ตามที่ อ. วิจารณ์ พานิช เคยเขียน AAR (Link อ่าน) การประชุมภาคีราชการจัดการความรู้ภาคราชการ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 48 เวลา 9.00 - 13.00 น. ที่ สคส. ไปบ้างแล้ว มีหน่วยงานราชการมาเข้าร่วมหลายหน่วยงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำ KM ของแต่ละหน่วยงาน วันนี้ขอนำเนื้อหาที่ได้บันทึกไว้ในการประชุมมาให้อ่านกันค่ะ (แบ่งเป็นตอนๆ)
วาระที่ 1.
เรื่องเพื่อทราบ
วาระ 1.1
รูปแบบและจุดประสงค์การจัดการประชุมภาคีจัดการความรู้ภาคราชการ
ศ. นพ.
วิจารณ์ พานิช
ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
นำเสนอเป้าประสงค์ของการทำ KM ในภาคราชการ
ออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. ผลในระยะสั้น ได้แก่ การทำ
KM เพื่อตอบสนองการประเมินผลจาก ก.พ.ร.
และทำ KM
ตามบทบาทหน้าที่ 2. ผลในระยะยาว
คือ การทำ KM
เพื่อเปลี่ยนวัฒนธรรมของราชการ สู่วัฒนธรรมแบบ I AM
READY (พร้อมเสมอ)
เป็นการทำงานอย่างมีคุณภาพเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้,
มีการใช้ความรู้เป็นฐานในการทำงาน, มีการสร้างความรู้
และบุคคล (บุคลากร) เป็นคนเรียนรู้ พัฒนา และมีความสุข
ส่วนการจัดประชุมภาคีจัดการความรู้ภาคราชการที่จัดขึ้นนี้
รูปแบบการประชุมจะเป็นแบบไม่เป็นทางการ ไม่บังคับ
ถ้าหน่วยงานใดสนใจสามารถติดต่อเข้าร่วมได้โดยแต่ละหน่วยจะออกค่าใช้จ่ายในการมาประชุมกันเอง
และอาจจะมีการเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัด
โดยเป้าหมายของการประชุมฯ คือ 1.
ต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีทำ KM
ในหน่วยราชการ (เทคนิคการทำ KM)
ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกเบื้องต้น 2.
เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรเรียนรู้ในภาคราชการ
และ 3.
เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสังคมให้เป็นสังคมเรียนรู้
เป็นเป้าหมายสูงสุด
วาระที่ 2
เรื่องเพื่อพิจารณา
วาระ 2.1
การจัดการความรู้ เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก
คุณธวัช พันมา นักทัณฑวิทยา 5 ตัวแทนจากเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ทำงานศูนย์ข้อมูลเรือนจำ นำเสนอการเริ่มทำ KM ของเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานเล็กในส่วนภูมิภาคที่การบริหารขึ้นอยู่กับจังหวัด โดยเริ่มจากการได้เข้าร่วมอบรม KM ที่จังหวัดและ ก.พ.ร. จัดให้ หลังจากเข้าร่วมอบรมและเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีจึงติดต่อเชิญวิทยากร อ.จิรัชฌา วิเชียรปัญญา มาจัด Workshop ให้กับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน ซึ่งต้องมีการเตรียมตัวทำการบ้าน เตรียมข้อมูล (แผนยุทธศาสตร์หน่ยงาน, ข้อมูลหน่วยงาน, ฯลฯ) อย่างดี และได้เชิญตัวแทนเข้าร่วมเพิ่มจาก 16 เรือนจำในเขต 6, สำนักควบคุมความประพฤติ และ สำนักบังคับคดีของจังหวัดพิษณุโลก การเข้าร่วม Workshop ครั้งนี้บรรยากาศดีมาก และทำให้เกิดความประทับใจ มีพันธสัญญาต่อกันที่จะกลับไปทำ KM ในหน่วยงาน เมื่อกลับมาที่หน่วยงานเรือนจำจึงได้พยายามผลักดันโดย
1. จัดตั้งทีมงานบริหารความรู้เรือนจำ มีการออกคำสั่งตั้งทีมถึง 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก คุณธวัช พันมา ได้เสนอชื่อคนกลุ่มเล็กๆ โดยไม่ได้ดูจากตำแหน่ง หรือ ลำดับซี เมื่อได้ทีมชุดแรกมาแล้วได้ลองมาปรึกษากันดู ก็เห็นว่าทีมยังไม่ครอบคลุม จึงเสนอชื่อใหม่ตั้งทีมใหม่ที่มากขึ้นครอบคลุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
2. จัดทำแผน KM ของเรือนจำ โดยดูจากแผนใหญ่ของกรมซึ่งมีอยู่แล้ว และนำมาปรับเปลี่ยนนิดหน่อยให้ล้อคล้ายๆ กันกับแผนกรม ซึ่งก็ทำไม่ยาก
3. เริ่มดำเนินการทำ KM
ทีมก็มีความสับสนกันมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร
บางเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการของเรือนจำก็หาข้อยุติไม่ได้
เพราะไม่แม่นเรื่องความรู้เบื้องต้น/ ทฤษฎีพื้นฐาน/ ระเบียบ
จึงคิดว่าเราน่าจะมีข้อมูลเอกสารเป็นเบื้องต้นเสียก่อน
ดังนั้น คุณธวัช พันมา
ในฐานะเลขากลุ่มทำงานจึงตั้งใจรวบรวมข้อมูลทฤษฎีก่อน จากเอกสาร
แล้วนำมาขึ้นเว็บไซต์
ประชาสัมพันธ์ต่อในกระดานข่าวของกรมราชทัณฑ์บอกว่าเราทำเว็บซึ่งรวบรวมระเบียบข้อบังคับต่างๆ
ของกรม ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีว่าค้นง่าย, สะดวก
จึงเป็นกำลังใจกลับมาให้คนทำ (http://www.correct.go.th/popphit/kmi.htm)
และตั้งเป้าเว็บไซต์ของเรือนจำต่อว่า จะให้เป็นศูนย์กลาง KM ของกรมราชทัณฑ์ (ทำ Link
ต่างๆ เช่น สคส., KM ศิริราช,
HKM)
ซึ่งเข้ามาในเว็บแล้วจะได้ความรู้ทั้ง KM และเรื่องระเบียบสั่งการหนังสือต่างๆ
กลับไปด้วย
อีกส่วนหนึ่ง คือ
การจัดทำเอกสารข่าวเรือนจำ
เนื่องจากการทำงานพัฒนาองค์กร
บุคลากรต้องมองเห็นภาพองค์กรเป็นภาพเดียวกัน
บุคลากรเรือนจำมีหลายฝ่าย เช่น งานควบคุม , งานฝึกวิชาชีพ,
งานการสื่อสาร, งานทัณฑปฏิบัติ
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่เน้นปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี
และมักไม่ค่อยนำมาเชื่อมโยงกันในแต่ละฝ่ายเพื่อให้การทำงานเป็นไปในภาพใหญ่เดียวกัน
เช่น งานทันฑปฏิบัติไม่รู้ว่าฝ่ายฝึกอาชีพอบรมอะไรไปบ้าง หรือ
ฝ่ายต่างๆ ไม่รู้ว่าฝ่ายบริหารได้งบอะไรมาบ้าง
และนโยบายตัวชี้วัดไม่ได้กระจายไปให้เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับรู้
ดังนั้นการจัดทำเอกสารข่าวเรือนจำ
จึงคิดว่าเป็นประโยชน์ในส่วนนี้
และในเอกสารข่ายทุกฉบับก็จะแทรกเรื่อง KM /
ความเคลื่อนไหวด้าน KM ลงไป
เพื่อให้เจ้าหน้าที่รู้สึกคุ้นเคย เมื่อถึงเวลาที่จะดำเนิน
KM ต่อเรื่อยๆ ก็จะสะดวกขึ้น
ตอนนี้จัดทำจดหมายข่าวไปได้ 7 ฉบับแล้ว
และได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
ความเห็นที่ประชุม
อ. จิรัชฌา วิเชียรปัญญา ให้ความเห็นในฐานะที่ปรึกษา KM ของเรือนจำพิษณุโลกว่า เรือนจำพิษณุโลกนั้นเริ่มต้นทำ KM โดยเริ่มจัดการที่ Explicit Knowledge ก่อนและเริ่มจากเรื่องที่เป็นปัญหาในการทำงานจริง หรือส่วนที่ทำอาจเรียกว่าเป็น Information management (IM) ซึ่งเข้ากับมิติที่ 4 ของ ก.พ.ร. ได้พอดี แต่ ก.พ.ร. อาจจะเน้นหนักที่ IT และถ้าคิดต่อ KM เรือนจำพิษณุโลกนั้นมี 2 ส่วนให้จัดการ คือ KM ที่ทำของเจ้าหน้าที่หน่วยงานในเรือนจำ และ KM ของกลุ่มนักโทษ (ซึ่งแต่ละคนมีความรู้ และมีความหลากหลาย) ซึ่งในส่วนหลังนี้จะทำให้นักโทษเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เป็นอีกทางไปเสริมพลังยุทธศาสตร์ “คืนคนดี สู่สังคม” ได้ดียิ่งขึ้น ลดอัตรส่วนวงจรการกลับเข้าเรือนจำซ้ำของนักโทษให้น้อยลงได้
I AM READY เป็นตัวย่อทั้งหมดครับ เช่น I ย่อมาจาก Integrity แต่ผมจำตัวอื่นไม่ได้ เข้าไปค้นในเว็บไซต์ของ กพร. ก็จะพบครับ เป็นเรื่องของ อกพร. ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ฯ
วิจารณ์