เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆจากงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 2

การที่เราบอกว่าไม่มีเวลานั้น เรากำลังพูดว่า เราให้ความสำคัญของเรื่องนี้ น้อยกว่าอันอื่น อะไรที่วัดได้เราใช้การจัดการ อะไรที่วัดไม่ได้เราใช้ ภาวะผู้นำ ความรู้เด่นชัด ใช้ Tool & Technology ความรู้ซ่อนเร้น ต้องใช้ Process & People

ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 2

และได้รับสิ่งดีๆมากมาย ตั้งใจจะเขียนใน blog นานแล้วแต่ไม่ได้เริ่มซักที ได้ยินอาจารย์ท่านหนึ่งพูดว่า  การที่เราบอกว่าไม่มีเวลานั้น  เรากำลังพูดว่า เราให้ความสำคัญของเรื่องนี้ น้อยกว่าอันอื่น  กลับมาบ้านจึงเริ่มเขียนทันที

มีเรื่องประทับใจคือ ได้คุยกับปูชนียบุคลสองท่าน  คนแรก ลุงประยงค์  รณรงค์  ลุงประยงค์บอกว่าขั้นแรกเริ่มทำของตัวเองก่อนจนประสบความสำเร็จ แล้วคนอื่นเมื่อเห็นก็จะมาขอเรียนเอง และถ้าเป็นเรื่องที่ดีจริง ก็จะขยายออกไปเรื่อยๆ  ลุงประยงค์จะเริ่มจากที่ง่ายๆก่อน คนที่เห็นด้วย และมีศักยภาพ คนที่ยากๆเอาไว้ก่อนเพราะถ้าไปจับจะเครียด และหมดแรง

คนที่สอง คือ คุณหมอชาตรี เจริญศิริ จังหวัดน่าน ได้มีโอกาสรับฟังอาจารย์คุยกับ ดร.ธวัชชัย  ปิยะวัฒน์ ได้เห็นเทคโนโลยีสามารถนำช่วยงาน KM ได้อย่างน่าทึ่ง  อาจารย์ความคิดดีๆมากมาย  การใช้เมฆความรู้เพื่อนำเสนอความคิดของผู้ร่วมประชุม  การใช้ภาพ digital ในการนำเสนอมุมมองของ customer รวมถึงการให้เด็กๆไปถ่ายรูปด้วยกล้อง digital แล้วมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง  ฟังแล้วต้องรีบกลับไปซื้อกล้อง digital ให้ลูก

วันแรก เข้าฟังห้องเอกชน อาจารย์สุรสิทธิ์ ตันธนาศิริกุล เครือซิเมนต์ไทย พูดถึง  การทำให้คนมี  Knowledge responsibility กระตือรือร้นที่จะค้นหาความรู้ และถ่ายทอดความรู้ Solution focus mindset หรือมี sense of purpose สำนึกในวัตถุประสงค์ และ personal mastery นอกจากนี้ยังมี 3 generation ของ KM

ช่วงพักได้อ่านบอร์ดนิทรรศการของโรงพยาบาลศิริราช  ได้กล่าวถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ว่า

• ต้องชัด - ชัดในประเด็นที่อยากรู้ - ชัดในประเด็นที่แลกเปลี่ยน
• ต้องต่าง - เรื่องเดียวกันอาจมีประสบการที่แตกต่าง
• ต้องเจาะลึก- ต้องให้เข้าบริบท วิธีคิด เทคนิค ความสัมพันธ์ของวิธีการ ผลลัพธ์

วันที่สอง ช่วงเช้า ดร.ปรอง  กองทรัพย์โต บ.สแปนชั่น จก  จะทำ KM ต้องเตรียมคนให้พร้อมก่อน ทั้งสี่ด้าน  เก่ง ดี มีสุข เข้าสังคม  เปรียบ KM เหมือน วิตามิน ต้องเข้าไปอยู่ทุกส่วนขององค์กร  การทำ KM อย่าเริ่มจากศูนย์ ให้เริ่มต่อยอดสิ่งที่ทำมาแล้ว  ทุกเครื่องมือคือเรื่องเดียวกัน ตั้งแต่ 5ส HA    ความรู้เด่นชัด ใช้ Tool & Technology  ความรู้ซ่อนเร้น ต้องใช้  Process & People

ช่วงบ่าย การสร้างตัวชี้วัด ดร.บุญดี บุญญากิจ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ KM measurement ต้องดูที่  Why What Who How When  คุณหมออนุวัฒน์ พรพ.

มี step การคิดที่ดีมาก  เมื่อจะวัดอะไร ต้องดูก่อนว่า  เราอยากได้อะไรจากการวัด  ดูว่าเรา concern เรื่องอะไร จัดลำดับสำคัญ  ประเมินด้วยความรู้สึก แปลความรู้สึกเป็นคะแนน เลือกบางเรื่องมาติดตามตัวชี้วัด   การวัด วัดมากไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไม่วัดเลยก็ไม่ได้  วัดแล้วต้องเห็นโอกาสพัฒนา  แต่ถ้าวัดไม่ดี ไม่วัดดีกว่า

งานนี้มีคนพูดบ่อยว่า if we can't measure . we can't manage. if we can't manage. we can't improve. ผมเห็นด้วยกับประโยคแรก ส่วนประโยคหลังผมเห็นด้วยกับ อาจารย์ประพนธ์ ผาสุขยืด ที่ว่า อะไรที่วัดได้เราใช้การจัดการ  อะไรที่วัดไม่ได้เราใช้ ภาวะผู้นำ

[Thawat KMI]

เชิญชวนเขียนบทความ  "หลังมหกรรมจัดการความรู้"

เขียนเล่าว่า คุณวิวัฒน์  ประทับใจ  หรือไม่ประทับใจอะไรบ้าง   มีอะไรที่เอาไปใช้ได้บ้างกับงานของตัวเอง

เขียนแบบตีความอิสระ  ตามมุมมองของคุณวิวัฒน์นะครับ    ผมจะรวบรวมลงในจดหมายข่าว  "ถักทอสายใยแห่งความรู้"  ฉบับหลังมหกรรมฯ - มกราคม 2549

ส่งมาได้ที่

[email protected]   ไม่เกินวันที่ 5 มกราคม 2549 นี้นะครับ

ขอบคุณครับ

ด้วยความนับถือ

ธวัช  หมัดเต๊ะ

จนท.ประสานงานโครงการ  สคส.

โทร. 02-298 0664-8 ต่อ 221

[เพื่อนร่วมทาง]

ขออนุญาต link เพื่อการเรียนรู้เรื่องที่คุณหมอได้รับรู้มา ให้กับชาวกรมอนามัย ที่นี่นะคะ http://gotoknow.org/blog/kmanamai-nonta/66774