<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมและทีมงานตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการจัดโครงการการจัดการความรู้ด้านกิจกรรมสู่นิสิต : ภาคค่ายฤดูร้อน ประจำปีการศึกษา 2549 เพราะนี่คือครั้งแรกที่ขับเคลื่อนกระบวนการจัดการความรู้ด้านกิจกรรมไปสู่นิสิต – เป็นครั้งแรกของคณะเจ้าหน้าที่กองกิจการนิสิตที่จะนำนิสิตเข้าสู่เวทีจัดการความรู้</p>
ผมยอมรับว่าตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่น แต่มิได้วิตกกังวลกับความใหม่ที่ไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย เพราะเหนือสิ่งอื่นใดผมเชื่อและตระหนักว่า “นิสิต หรือผู้นำนิสิตเหล่านี้มีความรู้ฝังแน่นตกตะกอนอยู่ในตัวตนของพวกเขาอยู่แล้ว” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความรู้และประสบการณ์ด้านกิจกรรมที่เกิดจากการปฏิบัติจริง” เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครชวนคิด ! ชวนทำ ! และชวนสร้างเวทีเกี่ยวกับการจัดการความรู้อย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง !
</span><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p></p><p>ผมไม่เคยลังเลต่อการเชื่อว่านิสิตของ มมส มีศักยภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่านิสิตของสถาบันอื่น ๆ เพราะจากชีวิตที่ฝังตัวอยู่ใกล้ชิดกับพวกเขา การได้มีโอกาสรับรู้และสัมผัสความคิด หรือแม้แต่การปฏิบัติจริงในวิถีกิจกรรม ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่า “ขุนพลกิจกรรม” ทั้งหลายต่างมี “ความรู้ที่ฝังอยู่ในตน” (Tacit Knowledge) อย่างมากมายมหาศาล อัดแน่นด้วยทักษะ (Skill) จัดเจนด้วยประสบการณ์ (Experience) และเรื่องบางเรื่องของกิจกรรมแห่งยุคสมัยเช่นนี้ ผมก็เชื่ออยู่ไม่น้อยว่า บางที, พวกเขารู้และจัดเจนมากกว่าผมด้วยซ้ำไป !</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ภายหลังการหารือร่วมระหว่าง ผม – คุณวัฒนพงษ์ คงสืบเสาะ (หัวหน้างานกิจกรรม) และคุณวิฑูรย์ เหลือพล (จนท. หนุ่มใหม่ไฟแรง) ผมไม่ชักช้าและโยเยที่จะสั่งให้ขับเคลื่อนแนวคิดเช่นนี้อย่างทันที พร้อมกับสั่งโละแนวคิดโครงการปฐมนิเทศการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ที่เคยจัดต่อเนื่องมาทิ้งไป หันมาปรับแต่งรูปลักษณ์โครงการเสียใหม่จากการนั่งฟังในแบบปฐมนิเทศมาเป็น “นั่งฟัง นั่งคิด ร่วมคิด ร่วมสร้าง” ตามสไตล์ของกระบวนการจัดการความรู้</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">กรอบแนวคิด : ที่มาที่ไปและวัตถุประสงค์ของการขับเคลื่อนในยกที่ 1</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่านิสิตที่ทำกิจกรรมมีความรู้ฝังแน่นอยู่ในตัวตนกันทุกคน หากแต่ยังขาดเทคนิคและความเข้าใจในการขับถ่ายผลึกความรู้ หรือ พลังทางปัญญาเหล่านั้นออกมาสู่สาธารณชน เราในฐานะคนดูแลและเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาศักยภาพของนิสิต จึงจำเป็นต้องเร่งระดมการสร้าง “เวทีทางความคิด” ให้พวกเขาอย่างไม่ล่าช้า โดยถือเอาช่วงที่นิสิตเหล่านี้กำลังจะเคลื่อนองค์กรออกไปจัดกิจกรรมนอกสถานที่ (ค่าย) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “เทศกาลค่ายภาคฤดูร้อน” ภายใต้ชื่อโครงการ การจัดการความรู้ด้านกิจกรรมสู่นิสิต : ภาคค่ายฤดูร้อน ที่มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ คือ</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">1. เพื่อให้นิสิตเกิดองค์ความรู้และตระหนักในความสำคัญของการจัดการความรู้ทั้งต่อตนเองและองค์กร</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>2. เพื่อให้นิสิตได้แลกเปลี่ยนทัศนะว่าด้วยการบริหารและดำเนินการด้าน <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">กิจกรรมระหว่างองค์กรต่าง ๆ เพื่อก่อให้เกิดวิสัยทัศน์ของการขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างมีกระบวนทัศน์และทิศทางที่ชัดเจน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">3. เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้วัฒนธรรมแห่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อการพัฒนาศักยภาพการทำงานของตนเองและองค์กร</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">4. เพื่อให้นิสิตมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์และศิลป์ของการจัดกิจกรรมร่วมกันทั้งระหว่างนิสิตกับนิสิตและนิสิตกับชุมชน</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">5. เพื่อให้นิสิตสามารถนำความรู้ที่เกิดจากการเรียนในหลักสูตรไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการบริการชุมชน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><h1> รูปแบบ KM ยกที่ 1 : นั่งฟัง นั่งคิด ร่วมคิด ร่วมสร้าง </h1><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ผมสร้างกระบวนงานการจัดการความรู้ด้านกิจกรรมสู่นิสิตในแบบฉบับของผม , โดยอาศัยวิธีคิดที่คลุกคลีอยู่กับนิสิตมายาวนาน ไม่เน้นนำวิชาการว่าด้วย KM เต็มรูปมาชูประเด็น แต่ผมเน้นการสร้างแรงเร้าให้เกิดความสนใจด้วยการนำ “บันทึก” ของตนเองที่เขียนไว้ในบล็อกมาเรียกน้ำย่อย พร้อมกับบอกกล่าวต่อพวกเขาว่า “นี่คือส่วนหนึ่ง หรือวิธีการหนึ่งของการจัดการความรู้” </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">นอกจากนี้ยังเน้นย้ำว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง, เกิดขึ้นจากพลังกาย พลังสมองและสองมือของพวกเขาทั้งสิ้น ผมทำหน้าที่แต่เพียงผู้นำสารไปสู่สาธารณะ และเฝ้าหวังเสมอมาว่า “สักวันหนึ่ง, พวกเธอทั้งหลายจะลุกขึ้นมาเล่าเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตนเองเพราะเรื่องของเธอ เธอก็ควรเล่าด้วยวิธีของเธอเอง ! ” </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เชื่อหรือไม่ครับ…ได้ผลไม่น้อย, หลายคนให้ความสนใจต่อเรื่องราวเหล่านั้น ตั้งหน้าตั้งตาอ่านและขบคิดชวนฝันอยู่อย่างใจจดใจจ่อ บางคนมีแว้บมาคุยมาถามผมว่า “เขียนได้ไง .., อยากเขียนบ้าง,…” ซึ่งผมก็ย้ำหนักแน่นว่ามันเป็นเพียงวิธีหนึ่งในหลาย ๆ วิธีเท่านั้น แต่การเขียนเราทำได้ง่าย เพราะเป็นเสมือนการเขียนบันทึกประจำวันดี ๆ นี่เอง เพียงแต่เรื่องราวที่เขียนดูจะเป็นวิชาการและสาระมากกว่าบันทึกลับส่วนตัวที่เราขีด ๆ เขียน ๆ ระบายอารมณ์และชื่นชมบางคนบางเรื่องที่ผ่านเข้ามาในวันต่าง ๆ ของเราเป็นที่ตั้ง (เท่านั้นเอง)</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ครั้งนี้ผมและทีมงานกำหนดรูปแบบกิจกรรม 2 ส่วน คือ</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">1. ภาคเช้า : นั่งฟังและนั่งคิด </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ทีมงานของเราเน้นรูปแบบภาคเช้าด้วยการ “ปูพรมทางความคิด” โดยการเรียนเชิญ รศ.สุรชา อมรพันธุ์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิตและเขตพื้นที่มาให้โอวาทและข้อคิดเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมค่ายนอกสถานที่ รวมถึงการเรียนเชิญอาจารย์มงคล คาร์น ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต มาบรรยายเรื่อง “กิจกรรมนิสิตกับมิติการเรียนรู้ชุมชน” ซึ่งอาจารย์มงคล คาร์น ก็นำเรื่อง KM มาสอดแทรกไว้อย่างไหลลื่น พร้อมพูดคุย ซักถามและแลกเปลี่ยนกันประปราย</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">รศ.สุรชา อมรพันธุ์ ประธานเปิดงาน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">อ.มงคล คาร์น : ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> 2. ภาคบ่าย : ร่วมคิดและร่วมสร้าง <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หลังการปูพรมทางความคิดในภาคเช้า ทีมงานได้แบ่งกลุ่มระดมความคิด 4 กลุ่มใหญ่ โดยไม่เน้นการบังคับจับกลุ่ม แต่ให้เลือกที่จะไปเข้ากลุ่มตามความสมัครใจ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของกิจกรรมเพื่อให้นิสิตได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในค่ายตนเองสู่เพื่อนต่างองค์กรได้ร่วมรับฟัง เป็นการทะลายกำแพงความคิด, ทุบกะลาที่ครอบองค์กรตนเองออกแล้วก้าวมาสู่การแบ่งปันและรับรู้เรื่องราวของกันและกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่กว้างไกลและหลากหลาย เพื่อนำไปสู่การบูรณาการทางความคิดที่สามารถประยุกต์ใช้กับวัฒนธรรมองค์กรต้นสังกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 (การบริหารและการจัดการค่าย) กลุ่มที่ 2 (ทิศทางของค่ายในอนาคต) กลุ่มที่ 3 (ศิลปะการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน) กลุ่มที่ 4 (เรื่องเล่าเร้าพลังคนชาวค่าย)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ในทุกกลุ่ม – แต่ละคนจะได้บอกเล่าเรื่องราวของตนเอง รวมถึงวัฒนธรรมขององค์กรตนเองให้เพื่อนฟัง จากนั้นก็จะเข้าสู่การระดมความคิดในประเด็นที่กำหนดให้ พร้อมการนำเสนอในเวลาถัดมา</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">โปรดติดตามตอนต่อไป ….</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>
ทำไงหรอค่ะ ฉากหลังเป็นสีชมพู ลายตาข่ายอย่างงี้ สีสวยมาก
ว่าจะพูดหลสยทีแล้ว สงกะสัย
(ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่บันทึกเลยนะ แต่ว่าอยากรู้นะค่ะ)
ไมว่ากันเนาะ สงสัย แล้วอดถามไม่ได้ค่ะ
ผมก็ไม่ทราบเลยว่าฉากหลังนี้ได้แต่ใดมา เพราะน้องนุ้ย เจ้าหน้าที่แสนดีเป็นคนจัดการให้ เพื่อให้บันทึกผมดูเบาสบายลง
เพราะเธอเกรงว่า บางทีผมอาจจะเขียนข้นแข็งไปหน่อย สีสันเหล่านี้จะได้ช่วยให้ซอฟ ๆ ลงบ้าง
พรุ่งนี้ผมจะให้น้องนุ้ยจัดการบอกกล่าว...และส่งข้อมูลให้นะครับ
ยินดีเสมอครับ...
สวัสดีครับ อ.แป๋ว
กิจกรรมนี้ผมและทีมงานจัดกันง่าย ๆ ประหยัดงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งเราเชื่อว่านิสิตมีศักยภาพอยู่แล้ว พอพาเขาเริ่ม อีกหน่อยเขาก็จะจัดการกิจกรรมลักษณะเช่นนี้ได้เอง
สำคัญคือ ช่วงที่ 2 เราจะตามไปเยี่ยมค่ายต่าง ๆ จัดเก็บข้อมูล ถ่ายทำเป็นสารคดี นำมาประมวลเป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
ช่วงที่ 3 เปิดเทอมเราจะนำองค์กรเหล่านี้มารวมกันอีกครั้ง จัดเวทีให้นำเสนอผมลงานและประสบการณ์กันอย่างเต็มที่ จัดในช่วงปี 1 กำลังตื่นเต้นกับกิจกรรม เพื่อดึงดูดให้ปี 1 เข้าร่วมกิจกรรมและตามไปเยี่ยมค่ายกับองค์กรต่าง ๆ เหล่านี้
เสียดายตอนแรกผมยังอยากทำเป็น "ตลาดปัญญาชน คนชาวค่าย" จัดนิทรรศการเรื่องราวที่จะไปออกค่าย ให้นิสิตได้เลือกชมและเลือกที่จะเข้าร่วมได้อย่างเต็มที่ แต่คราวนี้มารับงานใหม่ อะไรต่ออะไรยังไม่พร้อม เลยชะลอไว้ก่อน รอทั้งคนของเราและรอทั้งองค์กรของนิสิต
ยังมีแรงทำกันไหวครับ
ขอบคุณครับ....
คุณโก๊ะ ครับ
ขอบคุณแทนนิสิตและทีมงานผมทุกคนนะครับที่กรุณาให้เกียรติและให้กำลังใจด้วยดีเสมอมา
เราต่างปรารถนาสร้างเบ้าหลอมที่ดีให้นิสิตเสมอครับ..ถึงแม้จะรู้ว่ายังไม่สมบูรณ์ และนิสิตส่วนหนึ่งก็เร้นหายไปจากเบ้าหลอมเหล่านี้ ..ยังไงก็ไม่สิ้นหวัง และมีความสุขที่จะทำต่อไป
ขอบคุณ (อีกครั้ง) ครับ
ตอนนี้เห็นลูกศิษย์อาจารย์มาเป็นชาวบล็อกหลายคนแล้ว...น่าชมเชยครับ
บันทึกของผมอ่านตอนไหนก่อนก็ได้..แต่สำหรับคนที่ถนัดขึ้นต้นไม้ทางปลายได้ต้องยอมรับว่าเยี่ยมยุทธ์
หรือผมจะลองเขียนบันทึกจากตอนจบมาสู่ตอนเริ่มต้นดี....ครับ ใช้กลวิธีนี้ราวกับเขียนวรรณกรรมเรื่องสั้น นวนิยายเลย สงสัยคนอ่านมีอันสับสน เวียนหัวเป็นแน่
ขอบคุณอาจารย์มากครับ
ขอบคุณครับ เจ้..
นำเสนออย่างนี้ในแบบสไตล์เรื่อย ๆ ของผมเข้ารูปเข้ารอย Km บ้างอยู่ใช่ไหมครับ
สวัสดีครับ
มีความสุขเสมอที่ได้ทำอะไรให้นิสิตและมหาวิทยาลัย เพราะรู้สึกอยู่ตลอดเวลาทั้งสองส่วนมีพระคุณต่อเราเสมอมา
ขอบคุณครับ
เจ้หนิง ครับ..
เมื่อวานก็เพิ่งถกเครียดเรื่องเวลาของแต่ละคน ผมเองก็ต้องปรับเรื่องการสแกนนิ้วฯ... เพราะมันเป็นระบบ น่าเบื่อยังไงก็เป็นระบบ...ทำงานล่วงเวลาเป็นชั่วโมง ก็ไม่สามารถนำมาหักลบการเข้างานช้าเพียงเสี้ยวนาทีได้
มีความสุขกับการทำงานครับ....ช่วงนี้ผมมีงานเยอะมาก ไม่มีเวลาเข้าบล็อก ไม่มีเวลาเขียนบันทึกเลย
จะยังไงก็แล้วแต่....มีความสุขกับการทำงานเป็นพอ
ก็ยังต้องบอกว่า สู้ ๆ ๆ ครับ