บันทึกครั้งที่แล้วเป็นความรู้เกี่ยวกับทานตะวันและที่มาของชื่อทานตะวัน รวมทั้งมีบทเพลงที่สามารถเข้าไปฟังได้ สำหรับบันทึกวันนี้จะได้นำความรุ้ที่เป็น Tacit Knowledge เกี่ยวกับผึ้งและดอกทานตะวัน ซึ่งได้มาจากการได้พูดคุยกับผู้เลี้ยงผึ้ง (วีระวัฒน์) ซึ่งความรู้นี้เกิดจากการปฏิบัติของผู้เลี้ยงผึ้ง เมื่อพาผึ้ง (ย้ายผึ้ง) ไปเก็บน้ำหวานจากดอกทานตะวันครับ
ก่อนอื่นขอนำภาพสวยๆ มาฝากสัก 1 ภาพก่อน
ภาพทุ่งทานตะวันเหลืองอร่าม ส่วนที่เห็นเป็นแดง,ฟ้า,ชมพู เล็กๆ คือ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เข้าไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ส่วนมากนักท่องเที่ยวมาจากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ หลายจังหวัดด้วยกัน ทำให้นึกถึงทุ่งบัวตองในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งบานในฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของทุกปี เจ้าทุ่งทานตะวันแถวจังหวัดลพบุรี,สระบุรี,เพชรบุรณ์นี่ จึงน่าจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของทุ่งบัวตองครับ เพราะบานในเวลาที่ใกล้เคียงกัน | |
ดอกทานตะวันมีการปลูกกันมากบริเวณพื้นที่รอบ ๆ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี, สระบุรี และ เพชรบูรณ์ เป็นต้น แต่บริเวณพื้นที่ปลูกทานตะวัน มีการกระจัดกระจายไม่ติดแน่นเป็นพืดเหมือนกับการปลูกลำไยในภาคเหนือ ดังนั้น ผู้เลี้ยงผึ้งต้องวางผึ้งเป็นกลุ่มๆ ตามปริมาณของดอกทานตะวัน ซึ่งทานตะวันจะบานในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคมของแต่ละปี น้ำหวานจากดอกทานตะวันมีปริมาณมาก ผึ้งไปเก็บน้ำหวานแต่ละวันจะได้น้ำหวานจำนวนมาก ผู้เลี้ยงผึ้งเรียกว่า "น้ำหวานแรง" คือถ้าชั่งน้ำหนักรังผึ้งทุกวัน น้ำหวานจะเข้ารังมากกว่าวันละ 4 กิโลกรัม เมื่อเป็นเช่นนี้ ผึ้งนางพญาจะหาที่วางไข่ไม่ได้ ทำให้ผึ้งทรุด (ประชากรลดลง) ภายหลังจากการเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งจากดอกทานตะวัน (ย่อหน้านี้กับย่อหน้าต่อไปเป็น Tacit knowledge ของผู้เลี้ยงผึ้ง)
น้ำผึ้งจากดอกทานตะวันค่อนข้างเป็นพิษต่อผึ้ง (แต่มีประโยชน์ต่อคน) เนื่องจากมีปริมาณส่วนที่เป็นไขมันมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น ทำให้ผึ้งมีอายุสั้นลง (อาจเนื่องมาจากการทำงานหนักด้วย) ผึ้งจึงทรุดอย่างรวดเร็ว (ส่วนนี้ต้องการงานวิจัยเรื่อง "ผึ้งกับดอกทานตะวัน")
นอกจากนั้นน้ำผึ้งจากดอกทานตะวันยังตกผลิกอย่างรวดเร็วที่อุณหภูมิห้อง เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลกลูโคสมากกว่าฟรุคโตส น้ำตาลกลูโคสเป็นตัวเร่งให้มีการตกผลึกในน้ำผึ้ง ทำให้ผู้บริโภคคิดว่าเป็นน้ำผึ้งปลอมจึงไม่กล้าซื้อ แต่สถานการณ์ก็ไม่รุนแรงมากเพราะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มากทำให้น้ำผึ้งขายดีพอสมควร
ที่จังหวัดสระบุรีมี "ชมรมฅนรักผึ้ง" ซึ่งมีคุณอรพินธ์ โรจนะ (ตุ๊ก) สมาชิกสภาจังหวัดสระบุรี เป็นประธานชมรม (โปรดอ่านเรื่องเดิมได้ใน <Link>นี้ ) โดยการสนับสนุนของผู้ว่าซีอีโอของจังหวัดสระบุรีคือ นายทวีป เทวิน มีสมาชิกผู้เลี้ยงผึ้งประมาณ 400 ราย จาก 10 อำเภอของจังหวัดสระบุรี และฃมรมนี้มีนโยบายที่ไม่ต้องการให้คนจากจังหวัดอื่นย้ายผึ้งมาเก็บน้ำผึ้งจากดอกทานตะวันในจังหวัดสระบุรี
สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ "ชมรมฅนรักผึ้ง" จังหวัดสระบุรี ก็คือ
ขอปิดบันทึกฉบับนี้ด้วยภาพของน้ำผึ้งจากดอกทานตะวันของ "ชมรมฅนรักผึ้ง" ครับ
ภาพของน้ำผึ้งจากดอกทานตะวัน พร้อมกระเช้าสานที่น่าซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ |
(หมายเหตุ บันทึกนี้ทำให้เกิด Balance Blog ที่ 180 : 180)
สวัสดีค่ะ คือดิฉันเป็นคนเลี้ยงผึ้งมือใหม่ ซึ่งมีปัญหาเนื่องจากปั่นดอกสาบเสือ แล้วทำให้ประชากรผึ้ง ทรุดลงเป็นจำนวนมาก
อยากจะถามว่า มีวิธีการทำให้ผึ้งแข็งแรงบ้างไหมค่ะ ตอนนี้ย้ายผึ้งที่ปั่นสาบเสือ ไปไว้ใกล้ดอกข้าวโพดแล้วล่ะค่ะ แต่ผึ้งก้อยังไม่ฟื้นเท่าไหร มีวิธีช่วยบ้างไหมค่ะ ยังไงช่วยตอบกลับใน เมล์ด้วยนคะ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งค่ะ หรือว่ามีเบอร์โทรติดต่อบ้างไหมค่ะ จะได้โทรไปสอบถามเรื่องเทคนิคการเลี้ยงผึ้งน่ะคะ ขอบคุณมากน่ะค่ะ
ลืมบอกเมล์นะค่ะ [email protected] ค่ะ