ในบันทึก 3ตอนที่ผ่านมาได้เขียนถึงการพัฒนาองค์กรการเงินและสวัสดิการชุมชนที่พอช เข้าไปมีบทบาทในฐานะหน่วยงานที่มีภาระกิจโดยตรงในการพัฒนาองค์กรชุมชน หลังจากที่ผู้แทนองค์กรชุมชนทุกภาคได้ร่วมหารือและกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนองค์กรการเงินชุมชนกัน แล้ว พี่น้องภาคอีสานเป็นภาคแรกที่กลับไปจัดสัมมนา " ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูทุนชุมชนภาคอีสานขึ้น โดยใช้พื้นที่บ้านม่วงหวาน โคกเจริญ ตำบลจันดุม อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ เป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในพื้นที่ตัวอย่าง ซึ่งบ้านม่วงหวาน โคกเจริญ เป็นกรณีตัวอย่างของชุมชนที่มีการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้วยทุนชุมชนในมิติต่าง ๆ ในหมู่บ้านเล็ก ๆแห่งนี้ ชาวบ้านมีเชื้อสายเป็นชาว " กุย "ที่อพยพมาจากจ. สุรินทร์ เพื่อมาทำมาหากิน มีจำนวนครัวเรือนประมาณ 170 ครัวเรือน ประชากร 600 คน ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องกันภาษาที่ใช้คือภาษาส่วย ตลอดระยะเวลา 50 ปี ที่ผ่านมาชุมชนมีบทเรียนของการถูกเอารัดเอาเปรียบจากภายนอกชุมชน ทั้งในการซื้อขาย และมีปัญหาการลักขโมย ทำให้ชาวบ้านรวมตัวกัน และสร้างความสามัคคี ร่วมมือกันทำกิจกรรม เช่น กลุ่มออมทรัพย์ ร้านค้าสาธิต ธนาคารข้าว กลุ่มรถนวดข้าว กลุ่มโรงสีข้าว กลุ่มทำน้ำปลา กลุ่มสตรีทำขนม กิจกรามกต่าง ๆข้างต้น มีทั้งความสำเร็จและไม่สำเร็จ แต่กิจกรรมทั้งหมดเป็นเครื่องมือในการพัฒนาความเข้มแข็งของกลุ่มและชุมชนทำให้คนในชุมชนโดยอาศัยทุนทางด้านวัฒนธรรม ระบบเครือญาติ ความเชื่อมั่นในตัวแกนนำ เป็นฐานสำคัญ ทำให้หมู่บ้านนี้เป็นต้นแบบของการใช้ทุนเงินตรา ทำให้เกิดการสร้างทุนทางสังคมให้กับชุมชน (เกิดความรัก ความสามัคคี ระบบการช่วยเหลือกันและกันของคนในชุมชน โดยใช้กลุ่มออมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการสร้างทุนที่สอดคล้อง กับสภาพแวดล้อม ต่างจากชุมชนโดยทั่วไปที่มักจะใช้ชุมชนทีมีอยู่เช่น วัฒนธรรม ทรัพยากร มาแปรเป็นทุนเงินตรา บันทึกนี้ส่วนหนึงมาจากสุรุปการสัมมนาของเจ้าหน้าที่ส่วนเศรษฐกิจและทุนชุมชน พอช หลังจากนั้นผู้เข้าร่วมสัมมนาซึ่งมาจากพื้นที่ตำบลในภาคอีสานจำนวนกว่า 40ตำบล และมีพี่น้องภาคใต้ จากตำบลควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ไปร่วมสัมมนาและเรียนรู้เพื่อนำกลับมาขับเคลื่อนและยกระดับองค์กรการเงินชุมชนในภาคใต้และจัดสัมมนาในภาคใต้ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 30-31 มค ที่ผ่านมา ซึ่งใช้พื้นที่เรียนรู้ที่กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์วัดป่ายาง เป็นพื้นที่เรียน รู้ ซึ่งจะมีรายละเอียดในบันทึกตอนต่อไป
ไม่มีความเห็น