มาเล่าต่อจากบันทึกนี้ จบจากดูตัวอย่างการทำงานอย่างมีความสุขของมูลนิธิข้าวขวัญแล้ว อ.เสาวรัตน์ ก็ได้ยิงคำถามต่อผู้ร่วมเสวนาว่า "แล้ว..พวกเราเองมีวิธีการหรือเคล็ดลับยังไง ที่ทำให้ทำงานอย่างมีความสุข" มีหลายวิธีที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ
มีความพอเพียง
คุณปรีชา จากหน่วยจุลชีวะ บอกว่าถ้าเรามีความพอเพียงชีวิตนี้น่าจะมีสุขได้ไม่ยาก แต่เจ้าตัวเองยอมรับว่ายังทำไม่ค่อยได้ เพราะตอนนี้มีงานล้นมือ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง งานบริการสังคมและเพื่อนฝูง คุณปรีชาบอกว่าอยากมีเวลามากกว่านี้ จะได้หาความรู้เพิ่มเติม อยากเข้าร่วมสัมมนาบ่อยๆ รวมทั้งอบรมคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม (ถ้าได้อย่างหลังสุดนี่ล่ะก็ จะมีความสุขกว่านี้ค่ะ)
ทำงานให้เหมือนอยู่บ้านเราเอง
พี่ไปรวิน จากหน่วยเคมีคลีนิค บอกว่าเรามาทำงานทุกวันเช้ามาเย็นกลับ เป็นกิจวัตร จงทำงาน (อยู่ที่ที่ทำงาน) ให้เหมือนกับอยู่บ้าน ...นั่นหมายถึง ทำด้วยความสบายใจ เต็มใจ เพราะอยู่บ้านเราเอง และทำอย่างเต็มที่เพราะทำให้บ้านเราเอง ไม่ใช่บ้านใครที่ไหน เราจะจัดระบบงานของตัวเอง ถ้าระบบดีไม่มีอะไรมาขัด งานมันก็จะไหลลื่นไปได้ด้วยดี ถ้างานไม่สำเร็จแสดงว่าระบบของเรายังไม่ดี (จำเป็นต้องปรับปรุง)
เป็นสุขเพราะที่ทำงานยอมรับ
พี่ศรี จากหน่วย genetic บอกว่าทุกวันนี้ทำงานด้วยความภูมิใจและมีความสุข เพราะที่ทำงานยอมรับผลงานของเรา ถ้าผู้ร่วมงานยอมรับ เราก็ทำงานไปด้วยกันอย่างมีความสุข...เนาะ
เป็นสุขได้...ถ้าเราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พี่น้อย บอกว่า เราจะทำงานอย่างเป็นสุขถ้าคนทำงานด้วยกันมีน้ำใจให้กัน มีผ่อนหนักผ่อนเบาไม่ตึงเครียดเกินไป เมื่อเพื่อนทำงานพลาด ก็ช่วยกันประสานงานแก้ไขปัญหานั้นให้ลุล่วงไป (ไม่ใช่คอยซ้ำเติม) และ..เพิ่มเติมอีกอย่าง "สุขภาพ" เป็นเรื่องสำคัญ จะเป็นสุขเมื่อร่างกายแข็งแรง จิตใจเบิกบาน
เป็นสุขได้...ด้วยใจเราเอง
คุณสมชาย จากหน่วยคลังเลือดบอกว่า ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ถ้าใจเราเป็นสุข จะทำงานที่นี่หรือที่ไหนก็เป็นสุขได้ (ไม่ยาก) ถ้าใจเป็นทุกข์จะด้วยถูกตำหนิจากเจ้านายหรือทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ต้องแก้ที่ใจตัวเอง หาใช่ใครอื่น
ประทับใจทุกคนเลยค่ะ นี่แหละหนอ ผลของการ"เปิดใจ" คนอ่านก็พลอยเปิดใจ รับเอาแง่คิดดีๆไปใช้บ้าง
ขอบคุณคุณลิขิตเก่งๆอย่างคุณ nidnoi นะคะ ที่เก็บความแล้วมา "ใส่ความ"ได้ยอดเยี่ยมเสมอ
คุณนิดหน่อยคะ
เพราะถ้าใจเราเป็นสุขสิ่งที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน เรื่องชีวิต เรื่องการอยู่ร่วมในสังคม ก็จะเป็นสุขตามค่ะ
ขอบคุณพี่โอ๋ และพี่สมพรค่ะ
เป็นเรื่องจริงค่ะว่า ทุกอย่างอยู่ที่ "ใจ"