สิ่งที่เรียนรู้จากการเป็นไข้


ผมเป็นไข้นอนซมอยู่หลายวัน พึ่งได้มีเรี่ยวแรงทำอะไรต่อมิอะไรได้หน่อยก็วันนี้ครับ อย่างไรก็ตามช่วงที่เป็นไข้อยู่สมองก็ไม่หยุดทำงานพยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงเป็นไข้และวิธีการที่จะป้องกันไม่ให้เป็นไข้อีกต่อไป เพราะตั้งแต่ผมกลับมา ม.สงขลานครินทร์ (มอ.) ถึงตอนนี้ก็ ๓ ปีแล้ว ผมเป็นไข้ช่วงนี้ทุกปี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเป็นไข้เลย

นอนคิดไปนอนซมไป ผมได้คำตอบว่า สาเหตุที่ผมไม่เป็นไข้ก่อนหน้านี้เพราะผมฉีดวัคซีนป้องกันทุกปีและอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการควบคุมอุณหภูมิที่ไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากนัก (controlled environment)

ส่วนสาเหตุที่ผมเป็นไข้ทุกปีใน ๓ ปีนี้ เพราะช่วงนี้ของปีอากาศเปลี่ยนแปลงและที่หาดใหญ่ฝนจะตกไม่ลืมหูลืมตาแทบจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ส่งผลให้น้ำประปาเย็นจัดและผมชอบอาบน้ำนาน นอกจากนี้แฟลตที่ผมอยู่ยังติดริมเขามีความชื้นสูง การเปิดหน้าต่างรับลมเต็มที่ทำให้อุณหภูมิและความชื้นในห้องเปลี่ยนแปลงตามบรรยากาศภายนอก (open environment) ซึ่งก่อนหน้านี้ผมคิดว่าดี ก็...แหม rainforest environment หาซื้อที่ไหนไม่ได้นะครับ

เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว ผมเลยไปซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นอาบน้ำมาติดตั้งเมื่อวาน ก่อนหน้านี้ผมไม่คิดจะซื้อเครื่องนี้ เพราะคิดว่าเป็น luxury item ที่แปลกแยกตัวเราออกจากสภาวะแวดล้อมรอบตัวเรา ในขณะที่อาบน้ำในอุณหภูมิธรรมชาติซึ่งเป็นอุณหภูมิที่อาบได้นั้น เป็นการได้สัมผัสธรรมชาติมากกว่า

แต่หลังจากการนอนซมด้วยพิษไข้เป็นครั้งที่ ๓ ของรอบ ๓ ปีทำให้ผมเรียนรู้ว่าเครื่องทำน้ำอุ่นไม่ใช่ luxury item อีกต่อไปแต่น่าจะเป็น necessary item สำหรับการดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่อุณหภูมิของน้ำมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงและบางครั้งก็เปลี่ยนแปลงไปสู่อุณหภูมิที่ต่ำเกินกว่าที่เราควรอาบ แต่อุณหภูมิที่ “ต่ำกว่าสมควร” ไปนิดหน่อย เกินกว่าร่างกายจะรับรู้ทำให้เราไม่รู้ว่า “ไม่สมควร” อาบ แล้วถ้าเราชอบอาบน้ำด้วยแล้ว น้ำเย็นขนาดไหนเราก็จะฝืนอาบ ผลลัพธ์สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเป็นไข้ทุกที ด้วยเหตุนี้ผมจึงเปลี่ยนความคิดถือว่าเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นสิ่งซื้อได้ครับ

นอกจากนี้ผมยังเรียนรู้เพิ่มขึ้นมาอีกว่าในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงอย่างหาดใหญ่ในขณะนี้ (ซึ่งฝนตกหนักติดต่อกันมาเป็นสัปดาห์) การเช็ดตัวอย่างเดียวตัวจะไม่แห้ง ให้ใช้เครื่องเป่าผมเปิดความร้อนอ่อนๆ เป่าลมร้อนไปทั่วๆ ตัวด้วยจะรู้สึกว่าตัวแห้งขึ้น แต่เอาเครื่องเป่าผมมาเป่าตัวนี่ทำได้เฉพาะพื้นที่อากาศชื้นจัดๆ แบบริมเขาอย่าง มอ. เท่านั้นนะครับ ถ้าไม่ชื้นจริงทำอย่างนี้รับประกันว่าตัวจะแห้งคันคะเยอเป็นหนุมานแน่นอน

ตกลงเป็นไข้คราวนี้ผมเรียนรู้เพื่อการป้องกันเพิ่มขึ้นมาสองอย่าง ส่วนอย่างที่สามที่เรียนรู้มานานแล้วแต่ไม่ได้ทำมาหลายปีก็คือการไปฉีดวัคซีนป้องกันเสียในช่วงเดือนสิงหาคมหรือตุลาคมจะได้ไม่มาเสี่ยงกับโอกาสของการเป็นไข้อยู่ ปีหน้าไปฉีดแน่นอนครับ

หมายเลขบันทึก: 9147เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2005 12:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2012 13:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ตอนที่อายุน้อยกว่านี้ก็คิดเช่นเดียวกันค่ะว่า หากอาบน้ำเย็นจะทำให้ร่างกายเราแข็งแรง อาบน้ำอุ่นทำให้ผิวแห้ง โดยเฉพาะฤดูหนาวฝืนอาบน้ำเย็นจัดๆมา 20 กว่าปี หลายๆ ฤดูเข้าก็รู้สึกว่า ช่วงนาทีที่เรากั้นใจอาบน้ำเย็นจัด เมื่อน้ำราดรดตัวเรารู้สึกว่าใจมันเหมือนจะขาดสังเกตต้องร้องสูดด้วยความเย็นแต่เมื่ออาบน้ำเย็นแล้วร่างกายจะอบอุ่นลง แต่มันก็ยังทำ รู้สึกเลยว่าช่วงที่เราเย็นจัดๆ นั้นแทบจะช็อก ไม่ดีต่อสุขภาพเราแน่ๆ ในฤดูหนาวเครื่องทำน้ำอุ่นจึงช่วยได้เยอะ ไม่จำเป็นต้องให้อุ่นมาก ส่วนฤดูร้อนก็ปรับให้อุ่นโดยอาบน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยจะทำให้ร่างกายเราเคยชินกับการอาบน้ำอุ่นๆๆค่ะ
   หลายปีก่อนมีพระรูปหนึ่ง อายุประมาณ 60 กว่าปี อาบน้ำเย็นตอนตี 3 แล้วก็มรณะภาพเพราะการอาบน้ำเย็นนั่นเอง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างกระทันหัน เช่น การอาบน้ำเย็น เป็นต้น ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ดังนั้นการซักแห้ง (ไม่อาบน้ำ) ในบางครั้งบางคราว เมื่อเดินทางไปในสถานที่เราไม่เคยชิน เช่น อยู่หาดใหญ่เดินทางไปภูเรือตอนนี้ ก็อาจเป็นผลดีต่อสุขภาพก็ได้ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท