การประชุมมหกรรมการจัดการความรู้ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดโดย สคส. เป็นไปอย่างเข้มข้น มีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมหลากหลาย ได้พบคนคุ้นเคยจำนวนมาก แน่นอนว่า อ.วิจารณ์ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของการจัดการความรู้ ย่อมเป็นเป้าหมายที่คนจำนวนมากอยากจะได้พบ
พอพบหน้ากันปับ อ.วิจารณ์ก็บอกว่า "งานนี้เรียบง่ายมาก ผมไม่ต้องทำอะไรเลย ได้แต่บอกกับทีมงานว่า จะให้ผมทำอะไรก็บอกมา" แค่นี้ก็สื่อความหมายอย่างชัดเจนว่าอาจารย์ได้ empower ทีมงานไปเต็มร้อย ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ บอกกับอาจารย์เพียงว่าขอให้อาจารย์มาถึงที่ประชุมตอนเจ็ดโมงครึ่ง
อ.วิจารณ์เปิดหน้าแรกของหนังสือ "นานาเรื่องราวการจัดการความรู้" ให้ดูและบอกว่า เพียงข้อความไม่กี่ประโยคในคำนำ ทำให้ทีมงานกลับไปพลิกโฉมคุณภาพของหนังสือเล่มนี้อีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่ท่านเขียนก็คือ "เรื่องราวที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้คงจะตีความได้หลากหลายแบบแล้วแต่จริตของผู้ตีความ ในที่นี้ผู้ตีความคือทีมสร้างกระแสการจัดการความรู้ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า ทีมประชาสัมพันธ์ นำโดยคุณเปา และมีทีมงานอีก 3 คนคือ คุณตุ่ม คุณน้ำ และคุณแขก ท่านทั้งสี่นี้คือเจ้าของการตีความในหนังสือเล่มนี้ โดยที่มีการทำงานแบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับทีมงานของ สคส.และภาคีเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา" ความรับผิดและรับชอบทั้งปวงตกไปอยู่ที่ทีมงาน จึงระดมความสามารถทำกันอย่างเต็มที่
ผมเห็นความสามารถของทีมงาน สคส.แล้วชื่นใจและชื่นชม เมื่ออาจารย์กรุณาถ่ายทอดวิทยายุทธ์ให้เช่นนี้ก็เลยต้องขอนำมาบอกต่อครับ
อาจารย์ Empower เก่งจังค่ะ
ถ้าพวกเราช่วยกันใช้หลักการนี้
ศักยภาพที่ฝังอยู่ในตัวตนของทุกคน ต้องถูกดึงออกมาใช้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดแน่นอนค่ะ
ที่สำคัญคือได้ประโยชน์ทั้งผู้ Empower และผู้ถูก Empower ค่ะ