ข้อคิดดี ๆ จากนิทานอาหรับราตรี


ของวิเศษแต่ละอย่างก็มีความวิเศษในตัวเอง แต่ของวิเศษหลายๆ อย่างต้องนำมาใช้ร่วมกันก็จะทำให้เกิดความสำเร็จได้

     ปาฐากถานิทานสามชาติ โดย ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 แก่ผู้ที่ไปร่วมแสดงมุทิตาจิตกับท่านเนื่องในโอกาสครบรอบ 72 ปีไว้ และ นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ได้นำมาถ่ายทอดไว้อีกต่อหนึ่ง ผมก็ได้รับมาอีกต่อหนึ่งจากพี่ ๆ ทีมงาน QRT จังหวัดพัทลุง ผมว่าน่าสนใจดี ให้ข้อดิดดีทีเดียวครับ ดังนี้

     นิทานอาหรับราตรี กาหลิบชาลีอัลเป็นกาหลิบที่ซาอุดิอารเบีย พระมเหสีไปมีชู้กับน้องชายจึงต้องประหารมเหสี แล้วตัวเองก็มีสติฟั่นเฟือน กลัวผู้หญิงมาก จนมีการวางแผนว่าถ้าแต่งงานจะฆ่ามเหสีเสีย มีกฏมณเฑียรบาลว่าคนที่เป็นกาหลิบจะต้องมีมเหสี มิเช่นนั้นต้องยกแผ่นดินให้น้องชาย กาหลิบก็วางแผนกับคนในวังว่าถ้าให้สัญญาณแล้วให้เข้าไปฆ่ามเหสีในตอนรุ่งเช้า มีนางหนึ่งชื่อเจอราฮาซาด อาสาเข้าไปเล่านิทานให้กาหลิบฟังทุกคืน เมื่อเล่าไปแล้วตอนรุ่งสาง นิทานถึงจุดที่ตื่นเต้นพอดี กาหลิบก็อยากจะรู้ว่าเรื่องนั้นเป็นอย่างไรต่อ เลยไม่ได้ส่งสัญญาณจะให้ฆ่า สามารถทำอย่างนั้นไปได้ตลอดจนได้พันหนึ่งราตรี

     ที่จะยกมาเล่านี้เป็นนิทานตอนหนึ่งที่เจอราฮาซาดเล่าเกือบจะเป็นเรื่องสุดท้าย ก็เล่าว่าในดินแดนที่เป็นแคว้นเยเมน มีกาหลิบบินลา มีลูกชายสามคน แต่ละคนมีความเก่งกาจคนละด้าน ด้าน ในเรื่องของกำลังกาย คนหนึ่งเก่งมวย อีกคนหนึ่งเก่งเกาทัณฑ์ อีกคนหนึ่งเก่งดาบ แต่ลูกชายทั้งสามทะเลาะกันอยู่เรื่อย กาหลิบเมื่ออายุมากขึ้นไม่รู้จะเลือกใครให้สืบราชสมบัติดี ก็บอกให้ทั้งสามคนเดินทางไปหนึ่งปี ให้ไปหาของวิเศษที่มีอยู่ในโลก ถ้าใครเอาของวิเศษที่ดีที่สุดคนนั้นจะได้เป็นกาหลิบ ทั้งสามคนก็เดินทางแยกย้ายออกไปยังดินแดนไกลโพ้นเพื่อให้ได้ของวิเศษ

     มีการผจญภัยต่างๆ พอได้ของวิเศษมา เจ้าชายอาลีพี่ใหญ่ได้กล้องส่องทางไกล ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือ ประสงค์จะดูอะไรก็เห็นอย่างที่ต้องการเห็น เจ้าชายอาเหม็ดได้ลูกแอลเปิ้ลเขียว ที่สามารถรักษาโรคได้ทุกอย่าง (คงจะเหมือนกับสามสิบบาทรักษาทุกโรค) เจ้าชายฮุสเซนคนสุดท้องได้พรมที่เหาะได้ ครบกำหนดหนึ่งปีทั้งสามคนก็กลับมายังเมืองที่แยกย้ายก้นไป เมื่อมาถึงก็เอาของวิเศษออกมาอวดกัน เอากล้องมาส่องดูว่ากาหลิบเป็นอย่างไร ก็เห็นว่ากาหลิบกำลังป่วยหนักและทำท่าว่าจะไม่รอด ถ้าเดินทางจากตรงนั้นไปน่ากลัวไม่ทันการณ์ น้องอีกคนก็บอกว่าให้ขี่พรมไปสิ ไปถึงแล้วก็เอาแอปเปิ้ลเขียวให้กิน

     นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าของวิเศษแต่ละอย่างก็มีความวิเศษในตัวเอง แต่ของวิเศษหลายๆ อย่างต้องนำมาใช้ร่วมกันก็จะทำให้เกิดความสำเร็จได้ คนก็ทำนองเดียวกัน คนมีความวิเศษอย่างไรก็ตามก็อย่าประเมินตัวผิดคิดว่าฉันเป็นผู้วิเศษ คงจะต้องคิดว่ามีคนอื่นที่วิเศษอยู่ด้วย และเมื่อมาร่วมกันหลายๆ คนก็จะประสบความสำเร็จได้

หมายเลขบันทึก: 8829เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2005 20:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆนะคะ ^^~
ให้ข้อคิดดีครับ :)
     ต้องส่งผ่านคำขอบคุณให้กับท่านอาจารย์ทั้ง 2 ครับ คือ ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ผู้เล่า และ นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ผู้นำมาเล่าต่อ จนผมได้นำมาเผยแพร่ ด้วยเห็นว่าเป็นประโยชน์ และเตือนตนได้ครับ
     ต้องส่งผ่านคำขอบคุณให้กับท่านอาจารย์ทั้ง 2 ครับ คือ ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ผู้เล่า และ นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ผู้นำมาเล่าต่อ จนผมได้นำมาเผยแพร่ ด้วยเห็นว่าเป็นประโยชน์ และเตือนตนได้ครับ

เข้ามาอ่านเรื่องเล่าดีๆ ครับ

ในหนังสือนิทานที่ดิฉันเคยอ่านมเหสีไม่ได้เป็นชู้กับน้องชายการีบ แต่เป็นชู้กับทหารต่างหาก ฉันส่งสัยว่าต้นฉบับที่แท้จริงมันคืออันใหนกันแน่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท