การเรียนรู้ของครูภาวิณี
การเป็นครูชั้นประถมปีที่หนึ่งหลายปี
มีโอกาสสัมผัสรับรู้ความรักที่เด็ก ๆ ได้รับจากพ่อแม่ ปู่ ย่า
ตา ยาย ตลอดจนญาติผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด
ได้เห็นการแสดงออกของความรักหลากหลายรูปแบบ
ตามความต้องการตามฐานะทางเศรษฐกิจ
และตามฐานะทางสังคมของผู้ใหญ่ ความต้องการเป็นความรู้สึกรวม ๆ
เช่น ต้องการให้ลูกเป็นคนเก่ง คนดี
และมีความสุข ผู้ใหญ่แต่ละคนจะให้ความสำคัญกับความเก่ง
ความดี และความสุขแตกต่างกัน
บางคนให้น้ำหนักกับความดี
ส่งเสริมลูกให้เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย พูดจาไพเราะ
ช่วยเหลือผู้อื่นตามวัยและฐานะ
บางคนเน้นให้ลูกเป็นคนเก่ง
แสดงความชื่นชมยินดีอย่างมากเมื่อลูกสอบได้ที่หนึ่ง
บางคนให้ความสำคัญกับตำแหน่งที่หนึ่งมาก ถามลูกเตือนลูก
จนลูกก็เกิดอาการต้องการที่หนึ่งทุกเรื่องเคยมีผู้ปกครองมาถามผู้เขียนในฐานะครูประจำชั้นว่า
“ผลการเรียนเทอมนี้ ลูกดิฉันได้ 4 (A)
ไม่ทราบว่าเป็นลำดับที่หนึ่งของห้องหรือไม่” “ด.ญ.อร
ได้ 4 เหมือนกัน คะแนนจริง ๆ
เท่ากับลูกดิฉันหรือไม่”
“อาจารย์ช่วยประกาศลำดับที่ตามคะแนนจริงได้ไหม
ดิฉันคิดว่าจะช่วยให้เด็ก ๆ
ที่ได้ที่หนึ่งมีความภาคภูมิใจ” คำถาม
และคำแนะนำทำนองนี้มาจากผู้ปกครองที่ให้ความสำคัญกับความเก่งที่เหนือคนอื่น
จากการสังเกตเด็ก ๆ เรียนรู้ความต้องการของผู้ใหญ่
และมีพฤติกรรมคล้อยตามผู้ปกครองที่ต้องการเป็นคนเก่งทุกเรื่อง
เด็กจะมีบุคลิกค่อนข้างแข็งแกร่ง พอใจกับการแข่งขัน
บางครั้งมากเกินไปจนกลายเป็นคนที่จะเอาชนะ แพ้ไม่เป็น
เห็นแก่ตัว ขี้ระแวง จนเสียความสมดุลของการเป็นคนดี
สำหรับพ่อแม่ที่เน้นให้ลูกเติบโตอย่างมีความสุขที่สมดุล
จะไม่ให้ความสำคัญกับความเก่งที่ทิ้งเพื่อนให้ห่างตัว
ภูมิใจในความโดดเด่น พ่อแม่จะไม่ตามใจลูกอย่างไร้เหตุผล
เด็กเรียนรู้การแก้ไขตนเอง จากการติและชม
ไม่หวงของหวงความรู้
เพื่อรับการชมเพียงคนเดียว
มีน้ำใจช่วยเหลือกันเพื่อความสำเร็จของกลุ่ม ของห้อง
ของโรงเรียน สิ่งที่เป็นผลพลอยได้ที่ยิ่งใหญ่ คือ
เด็กมีความสุข
มีความเข้มแข็งทางอารมณ์และภูมใจที่ได้สร้างสรรค์ผลงานให้ส่วนรวม
เด็กจะพัฒนาความสามารถโดยกระบวนการของความต้องการให้มีส่วนสร้างสรรค์งานส่วนรวม
สังคมโรงเรียนเป็นสังคมที่ครูมีส่วนจัดสรรเพื่อเด็กให้มีโอกาสพบสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ภายใต้การวางแผนที่รู้กับเงื่อนไขการเรียนรู้ตามจริงของระบบโรงเรียน
และห้องเรียน
ครูใช้หลักการสร้างสังคมในห้องเรียนเพื่อชีวิตที่มีความสุข
ให้เด็กพัฒนาตนเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าในตนเองทุกคนตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
เด็กเรียนรู้จากสถานที่เอื้อในโรงเรียนจากข้อจำกัดที่แตกต่างกับสภาพแวดล้อมเล็ก
ๆ ของครอบครัว มาแก้ไขจุดอ่อนที่ติดมากับความคิดเดิม
ความรู้สึกเดิม
และนำความสามารถตนเองให้เข้ามาร่วมทำให้ห้องเรียนและโรงเรียนน่าอยู่
เป็นสภาพที่ท้าทายให้เด็กเป็นผู้สร้างด้วยความถนัด
ความสามารถที่แตกต่างด้วยเป้าหมายโรงเรียน
และห้องเรียนที่ปรารถนาร่วมกัน
ความสำเร็จของงานครู ป. 1 น่าจะวัดได้จากปรากฎการณ์ 3 ข้อ คือ
(1) จำนวนนักเรียนที่มาโรงเรียนครบถ้วน
นักเรียนทุกคนร่าเริงแจ่มใส มีสุขภาพดี
มาโรงเรียนด้วยความรู้สึกอยากมา ไม่ต้องบังคับ
มุ่งหาสิ่งที่อยากพบหมายรู้ของตนเอง ต่อจากนั้น
(2)จำนวนนักเรียนที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูกำหนดบ้าง
ครูวางเงื่อนไขให้นักเรียนทำโดยให้นักเรียนเลือกตัดสินใจเองบ้าง
หรือมีกิจกรรมหรือการกระทำที่นักเรียนคิดได้อยากทำอีกมากมาย
เป็นภาพการเคลื่อนไหวของนักเรียนตามประสาความอยากรู้อยากเห็น
และเกิดจากการถูกท้าทายด้วยการได้รู้ได้เห็น
ประการสุดท้าย คือ (3)
จำนวนนักเรียนที่ทำงานอย่างมีความสุข
บอกได้ด้วยความภาคภูมิใจว่าสิ่งที่ได้ทำ และสิ่งที่ทำได้
จากประสบการณ์ของครูบอกได้ว่าความสุขในการทำงาน
คือ การมีผู้ปกครองเป็นแนวร่วม
และมีผู้ช่วยเหลือรอบด้าน
และที่สำคัญที่สุดคือนักเรียน
ครูจึงทำงานอย่างไม่โดเดียว
มีความช่วยเหลือรอบด้านอย่างอบอุ่น
ไม่มีความเห็น