เวชระเบียน เป็นสาขาหนึ่งทางด้านสาธารณสุขและการแพทย์ เป็นสาขาที่มีความเข้าใจแตกต่างกันพอสมควร เพราะโดยความหมายแล้วก็เป็น ระเบียนทางการแพทย์ซึ่งความหมายมันกว้างเหลือเกิน อะไรก็ตามที่มีการบันทึกในทางการแพทย์ก็เป็นเวชระเบียนทั้งหมด งานที่ติดตามมาหลังจากมีการบันทึกจึงเป็นงานที่สำคัญยิ่งในระบบงานสาธารณสุข โดยเฉพาะการติดตามการรักษา การดูมาตรฐานการรักษา การดูประสิทธิภาพการรักษา จึงสามารถดูได้จาก เวชระเบียนทั้งสิ้น ด้วยความสำคัญในลักษณะนี้ เวชระเบียน จึงเป็นหัวใจของงานการแพทย์ ไปโดยปริยาย
อัตรากำลังในการดำเนินการทางเวชระเบียน จึงมีความหลากหลายของงานพอสมควร เนื่องจากงานทางด้านนี้แต่เดิมนั้น ผู้ดูแลจะต้องเป็นแพทย์ที่มีการลงทะเบียนเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมและขึ้นทะเบียน ทางด้านเวชระเบียน (Medical Record) โดยเฉพาะ ดังปรากฏในเอกสารของ แพทย์หญิง สมพร เอกรัตน์ อดีตแพทย์ทางด้านเวชระเบียน ของโรงพยาบาลศิริราช แต่เนื่องจากการขาดแคลนแพทย์ของประเทศไทย จึงมีการดำเนินการทางด้านเวชระเบียนแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น คือด้าน Medical Record Librarian เฉพาะการจัดทำ การจัดเก็บ การจัดค้น การบำรุงรักษา ตัวเอกสารทางด้านเวชระเบียนเท่านั้น จึงมีพยาบาลบ้าง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอื่น ๆ บ้างมาดูแลทางด้านนี้ โดยจ้างเจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานโดยเน้นการทำงานที่ห้องบัตรเป็นหลัก การดำเนินการเลยเป็นไปอย่างไม่ค่อยเป็นระบบนัก การจัดเก็บข้อมูลก็มีเพียงจัดเก็บตามที่กระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยบังคับบัญชาต้องการให้ส่งรายงานเท่านั้น จนกระทั่งอาจารย์แพทย์หญิงสมพร เอกรัตน์ ร่วมกับนายแพทย์สมชาย สมบูรณ์เจริญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติได้เสนอให้มีการดำเนินการเรียนการสอนทางด้านเวชระเบียนขึ้น โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนเวชสถิติ ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โดยมีที่เรียนคือโรงพยาบาลศิริราช และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ที่ชื่อว่าเจ้าหน้าที่เวชสถิติ เข้าไปดูแลงานเวชระเบียนของสถานประกอบการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ งานด้านนี้จึงพัฒนามากขึ้น เนื่องจากการได้เรียนรู้เรื่องระบบฐานข้อมูล และระบบคอมพิวเตอร์จากโรงพยาบาลศิริราช ก็สามารถที่จะขยายงานตามสถานประกอบการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งงานด้านสถิติ งานด้ายเวชสารสนเทศหรือคอมพิวเตอร์ทางการแพทย์ งานด้านเวชรเบียนผู้ป่วยนอกและเวชระเบียนผู้ป่วยในที่เคยทำมาแต่อดีตก็ได้พัฒนาเป็นระบบมากขึ้น ต่อมาทางมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดให้มีการศึกษาต่อทางด้านเวชระเบียนขึ้น ผู้ที่ทำอยู่ในตำแหน่งเวชสถิติเดิม จึงมีโอกาสในการศึกษาทางตรงที่ตัวเองจบมา ได้ศึกษาเพิ่มเติมด้านเวชระเบียนสมัยใหม่ ด้านสถิติที่สูงขึ้น ด้านคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ และด้านการศึกษาวิจัย ทำให้ปัจจุบันงานทางด้านเวชรเบียนครอบคลุมไปหลายส่วนงานในสถานประกอบการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ขอบเขตงานมีมากมายขึ้น ทั้งด้านเวชสารสนเทศ งานวิจัยด้านการแพทย์ และอื่น ๆ
งานเวชระเบียน จึงมีความสำคัญและเป็นหัวใจของสถานประกอบการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ที่ไม่สามารถมองข้ามงานทางด้านนี้ไปได้เลย และทำให้คนในระบบงานอื่น ๆ ของสถานประกอบการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ เข้าใจงานด้านเวชระเบียนมากขึ้นด้วย
หล่อจังเพ่
เวชระเบียน งานที่มีคุณค่า
คนต้องการผลจากเวชระเบียนมากมาย
แต่ไม่เคยเห็นคุณค่าของผู้ทำงานด้านนี้
ผู้บริการที่ทำดีแค่เสมอตัว
ผิดพลาดเล็กน้อยเป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกดูแคลน
คุณค่าของบุคลากร สภาพแวดล้อมที่ให้ทำงานอย่างมีความสุข แรงจูงใจในการทำงาน และกำลังใจที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่เคยมีให้แก่เจ้าหน้าที่เวชระเบียน
มีความเสี่ยงเกี่ยวกับเวชระเบียนไหมครับ
จริงอย่างคุณมิ้นท์เขียนไว้ ทุกคนจะมองไม่เห็นคุณค่าต้องการแต่ประโยชน์ เมื่อได้ไม่ผลดังที่คิดก็ย้อนกับมาต่อว่างานเวชระเบียนว่าทำงานด่านหน้าไม่มีคุณภาพ แถมเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนเป็นที่1เลย เพราะต้องรับอารมย์ผู้มาติดต่อเป็นจุดแรก น้อยใจในงานของตนเอง เหมือนปิดทองหลังพระเลยจริง ๆ
ตัวชี้วัดสำหรับแผนกเวชระเบียน มีอะไรบ้างอยากรู้จังเลย
ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนควรเคารพในหน้าที่ของกันและกัน เพราะทุกหน้าที่คือองค์กรเดียวกัน
ตอนที่บรรจุเข้าทำงานใหม่ ๆ แพทย์ท่านหนึ่งเคยพูดว่า งานเวชระเบียน ดือ... ."บัวใต้ตม"
เจ็บนะ ..แต่มันเป็นแรงผลักดันให้เราพยายามพัฒนา
ซึ่งก็ขึ้นอยู่ ผู้บริหาร "ยอม" ให้เราพัฒนา หรือไม่
ก็ยากนะ ...เราโดนเบรคงาน...ไป 2 ปี
และวันหนึ่งโอกาสก็มาถึง
ก้าวแรก ขยับขึ้น เป็น "บัวใต้น้ำ" ให้ได้
ถ้ามุ่งมั่น ตั้งใจ ก้อ ทำได้
ก้าวที่สอง ขยับขึ้น เป็น "บัวปริ่มน้ำ"
ใส่ใจ พร้อมใจ เต็มใจ มนุษยสัมพันธ์ ขอโทษ ขออภัย พร้อมแก้ไข
ก้าวปัจจุบัน ...เรามั่นใจ ..."บัวพ้นน้ำ".....
ก้าวถัดไป สำหรับเรา นำงานเวชระเบียน ให้เป็นที่ยอมรับ จากองค์กรภายนอก ให้ได้