บุคคลใดก็แล้วแต่ ที่คิดจะเข้ามาอยู่ในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว สิ่งที่บุคคลเหล่านั้นจะต้องทำนั่นก็คือ “ปักใจเชื่อมั่นในองค์กรของตน และทำดีให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้”
คนบางคนอาจคิดว่า มันไม่ใช่... งานบางงานน่ะ... ไม่ต้องทำดีที่สุดก็สามารถเห็นผลแล้ว
นั่นแหละ... เป็นความคิดที่ผิด...
เพราะมีองค์กรไม่กี่องค์กรหรอกที่ฉาบฉวยสิ่งเหล่านี้ได้... แต่ส่วนมากจะทำไม่ได้ เพราะการทำงานต้องทำด้วยฝีมือ ทำด้วยใจ ไม่ได้อาศัยความฟลุ้ค... ถ้าไม่เก่งอนาคตขององค์กรก็มืดมน ผลที่ตามมานั่นก็คือหน้าที่การงานของบุคลากรในองค์กรนั้นก็จะมืดมนตามไปด้วย
บุคลากรในองค์กรจะต้องมีความสามารถ และที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ “ความทะเยอทะยาน” ถ้าบุคลากรขาดความความทะเยอทะยาน พลังในการสร้างสรรค์งานให้กับองค์กรก็จะไม่เกิดขึ้นเลย ถึงแม้ว่าบุคลากรจะมีพรสวรรค์ก็ตาม แต่ถ้าขาดข้อนี้ไปก็ไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่
บุคลากรในองค์กรทุกองค์กร จึงจำเป็นต้องตั้งความหวังสูง ๆ เข้าไว้ เช่น ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่งที่สุด แต่เป็นคนที่สามารถพัฒนาองค์กรก้าวเดินอย่างราบรื่น ก็สุดยอดแล้ว....
ผมมองว่าเป็นเรื่องก้ำกึ่งกันนะ ระหว่าง "ความทะเยอทะยาน" ที่ว่า กับ "แรงบันดาลใจ (Passion)"
สองสิ่งอาจเชื่อมโยงกันได้ ณ ช่วงเวลาที่ลงตัว โดยแรงบันดาลใจ ส่งผลต่อการเกิดความทะเยอทะยาน ข้อสังเกตคือว่า ...จู่ๆ แล้วคนจะทะเยอทะยานได้ง่ายๆ นั้นหาได้ยาก อาจต้องใช้ แรงบันดาลใจ ช่วยอีกแรง
ความทะเยอทะยานของคนทำงานนั้น อาจเป็นเพราะมีเป้าหมายในการทำงานของตนเอง ซึ่งเป้าหมายนี้เองที่เป็นแรงผลักดันในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นค่ะ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ค่ะ
ปล. ภาพที่ใส่ไว้ ไม่แสดงนะค่ะ
ความทะเยอทะยานเปรียบเสมือนดาบสองคมครับ มีมากก็เครียด ตรงกันข้ามมีน้อยก็ไม่ก้าวหน้าครับ