KM ในบริษัท
ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
โดย
คุณสุรสิทธิ์ ตันธนาศิริกุล
เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่า Knowledge
คืออะไร ซึ่งเชื่อว่าตัว Knowledge
นั้น เมื่อเขียนออกมาเป็น pattern แล้ว
คนที่อ่านสามารถทำตามได้ ในเรื่อง KM
ปูนซิเมนต์ไทยให้ความสำคัญใน 3 องค์ประกอบใหญ่ (3P)
นั่นคือ People, Process และ Platform
People เป็นการพูดถึงการพัฒนาคน ซึ่งต้องคำนึงถึง
Personal Improvement สร้างคนที่รักจะพัฒนาตัวเอง, Knowledge
Responsibility สร้างคนที่ใฝ่รู้ เรียนรู้อยู่เสมอ
ไม่หวงความรู้ แบ่งปันไปยังคนอื่น, Solution Focus
Mindset สร้างคนให้มีวิธีคิดแบบมุ่งการแก้ปัญหา
Process กล่าวถึงกระบวนการที่ต้องมองตั้งแต่การค้นหา Knowledge
Gap ในองค์กร
ต้องรู้ว่าความรู้ที่บริษัทต้องการนั้นมีความรู้อะไรบ้าง
เมื่อทราบแล้วก็จะได้วางแผนต่อว่าความรู้ที่ต้องการไปหาจากที่ใคร
ที่ไหนได้บ้าง หรือหากมีอยู่แล้ว
ทำอย่างไรจึงจะแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นไปยังคนอื่นได้
ซึ่งทำให้เกิดการนำไปสู่การปรับปรุงผลงาน
สร้างความรู้ใหม่ และมีตัวชี้วัดความรู้
และต้องมีการบันทึกความรู้ในตัวคนเอาไว้
หากเป็นเรื่องในทางดีเก็บเป็น case study
หากเรียนรู้จากความผิดพลาดเก็บเป็น lesson learned
เพื่อไม่ให้ผิดพลาดเช่นเดิมอีก
การเรียนรู้ไม่ได้เกิดจากการอ่านตำราความรู้
คนอื่นที่เรียนรู้ต้องเอาไปปฏิบัติ
และเมื่อนำไปปฏิบัติแล้วเกิดความผิดพลาด นั่นก็คือ
Knowledge Gap ที่ต้องค้นหาต่อว่าสิ่งที่ขาดหายไปนั้นคือ
ความรู้อะไร
ทำอย่างนี้หมุนไปเรื่อยๆจนกลายเป็นความรู้ชัดแจ้ง
KM
นั้นหากเกิดขึ้นจริงในองค์กรได้นั้นต้องทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
พนักงานที่มีประสบการณ์น้อย
สามารถเรียนรู้ต่อยอดได้เร็ว
จำนวนความผิดพลาดซ้ำๆต้องลดลง
ความรู้เหล่านั้นต้องถูกจัดเก็บเป็นสมบัติขององค์กร
และสามารถยกระดับความสามารถทางการแข่งขันเหนือคู่แข่งขันได้
การพัฒนาในระยะแรกจึงเป็นต้องสร้างให้เกิดเป็น Knowledge Based
ส่งเสริมให้คนในองค์กรต้องการเรียนรู้
และสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้เร็ว
ความรู้เหล่านี้จะถูกพัฒนาจนมี pattern
ที่มีน้ำหนักมากขึ้น
ความรู้จะถูกแยกออกมาเป็นความรู้เพื่อการทำงานเฉพาะเรื่อง
เป็นกระบวนการทำงานที่มีขั้นตอน ซึ่งได้จาก core process
ของการทำงานอย่างใด อย่างหนึ่งนั่นเอง เช่น
การบริหารค่าจ้าง ความรู้อีกแนวหนึ่งคือ case
study และ lesson learned
จำเป็นต้องเก็บรวบรวมเพื่อชุดความรู้ให้คนในองค์กรได้เรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ใหม่ต่อไป
เช่น
การเรียนรู้ประสบการณ์ล้มเหลวของธุรกิจกระดาษยักษ์ใหญ่อย่าง Siam
Craft เป็นต้น
การย่อยความรู้จากตำราโดยมอบหมายให้กลุ่มไปอ่านแล้วแลกเปลี่ยนมุมมอง
ย่นย่อเป็น report สั้นๆ และเก็บบันทึกไว้ใน Knowledge
based ส่วนระบบ E-Learning
นั้นต้องปรับวัฒนธรรมของคนในองค์กรให้เป็น E-Culture
เสียก่อน
ไม่เช่นนั้นระบบที่สร้างมาจะเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
อยากทราบว่าใช้เกณฑ์หรือนำนโยบายของบริษัทมาเป็นพื้นฐานในการดำเนินการให้บริษัทเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนพนักงานล่าสุดของเครือปูนซิเมนต์ไทยเพื่อใช้ในการทำวิทยานิพนธ์ค่ะ
ต้องติดต่อไปที่ปูนซิเมนต์เองครับ
กำลังคิดที่จะทำ ตัวชี้วัด km ควรจะเริ่มอย่างไรดี