด็นสำคัญได้แก่
ปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์มีมาก
ทำให้ผมเกิดความคิดว่า
ในสมัยโบราณมนุษย์ยังไม่ค่อยเข้าใจธรรมชาติและควบคุมธรรมชาติได้น้อย
มีความลี้ลับมาก
ก็มีศาสตร์ว่าด้วยการเอาอกเอาใจและติดสินบนเทวดา
สมัยนี้มนุษย์มีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติมากขึ้นและมีความสามารถควบคุมธรรมชาติ
โดยอาศัยความรู้และเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น
แต่ความกระจ่างเชิงความรู้และความคล่องแคล่วเชิงเทคโนโลยีนั่นเอง
ได้สร้างความลี้ลับยุคใหม่
หรือสิ่งที่มนุษย์ควบคุมไม่ได้ชุดใหม่ขึ้นมา อย่างน้อย ๆ
ก็ระบบทุนก็เป็นความลี้ลับอย่างหนึ่งที่มนุษย์โดยทั่วไปคุมไม่ได้
ระบบนโยบายสาธารณะก็น่าจะเป็นอีกอย่างหนึ่ง
เมื่อมีความลี้ลับก็ต้องมีศาสตร์เข้าไปคลี่คลาย
คลี่คลายไปเปลาะหนึ่ง
ก็จะเกิดความลี้ลับใหม่ขึ้นมา
สมัยก่อนความลี้ลับเป็นเรื่องของมนุษย์กับธรรมชาติ
สมัยนี้เป็นความลี้ลับระหว่างมนุษย์กับมนุษย์
คือเกิดจากมนุษย์รู้ไม่เท่ากัน
ใครรู้มากกว่าก็คิดเอาเปรียบคนอื่น ฟัง อ.
นิธิประโยคเดียว ผมจินตนาการมาเสียไกล
ขอย้อนกลับไปที่หัวใจที่ อ. นิธิเสนอ
- อำนาจการตัดสินใจหลาย ๆ กรณีไม่ได้อยู่ที่รัฐชาติ
มันมีความซับซ้อนกว่านั้นมาก
- การสร้างวาทกรรมขึ้นมา "ปฏิบัติการจิตวิทยา" เช่น สหรัฐ
สร้างวาทกรรมให้ "การก่อการร้าย" คู่กับ "มุสลิม" ทั้ง ๆ
ที่ความเป็นจริงแล้วมีคนอีกหลายกลุ่มที่ใช้การก่อการร้ายเป็นเครื่องมือต่อสู้
เพราะเขาไม่ได้รับการเปิดโอกาสให้ต่อสู้ด้วยวิธีการอื่น
หรือเขาเสียเปรียบมากเกินไปถ้าต่อสู้ด้วยวิธีการอื่น
- ระบบข่าวสารข้อมูล เป็นเสมือน "สนามต่อสู้"
ระหว่างการรับรู้ - เรียนรู้ของประชาชน
กับผู้มีอำนาจที่ต้องการควบคุม
- กลุ่มต่อต้านโลกาภิวัฒน์มี 2 พวกคือ
กลุ่มก่อการร้ายกับขบวนการประชาชน อ. นิธิเตือนว่า 2
กลุ่มนี้จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกันได้ง่ายมาก
- อันตรายหรือมิจฉาทิฐิในศตวรรษที่ 21 คือการพยายามสร้าง
uniformity ให้แก่โลก, สังคม, ประเทศ,
ชุมชน ต้องตระหนักว่า uniformity ต่างกับ unity
(2) ได้รับฟังคำบรรยายของ ศ. ดร. ติน
ปรัชญพฤทธิ์ เรื่องบทบาทของภาครัฐในสังคมอุดมปัญญา
- เปลี่ยนจาก provider เป็น facilitator
- ทั้ง "จัดการความรู้" และ "จัดการความไม่รู้"
- ผู้นำแบบควาย กับผู้นำแบบห่าน
ฝูงควายจะเดินตามจ่าฝูงอยู่ตัวเดียว
ฝูงห่านที่บินอยู่ จะผลัดกันบินนำ
(3)
ได้ชื่นชมแนวทางจัดการประชุมแห่งชาติ ที่มีห้องย่อยถึง 6
ห้อง มีคนเข้าร่วมประมาณ 1 พันคน มี theme
ของการประชุมที่ยอดเยี่ยม คือ "โลก รัฐ ท้องถิ่น :
การปะทะทางอารยธรรม ธรรมาภิบาล
และท้องถิ่นนิยม"
แล้วนักวิชาการช่วยกันอธิบายความหมายตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และตามทฤษฎีที่มีอยู่
ผมคิดว่านี่คือการทำหน้าที่ของนักวิชาการต่อบ้านเมืองและต่อสังคมโลก
คนที่ตีความได้คมมากอีกคนหนึ่งคือ รศ. ดร. เกษียร
เตชะพีระ
ฟังแล้วผมเกิดความรู้สึกว่าประเทศก่อการร้ายหมายเลขหนึ่งคือ
สหรัฐอเมริกา แต่คิดอย่างนี้อาจผิด
เพราะคนอเมริกันเกือบทั้งหมดไม่ได้มีส่วนคิดแบบนั้น
สงสัยอาจจะต้องเปลี่ยนใหม่ว่ารัฐบาลบุช
เป็นผู้ก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลก
นี่ก็จินตนาการไปตามที่ได้รับฟังการอภิปรายนะครับ
จุดอ่อนที่เห็น
- พิจารณาจากบทความวิชาการที่ผมเป็นผู้วิจารณ์
วิธีวิทยาด้านการวิจัย (research methodology)
ในสาขานี้ของไทยยังอ่อนแอ
-
วัฒนธรรมการนำเสนอและการอภิปราย
การเคารพต่อเวลา เคารพผู้ฟัง
เคารพประธาน มหาวิทยาลัยคงจะต้องฝึกฝนคนของตน
โดยเฉพาะนักศึกษาปริญญาเอกของตน
เมื่อออกไปนำเสนอต่อที่ประชุมวิชาการในนามของนักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัย
การแสดงออกในลักษณะไม่มีอารยธรรมทางวิชาการ
เป็นการเสียชื่อมหาวิทยาลัยนั้นด้วย
ผมจะไปแจ้งผู้บริหารของมหาวิทยาลัยนั้นโดยตรง
ไม่ขอตำหนิตรง ๆ ณ ที่นี้
ป้ายการประชุม
อ. ดร. จันทนา สุทธิจารี ประธานจัดการประชุม
ในตอนต่อไปจะเล่าเรื่องการวิจารณ์บทความวิชาการ 3 บทความ
วิจารณ์ พานิช
8 ธ.ค.48
เชียงใหม่
ไม่มีความเห็น