วานนี้ (วันจันทร์ที่ 28 พ.ย. 48) ผศ.ดร.มนตรี กรรพุมมาลย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยสถาบันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน (Naresuan Institute for Community Empowerment – NICE) ได้ส่งหนังสือ “Learning to Fly” มาคืนผม หลังจากยืมไปค่อนข้างนาน ตั้งแต่ประมาณวันที่ 10 พ.ย. 48 ซึ่งเป็นวันที่ผมได้รับเชิญให้ไปพูดคุยเรื่อง QA2KM ให้กับทุกคนใน NICE ฟังเป็นการโดยเฉพาะ
จำได้ว่า นอกจากท่านอาจารย์มนตรี (NICE) แล้ว ยังมีคุณไพฑูรย์ ช่วงฉ่ำ (สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ มน.) และท่านอาจารย์มาลินี ธนารุณ (คณะสหเวชศาสตร์ มน.) ที่ได้เคยมายืมหนังสือ “Learning to Fly” จากผมไปอ่านและอาจจะสำเนาไว้บางส่วนด้วย
โดยความรู้สึกส่วนตัว ผมคิดว่าการยืมหนังสือเล่มนี้เป็นสัญญาณหรือตัวชี้วัดอันหนึ่งว่า KM ได้เข้าไปอยู่ในความสนใจของผู้ยืมทุกท่านเป็นอย่างมาก (นั่งอยู่ในใจ) และ KM น่าจะมีผลต่อการทำงานของผู้ยืมหนังสือทุกท่าน และน่าจะมีผลต่อการปรับเปลี่ยนการทำงานขององค์กรที่ตนเองสังกัดได้ในที่สุด
สรุปแล้ว ณ วันนี้ KM ได้เริ่มเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาคน พัฒนางาน และพัฒนาฐานความรู้ขององค์กร อย่างน้อยก็ในหน่วยงานต่าง ๆ ของ มน. ดังนี้
1. สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ
2. QAU
3. งานวิจัย
4. คณะสหเวชศาสตร์
5. Mobile Unit
6. NICE (SML)
7. CoPs ต่าง ๆ เช่น สำนักงานเลขานุการคณะ การเงิน พัสดุ คนเลี้ยงผึ้ง NUQA, NUKM blog
8. ..........(ถ้าผมลืมที่ใดไปขออภัยด้วยครับ ชักมีมากจนไม่แน่ใจว่าครบหรือยัง)
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ สคส. ได้เข้ามา “จุดไฟ” เข้าไว้ ที่แรกที่โดนก่อนเพื่อนก็คือที่สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ แล้วลามต่อไปเรื่อย ๆ
ด้วยระบบและกลไกของ NUQA (QA2KM) ผมเชื่อมั่นว่า “ไฟ KM” จะลามไปทั่วทุกหน่วยงานทั้งที่เป็น Teaching Unit และ Non – teaching Unit อย่างช้าภายใน 3 ปีข้างหน้าเฉกเช่นเดียวกับ “ไฟ QA” ได้เคยรุกลาม มน. มาแล้วเมื่อ 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง 3 ปีข้างหน้านั้นเป็นช่วงระยะเวลาของการประเมินภายนอก (รอบ 2) พอดี แต่ทั้งนี้มิใช่ว่าเราทำ KM เพียงเพื่อให้ผ่านการประเมินนะครับ อย่าเข้าใจผิดกัน เป็นแต่เพียงว่ากรอบเวลามันมาพอดีกัน ผมเลยจับมาเป็น Milestone ให้เราได้สังเกตกันง่ายขึ้น หรืออาจจะถือได้ว่าเป็นผลพลอยได้หรือเป็นการเสริมพลังซึ่งกันและกันก็ได้
วิบูลย์ วัฒนาธร