หมอกควันน่าน

                 ดูจากข่าว 5 มี.ค.ปีนี้ เครื่องบินลงสนามบินน่านไม่ได้  มีการเสนอข่าว และออกมาตรการกันยกใหญ่

                 ดูข่าวหนังสือพิมพ์ส่วนกลางหลายจังหวัดในภาคเหนือ ประสบปัญหาหมอกควันเช่นกัน

                 พูดถึงเรื่องของหมอกควันไฟ   บ้างว่า  ชาวบ้านทำลายป่า จุดไฟเผาป่า  แล้วถามอีกว่า  ใครกันต้องรับผิดชอบ

                 ผมขับรถไปตามดอยในชนบท  เห็นการถากถางเปิดพื้นที่ทำกินที่ชาวบ้านเรียกว่า ไร่หมุนเวียน มีการล้มไม้ไร้ไว้รอเผากันอยู่  หน้าแล้งมักจะเป็นแบบนี้ล่ะครับ

                  ขณะที่ชาวบ้านต้องเพาะปลูกพืชไร่  เพื่อให้ได้เงิน หรืออาหารจุนเจือในครอบครัว  สิ่งที่ทำกัน  ( ทำกันเยอะ ) ส่งผลให้เกิดหมอกควันไฟ  

                  เรื่องเหล่านั้น หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ได้ตั้งวงพูดคุย ทำความเข้าใจ ปัญหาหมอกควันไฟจะไม่เกิดซ้ำซาก  เมื่อไหร่ ๆ ๆ ก็แบบนี้ล่ะครับ

[Mr. ธนู ผลบุญ]

                ผมใช้เวลาช่วงวันหยุด  นั่งทบทวนว่า  การแก้ไขที่ผ่านมา  โดยผู้ใหญ่ในจังหวัด ที่พอเป็นทางออก ทางแก้เกี่ยวกับขวัญไฟมีหรือไม่?

                ใช่ซิครับ เคยมี สมัยที่จังหวัดสั่งให้ชาวบ้านนำเศษไม้ใบหญ้าไปขายที่อำเภอ ให้นายอำเภอรับซื้อไว้ในกิโลกรัมละ 1 บาท เพื่อนำมาทำเป็นปุ๋ยพืชสด หากใครผ่านไปที่ว่าการ อ.เมืองน่าน เห็นเป็นรูปธรรม

                แนวทางหรือวิธีการแบบนี้  ทำให้ชาวบ้านตระหนักว่า เศษไม้ใบหญ้ามีราคา สามารถนำไปขายได้เงิน หรือไม่ก็ทำเป็นปุ๋ยบำรุงดินได้  

                การเผาเศษไม้ใบหญ้า  ก่อให้เกิดมลพิษ  ชาวบ้าน ชาวน่าน จำนวนไม่น้อยยังรอการชี้นำและนโยบายแบบเขย่าสังคม เช่น สมัยที่ ดร.สุวัฒน์ฯ เป็น ผวจ.น่าน ได้ทำไว้มีดีให้ดูเป็นแบบอย่างไม่น้อย ( ต.ค.2545- ก.ย.2548 ) 

[TAFS]

Mr. tanu polbhun

เด็ดดอกไม้  สะเทือนถึง  ดวงดาวเรื่องนี้  มิใช่ของใคร  หรือกล่าวโทษกันได้ง่ายๆ  เพราะมันเป็นปัญหาโดยรวมมหภาค   เป็นงูกินหาง  ประเภท  จน  จึงไปทำไร่  ไม่มีที่ก็ต้องแผ่วถางป่าลึกเข้าไปฟรีที่เดิมขายไปแล้ว  (นี่คือตัวอย่างเล็กๆตัวอย่างหนึ่ง)ใครไม่จนไม่รู้  (หากตั้งวงพูดก็ต้องหมดกาแฟหลายถ้วย)ต้องกลับมาถามอีกว่าจน  เพราะอะไร......มันเกี่ยวพันไปหลายมิติ  หลายเรื่องหลายราวต้องสร้างสำนึกรักธรรมชาติเป็นเบื้องต้น   และทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน   เล่าเข้าไปว่ามันอันตรายมาถึงเราสักวันหนึ่งนะเห็นไหมหมอกควัน  มันแทรกเข้าไปทุกบ้านไม่ว่าคนจน  คนรวย  คนดี  คนเลวที่สุดก็ต้องสูดเข้าไปเพราะมันสะเทือนทุกชีวิตในสังคม  ไม่มีเว้น

เชิญเข้าชมเรื่องคล้ายกันนี้ที่

http://gotoknow.org/blog/EnvironmentandHealthcare/83282

โดยพลัน